นายกฯสั่ง ‘มหาดไทย-ตำรวจ-กองทัพ’ ปรับวิธีแจงตัวเลข คนเจ็บ-ตายช่วงสงกรานต์-เทศกาลอื่น จากที่เคยแจ้งแค่ตัวเลข ปรับให้แจ้งสาเหตุโดยละเอียด จี้ช่วยกระตุ้นเตือนปชช.เปลี่ยนพฤติกรรม

เมื่อวันที่ 14 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการให้หน่วยปฏิบัติ เช่น กระทรวงมหาดไทย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองทัพ ฯลฯ ปรับวิธีการรวบรวมและรายงานข้อมูลการป้องกันและลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลสงกรานต์และเทศกาลอื่นๆ แก่สาธารณชน โดยให้เน้นลงรายละเอียดให้ครบถ้วน จัดทำแบบฟอร์มสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ เปรียบเทียบกับสิ่งที่กฎหมายห้ามไว้ ไม่เน้นรายงานจำนวนการเกิดอุบัติเหตุ ผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บในปีนี้เทียบกับปีก่อน เพราะไม่มีผลต่อการป้องกันแก้ไขปัญหาแต่อย่างใด

“นายกรัฐมนตรีย้ำว่า ต้องบอกให้ประชาชนรู้ถึงต้นเหตุของอุบัติเหตุแต่ละครั้งว่าเกิดจากอะไร เช่น เมื่อรถโดยสารสาธารณะประสบอุบัติเหตุ ผู้เสียชีวิตหรือผู้บาดเจ็บเป็นผู้ขับขี่หรือผู้โดยสาร คาดเข็มขัดนิรภัยหรือไม่ บรรทุกผู้โดยสารเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ รถยนต์ส่วนบุคคล มีการคาดเข็มขัดนิรภัยหรือไม่ ผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บนั่งด้านหน้าหรือด้านหลัง ส่วนรถกระบะมีการคาดเข็มขัดนิรภัยหรือไม่ ผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บนั่งด้านหน้า บริเวณแคป หรือท้ายกระบะ เป็นต้น

รวมทั้งบอกด้วยว่า เกิดจากสาเหตุเมาแล้วขับกี่ครั้ง ขับรถเร็วกี่ครั้ง ไม่สวมหมวกหรือเข็มขัดนิรภัยกี่ครั้ง โดยขอความร่วมมือไปยังมูลนิธิ องค์กร สถาบันการศึกษา และสำนักวิจัยต่างๆ ให้ร่วมกันรณรงค์ในลักษณะเดียวกันนี้ด้วย ทุกฝ่ายจะต้องช่วยกันสร้างจิตสำนึกใหม่ให้แก่ประชาชนว่า ควรจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการขับขี่รถอย่างไร เพื่อให้เกิดความปลอดภัย ไม่ใช่ให้ทราบเพียงตัวเลขที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง เพราะเหตุการณ์ในวันนี้เกิดขึ้นไม่แตกต่างจากสิบปีก่อน ที่มีแต่คนบาดเจ็บล้มตายวนเวียนอยู่เช่นเดิม และประเทศไทยยังติดอันดับ 2 ของโลกที่เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนมากที่สุด หากเราไม่ช่วยกันแก้ไขก็ยากที่จะสำเร็จ” โฆษกรัฐบาล กล่าว

พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครองที่ประจำอยู่ที่จุดตรวจต่างๆ ทั่วประเทศ หมั่นสำรวจตรวจสอบทั้งรถ ผู้ขับขี่ และผู้โดยสารที่มีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงว่าจะเกิดอันตราย โดยต้องให้คำแนะนำตักเตือนเพื่อป้องกันอันตรายจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้

ทั้งนี้จากข้อมูลในช่วง 7 วันอันตราย ระหว่างวันที่ 11-17 เม.ย. ผ่านไป 2 วัน พบว่าการเมาแล้วขับ เป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุมากที่สุด รองลงมาคือ ขับรถเร็ว โดยยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือ รถจักรยานยนต์ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ยังพบด้วยว่า ผู้ขับขี่ยังฝ่าฝืนไม่สวมหมวกกันน็อก ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ขับขี่รถโดยไม่มีใบอนุญาตเป็นจำนวนมาก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน