สับบิ๊กตู่ เก็บภาษีผ้าอนามัยสูง เป็นสินค้าฟุ่มเฟือย ชี้ผู้หญิงเลือกได้เหรอจะไม่มีมดลูก

สับบิ๊กตู่ – เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. น.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตัดสินใจให้ผ้าอนามัยเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยและเก็บภาษีในอัตราสูง ตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา

น.ส.เกศปรียา กล่าวว่า ไหนพล.อ.ประยุทธ์ คุยนักคุยหนาว่าอ่านหนังสือเยอะ รู้ทุกเรื่อง แต่เรื่องแค่สิทธิพื้นฐานของประชากรสตรี ทำไมถึงไม่ทราบ

ผ้าอนามัยไม่ใช่สินค้าเครื่องสำอางหรือสินค้าฟุ่มเฟือย เพราะไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์หามาใช้เพื่อสนองความต้องการทางใจ เป็นสินค้าที่สนองความต้องการทางกายภาพของเพศหญิง ผู้หญิงทั่วโลกไม่สามารถเลือกได้ว่าจะเกิดมาโดยไม่มีมดลูก และประจำเดือนก็เป็นสิ่งที่ติดมาพร้อมการมีมดลูก ผ้าอนามัยควรเป็น “สินค้าจำเป็น” ต่อสุขภาพอนามัย ไม่ใช่คิดแค่ว่าเป็นความรับผิดชอบส่วนตัวผู้หญิง

โฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวต่อว่า รัฐบาลที่มีวิสัยทัศน์มองประชาชนเท่าเทียม ไม่กดขี่ทางเพศ ต้องให้ความสำคัญกับสุขภาพอนามัยของทุกเพศ ผ้าอนามัยคือสินค้าจำเป็นกับการดำเนินชีวิตสตรี รัฐบาลควรจัดให้เป็นสินค้าปลอดภาษี หรือแจกฟรีในสถานศึกษาทั่วประเทศ

ไม่ใช่จัดเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยที่สามารถเรียกเก็บภาษีได้ถึง 40 % โดยไม่ควบคุมราคา ทำให้ในแต่ละเดือนประชากรสตรีต้องมีค่าใช้จ่ายในการซื้อผ้าอนามัยที่เป็นสินค้าจำเป็นต่อชีวิต 200-400 บาท ใกล้เคียงกับค่าแรงขั้นต่ำ พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจโดยไม่คิดถึงสิทธิขั้นพื้นฐานของสตรี

อย่างไรก็ตาม นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีข่าวระบุรัฐบาลจะปรับขึ้นภาษีผ้าอนามัย ว่า ตอนนี้มีข่าวปลอมออกมาเป็นจำนวนมาก อาทิ ข่าวที่ว่าจะปรับขึ้นภาษีผ้าอนามัย ข่าวที่ว่ารัฐบาลเตรียมจะประกาศพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งเฉย เร่งดำเนินการตรวจสอบ

ขณะที่ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมเมื่อรับทราบเรื่องแล้ว ได้แจ้งเตือนผ่านทุกช่องให้ประชาชนรับทราบว่าเป็นข่าวปลอม และหลังจากได้รับข้อมูลหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าข่าวเหล่านั้นเป็นข่าวปลอม เจ้าหน้าที่หน่วยงานด้านการบังคับใช้กฎหมายจะนำไปดำเนินคดีกับผู้ที่ปล่อยข่าวดังกล่าวอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองหรือบุคคลใดก็ตาม

ส่วน นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีมีการหารือถึงกรณีที่มีผู้เผยแพร่ข่าวว่ารัฐบาลได้ปลดผ้าอนามัยออกจากบัญชีสินค้าควบคุม ซึ่งจะส่งผลให้มีการปรับราคาได้ถึง 40% นั้น ซึ่งเป็นข่าวที่ไม่เป็นความจริง

เพราะจากประกาศของกระทรวงพาณิชย์ล่าสุดก็ไม่มีกรณีของผ้าอนามัยเข้ามาในการพิจารณา แต่ที่มีเข้ามายังที่ประชุม ครม. คือเป็นร่างกฎกระทรวงสาธารณสุขกำหนดผ้าอนามัยชนิดสอด เป็นเครื่องสำอาง เพื่อให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 ซึ่งจะทำให้สามารถควบคุมมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ผ้าอนามัยแบบสอด โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน