“อนุทิน” ไม่คิดแตกหักซีพี ยันเดินหน้า รถไฟเชื่อม 3 สนามบิน เพื่อประโยชน์ชาติ

วันที่ 3 ต.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้าในโครงการสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ซึ่งกำหนดให้กลุ่มบริษัทเอกชนผู้ชนะประมูลหรือกลุ่มกิจการร่วมค้า บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร (กลุ่ม CPH) ต้องมาเซ็นรับงานในวันที่ 15 ต.ค.นี้ ว่า มีการสื่อสารว่าตนหักกับกลุ่ม CP แต่ความเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น ขอให้เข้าใจว่าในฐานะรองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลเรื่องนี้ จำเป็นต้องทำงาน หากอยู่เฉยๆ จะจ้างตนทำไม และกลุ่ม CPH ก็ชนะการประมูลมาจะครบปีแล้ว จำเป็นต้องเดินหน้ากันเสียที

ทั้งนี้ เมื่อทางเอกชนเสนอราคาต่ำสุดถูกกว่าคู่แข่งประมาณ 6 หมื่นล้านบาท ก็ต้องยอมรับว่าภาครัฐเองยังตะลึงกับราคานี้ และพอใจมาก แน่นอนว่าพร้อมจะช่วยเหลือฝ่ายเอกชน แต่ก็ขอให้เป็นไปตามสัญญาที่ให้ไว้ นอกจากนี้เรามองถึงอนาคต เนื่องจากหากเซ็นรับงานไปทำแล้ว รู้ราคาแน่นอน ทางเอกชนจะได้ไปคุยกับซัพพลายเออร์ได้ งานจะได้เดินหน้า

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

การดำเนินการให้ CPH มาเซ็นรับงาน เป็นการทำเพื่อชาติ เพราะถ้ารถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินยังคาราคาซังกันอยู่ จะไปลดทอนความเชื่อมั่นนักลงทุน ที่จะมาลงทุนในโครงการ EEC โครงการทั้งหมดจะเกิดปัญหาทันที ดังนั้น ผมจำเป็นต้องทำ โครงการอื่นที่เกี่ยวกับ EEC ภาครัฐเดินหน้าเต็มที่ การที่เราออกจดหมายเรียกกลุ่ม CPH มาเซ็นสัญญา ก็เท่ากับทางนั้นรับทราบไปหมด” นายอนุทิน กล่าว

เมื่อถามว่าทางกลุ่ม CPH ต้องการให้รัฐ ส่งมอบพื้นที่ครบร้อยเปอร์เซ็นต์ จึงจะลงนามสัญญาก่อสร้าง นายอนุทิน กล่าวว่า ตามสัญญากำหนดเรื่องการส่งมอบพื้นที่ไว้แค่ 50 เปอร์เซ็นต์ และตอนนี้รัฐก็ทำได้ตามสัญญา ถ้าจะขอเพิ่มไปกว่านี้ การรถไฟแห่งประเทศไทยที่ดูแลรับผิดชอบ ต้องไม่ยอมแน่นอน

ส่วนที่บอกว่ากลุ่ม CPH กำลังหาแหล่งทุน อันนั้นไม่ทราบ เป็นเรื่องของเอกชน แต่ส่วนตัวมองว่าทางผู้ชนะการประมูล แค่ต้องการเงื่อนไขที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ แต่เชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพฝ่ายเอกชนทำโครงการนี้ได้แน่นอน และขอยืนยันว่าภาครัฐจะทำทุกอย่างให้ถูกต้องตาม TOR

คิดว่าวันที่ 15 ต.ค. กลุ่ม CPH มาลงนามสัญญาก่อสร้างแน่นอน เพราะหากไม่มาจะต้องโดนแบล็กลิสต์จากรัฐ เป็นการเสียชื่อบริษัท ยิ่งกว่านั้นหมายถึงว่านอกจาก CP แล้ว กลุ่มบริษัทที่ร่วมทุนทั้ง บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) บจ.ไชน่า เรลเวย์ คอนสตรัคชั่น บมจ.ช.การช่าง และบมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวลล็อปเมนต์ ก็จะได้รับผลกระทบในการประมูลงานรัฐในอนาคตด้วย เรียกว่าผลเสียมหาศาลจริงๆ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน