เมื่อวันที่ 13 เม.ย. พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก และรองโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า เทศกาลสงกรานต์ในปีนี้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ยังคงเข้มงวดในการดูแลความปลอดภัยในการสัญจรของประชาชนตามมาตรการ “ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ” โดยคาดหวังว่าในช่วง 12-18 เม.ย. ที่ดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว สถิติการยึดรถและจำนวนผู้กระทำความผิดจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น

ประเมินเบื้องต้นได้จากในปีนี้ทุกภาคส่วน มีความตื่นตัวในเรื่องความปลอดภัยของการใช้รถใช้ถนนอย่างเห็นได้ชัด ประกอบกับรัฐบาลได้ออกมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก อีกทั้ง กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดระเบียบ และตรวจสอบประสิทธิภาพของรถบริการสาธารณะไว้ล่วงหน้าแล้ว ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้เกิดความปลอดภัยในการสัญจรมากขึ้น

รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า นอกจากนี้ในปีนี้เจ้าหน้าที่ได้ให้ความสำคัญกับบริเวณที่ตั้งจุดตรวจ-จุดบริการประชาชน โดยเน้นการตั้งจุดอำนวยความสะดวกในบริเวณที่มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง รวมทั้งพื้นที่ล่อแหลมต่อการเกิดอุบัติเหตุ เช่น ก่อนถึงสี่แยกหลัก ก่อนถึงทางโค้งอันตราย ก่อนขึ้นทางลาดชัน เส้นทางที่มุ่งสู่แหล่งท่องเที่ยว เส้นทางตรงที่ถนนทอดยาว เพื่อลดทอนความเร็วของรถ เป็นต้น ซึ่งจะช่วยป้องปรามการใช้ความเร็วและกระตุ้นให้เกิดความระมัดระวังในการขับขี่ จึงขอให้ผู้ใช้เส้นทางได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ เคารพกฎจราจร มีน้ำใจต่อผู้ใช้เส้นทาง หากพบเห็นพฤติกรรมที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ขอได้แจ้งเจ้าหน้าที่ได้ตามจุดบริการตลอดเส้นทาง

พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวว่า ส่วนสถิติการกระทำผิดในวันที่ 12 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันแรกตามมาตรการ “ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ” เจ้าหน้าที่ได้ยึดรถที่ดื่มแล้วขับไว้แล้ว 435 คัน
ในส่วนของรถจักรยานยนต์ มีการกระทำความผิด 32,782 ครั้ง เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องยึดรถจักรยานยนต์และใบขับขี่ไว้ 433 คัน และส่งผู้กระทำผิดดำเนินคดี 30,071 ราย สำหรับรถโดยสารสาธารณะและรถยนต์ส่วนบุคคล พบการกระทำความผิด 27,337 ครั้ง เจ้าหน้าที่ได้ยึดใบขับขี่ไว้ 1,497คน ยึดรถยนต์ 102 คัน ส่งผู้กระทำความผิดดำเนินคดี 25,549 ราย

“ทั้งนี้การเข้มงวด “ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ” จะดำเนินการควบคู่ไปกับการแจ้งเตือนให้ปฏิบัติตามมาตรการลดอุบัติเหตุ คาดเข็มขัดนิรภัย สวมหมวกกันน็อค ไม่บรรทุกเกิน โดยเจ้าหน้าที่จะดำเนินการด้วยความละมุนละม่อม ใช้การแจ้งเตือน ชี้แจงทำความเข้าใจ ขอความร่วมมือให้ปฎิบัติตาม และใช้ดุลพินิจอย่างเหมาะสมตามพฤติกรรมของผู้ขับขี่ เพื่อความปลอดภัยของการสัญจรโดยรวม” รองโฆษกทบ.กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน