แสวงจุดร่วมนับหนึ่งแก้รธน.

แสวงจุดร่วมนับหนึ่งแก้รธน. : ยังไม่ทันเริ่มต้นนับหนึ่งก็ร้อนระอุ

กรณีญัตติตั้งกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งพรรคฝ่ายค้านและรัฐบาลร่วมกันเสนอ ไม่ว่าเพื่อไทย อนาคตใหม่ ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา แม้กระทั่งพลังประชารัฐ

ล่าสุดรายงานข่าวแจ้งว่า ญัตติ ดังกล่าวอาจต้องขยับคิวเข้าสู่วาระพิจารณาของสภาช่วงปลายเดือนนี้

ต่อจากวาระรับทราบรายงานการปฏิรูปประเทศ ญัตติตั้งกมธ.ศึกษาผลกระทบจากประกาศคำสั่งคสช.และมาตรา 44 รวมถึงวาระและญัตติอื่นๆ อีกจำนวนมาก

กระนั้นก็ตามมีการเปิดเผยถึงสัดส่วนกมธ.ไว้แล้วคร่าวๆ แบ่งเป็นคณะรัฐมนตรี 12 คน พรรคร่วมรัฐบาล 18 พรรคฝ่ายค้าน 19 รวมทั้งสิ้น 49 คน

บางพรรคแย้มรายชื่อตัวแทน กมธ.โควตาของตัวเองบ้างแล้ว เช่น เพื่อไทยเตรียมเสนอ นายโภคิน พลกุล นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา นายชัยเกษม นิติสิริ นายชูศักดิ์ ศิรินิล เป็นต้น

อนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เสนอตัวเองเป็นกมธ. ส่วนจะมีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค ด้วยหรือไม่ต้องดูอีกที เนื่องจากนายธนาธร มีภารกิจเป็นที่ปรึกษากมธ.งบ ประมาณฯ อยู่ด้วย

ส่วนประชาธิปัตย์ เตรียมเสนอ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ

ขณะที่พลังประชารัฐนอกจาก นายวิเชียร ชวลิต นายวิรัช รัตนเศรษฐ นายวีระกร คำประกอบ ยังเตรียมทาบทามปรมาจารย์นักกฎหมายขาประจำอย่าง นายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธาน กรธ. นายคณิต ณ นคร และนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ มาเป็นกมธ.ในโควตาพรรคด้วย

เกี่ยวกับสัดส่วนโควตากมธ.วิสามัญฯ นี้ ยังมีความเห็นต่าง

นายปิยบุตร มองว่า ครม.ไม่ควรมีโควตาในกมธ.ชุดนี้ เพราะแตกต่างจาก กมธ.งบประมาณฯ ซึ่งรัฐมนตรีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารงบประมาณ แต่กมธ.เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติล้วนๆ ไม่เกี่ยวกับฝ่ายบริหาร

ขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เผยว่า สัดส่วนครม. 12 คนนั้น จำนวน 6 คนจะคืนให้วิปรัฐบาล อีก 6 คนที่เหลือ ครม.จะไม่เข้าไปเป็นเองเพราะไม่มีเวลา จึงจะให้สมาชิกวุฒิสภา (..) เข้าไปมีส่วน ร่วมกับตัวแทนองค์กรอิสระและฝ่ายกฎหมายของรัฐบาล

ซึ่งทั้งหมดต้องไปหาข้อยุติกันในสภาอีกที

แต่ที่ดูเหมือนจะขัดแย้งกันรุนแรงมากกว่า

โดยเฉพาะในซีกพรรครัฐบาลระหว่างพลังประชารัฐกับประชาธิปัตย์ เกี่ยวกับคนที่จะลงชิงตำแหน่งประธานกมธ.ชุดนี้ โดยการเลือกของคณะกมธ. 49 คน

คุณสมบัติตามมาตรฐานทั่วไปคนที่จะมาดำรงตำแหน่งนี้ ต้องมีความรู้ความสามารถเป็นที่ยอมรับของสังคม มีประสบการณ์ทำงานทางการเมืองมานาน น่าเชื่อถือ มีบารมี เป็นที่ยอมรับในหมู่นักการเมือง

ในการประชุมส..พรรคสัปดาห์ที่ผ่านมา ประชาธิปัตย์มีมติ 2 ข้อ คือ สนับสนุนตั้งกมธ.วิสามัญศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พร้อมเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ และอดีตหัวหน้าพรรค เป็นประธานกมธ.ดังกล่าว

โดยมีเสียงจากฝ่ายค้านบางส่วนขานรับ

พรรคเพื่อไทยมองว่า ถึงประชาธิปัตย์และนายอภิสิทธิ์ จะเคยเป็นศัตรูการเมืองกันมาก่อน บวกกับจุดยืนด้านประชาธิปไตยที่ยังเป็นปัญหา แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญ เกี่ยวพันถึงอนาคตประเทศชาติบ้านเมืองและประชาชน

นักการเมืองทุกพรรคจึงควรปรับตัวเองเข้าสู่โหมดแสวง จุดร่วม สงวนจุดต่าง

ลดอคติ ละเงื่อนไข เลิกแบ่งฝักฝ่าย หันมาจับมือผนึกกำลังกับภาคประชาชน เครือข่ายสังคมทุกภาคส่วน เพื่อเดินหน้าไปสู่เป้าหมายสูงสุดคือการปรับปรุงแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย

ดังนั้นหากนายอภิสิทธิ์จะมาเป็นประธาน กมธ. เพื่อไทยก็ไม่มีปัญหา ยอมรับได้และพร้อมสนับสนุน

เช่นเดียวกับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติที่มองว่า นายอภิสิทธิ์เหมาะสมเนื่องจากเคยเป็น นายกฯ และหัวหน้าพรรคการเมืองมาก่อน น่าจะสร้างความปรองดองให้เกิดกับทุกหมู่เหล่าทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้าน และส.. ช่วยให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญสำเร็จได้

กลับเป็นพรรคพลังประชารัฐที่มีปัญหากับมติข้อ 2 ของประชาธิปัตย์

พล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ยืนยันไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวว่าใครจะมาเป็นประธานกมธ.ชุดดังกล่าว เพราะเป็นเรื่องของสภาต้องไปว่ากัน และถึงแม้นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิป รัฐบาลจะยังแบ่งรับแบ่งสู้ ระบุเป็นอำนาจหน้าที่กมธ.จะคัดเลือกกันเอง

ปรากฏว่าเป็นนายวีระกร คำประกอบ วิปพรรคพลังประชารัฐ ยืนกรานเสียงแข็ง ประธานกมธ.ชุดนี้ต้องเป็นคนจากพรรคแกนนำรัฐบาลคือพลังประชารัฐ เนื่องจากเป็นกมธ.คณะใหญ่ การเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ ถึงจะทำได้

แต่ประชาธิปัตย์ไม่ใช่แกนนำรัฐบาล ควรคำนึงถึงหลักมารยาท

จังหวะนี้เองที่ชื่อนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภา จากพลังประชารัฐ โผล่ขึ้นมาเป็นแคนดิเดต

กระทั่งถูกคนในพรรคที่เล็งตำแหน่งนี้ไว้เหมือนกันดักคอ เชื่อว่านายสุชาติ ซึ่งเป็นถึงรองประธานสภา คงไม่ลดระดับลงมาเป็นประธานกมธ.

ล่าสุดนายสุชาติออกมาปฏิเสธว่าไม่สนใจเป็นประธานกมธ. ที่มีชื่อโผล่ขึ้นมา เป็นเพียงการพูดคุยกันของคนในพรรค แต่ไม่ใช่ข้อสรุป ทั้งยังกล่าวสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ ว่าเหมาะสมกับตำแหน่งนี้

มีการวิเคราะห์กันว่าเหตุที่คนในพรรคพลังประชารัฐเสียงแข็ง ต้องการยึดเก้าอี้ประธานกมธ.ชุดนี้ไว้กับตัวเอง

เพราะไม่ต้องการให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ตั้งแต่แรก ตามที่แกนนำพรรคบางคนเคยประกาศว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา

การยื่นญัตติประกบพรรคฝ่ายค้านก็เพื่อลดแรงเสียดทานจากสังคม ป้องกันตกขบวน มากกว่าต้องการให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างจริงจัง

และถึงกมธ.ชุดนี้จะไม่ได้ตั้งขึ้นเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ตั้งขึ้นเพียงเพื่อศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีแก้ไข แต่การเตะสกัดจำเป็นต้องเกิดขึ้นตั้งแต่ก้าวแรก

การส่งคนเข้ามายึดเก้าอี้ประธานกมธ. พลังประชารัฐเชื่อว่าจะทำให้ตัวเองเป็นฝ่ายคุมเกม ไม่ให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญกระทบไปถึงผลประโยชน์รูปแบบต่างๆ ที่ตนเองเคยได้รับจากรัฐธรรมนูญ

ต้องไม่ลืมว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นหนึ่งในนโยบายหาเสียงเลือกตั้งของประชาธิปัตย์ ที่ขณะนั้นมีนายอภิสิทธิ์ เป็นหัวหน้าพรรค

ซึ่งต่อมาเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญนี้ได้กลายเป็นข้อต่อรองบรรจุไว้ในนโยบายเร่งด่วนรัฐบาล พ่วงกับเก้าอี้ประธานสภาของนายชวน หลีกภัย แลกกับการโหวตหนุนพล..ประยุทธ์ เป็นนายกฯ สมัยสอง

จึงเห็นได้ว่าประชาธิปัตย์จริงจังต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญขนาดไหน อาจพอๆกับฝ่ายค้านเสียด้วยซ้ำ

ต่างจากพลังประชารัฐที่ไม่ต้องการให้เกิดการแก้ไข ถึงจะถูกกระแสกดดันจนหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ต้องสร้างอุปสรรคทำให้การแก้ไขเป็นไปได้ยากมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

จากนี้ต่อไปต้องลุ้นว่านายอภิสิทธิ์ และประชาธิปัตย์ จะช่วงชิงการนำแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ เพื่อกอบกู้ภาพลักษณ์จุดยืนที่สูญเสียไปกลับคืนมาได้หรือไม่ หลังจากส่งนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ วิปพรรคไปเจรจากับวิปรัฐบาลและพลังประชารัฐ ขอให้เปิดทาง

ส่วนพลังประชารัฐ ก็ต้องดูว่าจะยอมหมอบให้ประชาธิปัตย์ขึ้นขี่หลังอีกหรือไม่

เพราะต้องไม่ลืมว่าจบจากเรื่องตั้งกมธ.ศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รัฐบาลยังมีศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ 18-20 .. ตามที่ฝ่ายค้านล็อกโปรแกรมไว้แล้ว จังก้ารออยู่ ถ้าเรื่องแก้รัฐธรรมนูญรัฐบาลจบปัญหาได้ไม่สวย

ถึงสิ้นปีมีสิทธิ์อวสานได้เหมือนกัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน