ข่าวฮอตการเมืองปี62
ข่าวฮอตการเมืองปี62 : ในรอบปี 2562 การเมืองเข้มข้นเป็นระยะ เริ่มจากการเลือกตั้งส.ส. ตามด้วยสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องตลอดปี ดังนี้
★ เลือกตั้งในรอบ 5 ปี
ตามไทม์ไลน์ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)กำหนดข้ามปีว่าจะออก พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้งส.ส.ในวันที่ 2 ม.ค. โดยวางโรดแม็ปเลือกตั้งเป็นวันที่ 24 ก.พ.
แต่เมื่อถึงไทม์ไลน์ดังกล่าว รัฐบาลยังไม่ออกพ.ร.ฎ.ให้เหตุผล ทับซ้อนกับพระราชพิธีสำคัญ ปฏิทินต่างๆ จึงต้องเลื่อนออกไป และกระแสกดดันจากทุกสารทิศจึงพุ่งตรงไปยังรัฐบาลและกกต.
กระทั่ง 23 ม.ค. ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พ.ร.ฎ.ให้มีการ เลือกตั้งส.ส.
ถัดมาอีก 1 วัน กกต.ประกาศกำหนดวันเลือกตั้งเป็นวันที่ 24 มี.ค. ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีหลังรัฐประหารเมื่อ 22 พ.ค. 2557
ส่วน 4 รัฐมนตรีคือ นายอุตตม สาวนายน นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ และนาย กอบศักดิ์ ภูตระกูล ก็ทำตามสัญญาด้วยการลาออกจากรัฐบาลคสช.ในวันที่ 30 ม.ค. มาทำงานการเมือง ในนามพรรคพลังประชารัฐเต็มตัว
ส่วน ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ 19 ก.ค. พร้อมนั่งประธานยุทธศาสตร์พรรค
ขับเคลื่อนงานการเมืองเต็มที่
★ ยุบพรรคไทยรักษาชาติ
กกต.กำหนดเลือกตั้ง 24 มี.ค. โดยเปิดยื่นใบสมัครส.ส. 4-8 ก.พ. พร้อมรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ของแต่ละพรรค
1 ก.พ. นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยกขันหมากเข้าทำเนียบ สู่ขอ ‘บิ๊กตู่’
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกฯ หนึ่งเดียว ของพรรค
8 ก.พ. ‘บิ๊กตู่’ ก็ออกสารแจงเหตุผลตอบรับ
ขณะที่พรรคไทยรักษาชาติ(ทษช.) ทำบิ๊กเซอร์ไพรส์ ด้วยการถือฤกษ์ 8 ก.พ. 9 โมง 10 นาที ยื่นชื่อ “บุคคลสำคัญ” เป็นแคนดิเดตนายกฯ
กลายเป็นที่มาให้กกต.มีมติส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรค ในข้อหาเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
7 มี.ค. ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์สั่งยุบทษช. และ เพิกถอนสิทธิทางการเมือง 13 กรรมการบริหารพรรค 10 ปี
นายปรีชาพล พงษ์พานิช อดีตหัวหน้าพรรค หลั่งน้ำตาเสียใจอย่างสุดซึ้ง
ในสนามเลือกตั้งจึงไร้ผู้สมัครทษช.
★ สูตรอลเวง
การเลือกตั้งครั้งแรกภายใต้รัฐธรรมนูญปี 2560 เป็นรูปแบบใหม่ที่ใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว เลือกทั้งคนทั้งพรรค
หลังเลือกตั้งมีสารพัดเรื่องร้องเรียน โกลาหลเรื่องบัตรเขย่ง ที่ ยอดบัตรกับยอดผู้ใช้สิทธิไม่ตรงกัน และบัตรเลือกตั้งจากนิวซีแลนด์ที่ไม่ถูกนับคะแนน
ขณะที่การคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ ก็อลเวง จนกกต.ต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ ผลออกมาทำให้กกต.ใช้สูตรปัดเศษพิสดารได้อย่างสบายใจ
มี 26 พรรคได้ส.ส.บัญชีรายชื่อ ยกเว้นเพื่อไทย เนื่องจากได้ส.ส.แบ่งเขตเกินจำนวน “ส.ส.พึงมี” แต่ 14 พรรคเล็กได้ต่ำกว่า ค่าเฉลี่ย 7 หมื่นคะแนนกลับได้ส.ส.
7-8 พ.ค. ประกาศผล 350 ส.ส.เขตและ 150 บัญชีรายชื่อ
ไล่เรียงหัวกะทิ เพื่อไทย 136 คน(เขตทั้งหมด) พลังประชารัฐ 116 คน(เขต 97+บัญชีรายชื่อ19) อนาคตใหม่ 81 คน(31+50) ประชาธิปัตย์ 53 คน(33+20) ภูมิใจไทย 51 คน(39+12)
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกจากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อแสดงความรับผิดชอบหลังได้ส.ส.ต่ำกว่า 100 คนตามคำสัญญา ที่ประกาศไว้
และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ผงาดขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่
★ ชิงตั้งรบ.-‘บิ๊กตู่’คัมแบ๊ก
หลังรู้ผลเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยประกาศได้เสียงส.ส.มากสุดเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลร่วมกับอีก 6 พรรค รวม 246 สียง
ขณะที่พลังประชารัฐ ก็อ้างคะแนนป๊อปปูลาร์โหวต 8.41 ล้านเสียงเป็นแกนนำเช่นกัน
ผ่านไปกว่า 2 เดือน เพื่อไทยตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ จึงพลิกเกมให้อนาคตใหม่เป็นแกนนำแทน
ในที่สุดพลังประชารัฐก็ปิดดีลตั้งรัฐบาลเสียง ปริ่มน้ำ 19 พรรค 254 เสียง
แต่การเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ส่งผลให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไขก๊อกจากส.ส.บัญชีรายชื่อ เพื่อรักษาสัจจะตอนหาเสียงที่ชูจุดยืนไม่หนุน ‘บิ๊กตู่’
25 พ.ค. ที่ประชุมสภาเลือกนายชวน หลีกภัย เป็นประธานสภา
5 มิ.ย. ที่ประชุมรัฐสภาโหวตนายกฯ ขั้วพลังประชารัฐและส.ว. มาพรึ่บ
พล.อ.ประยุทธ์คัมแบ๊กด้วยคะแนน 500:244 เสียง และนำครม. ถวายสัตย์วันที่ 16 ก.ค.
คสช.ก็สิ้นสภาพไปโดยนิตินัย
★ แถลงนโยบายวุ่น
25-26 ก.ค. รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ แถลงแบบรัวๆกว่า 1 ชั่วโมงครึ่ง ชู 12 นโยบายหลัก-12 นโยบายเร่งด่วน
ฝ่ายค้านอภิปรายแตะเรื่องคุณสมบัติรัฐมนตรีหลายคน โดย เฉพาะร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ พรรคพลังประชารัฐ ที่พัวพันคดียาเสพติดในออสเตรเลีย จนต้องเคลียร์กันยาว
นายปิยบุตร แสงกนกกุล พรรคอนาคตใหม่ ยังเปิดปมเรื่องพล.อ.ประยุทธ์ นำครม.ถวายสัตย์ด้วยถ้อยคำไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 161 ทำให้ประท้วงกันดุเดือด
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ แฉซ้ำว่าวันยึดอำนาจ 22 พ.ค. 2557 ‘บิ๊กตู่’ เรียกนักการเมืองมาพบ และได้ยินพูดว่า “ผมยึดอำนาจ อย่ามาคิดสู้ผม ผมเตรียมการมา 3 ปีแล้ว” หมายความว่าคิดยึดอำนาจตั้งแต่ปี 2554-55
‘บิ๊กตู่’ ยืนยันไม่ได้เตรียมการ แต่ตัดสินใจในวันนั้น เพื่อหยุดวิกฤต
อีกช่วง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย พูดพาดพิงจน ‘บิ๊กตู่’ ฉุนขาด ประกาศตัดพี่ตัดน้อง
แต่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังไม่หยุดใช้คำไม่เหมาะสม ประธานใน ที่ประชุมจึงทุบค้อนเชิญออกนอกห้องประชุม
เวทีนี้จึงไม่ต่างจากศึกซักฟอกดีๆ นี่เอง
★ ถวายสัตย์ไม่ครบถ้วน
กรณีพล.อ.ประยุทธ์ นำครม.ถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วน กลายเป็นปมให้ฝ่ายค้านตามขยี้ทั้งในและนอกสภา
โดยเฉพาะการยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามมาตรา 152
สภาดีเดย์อภิปราย 18 ก.ย. เป็นวันเดียวกับที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหัวหน้าคสช.ไม่ถือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ
การอภิปรายในสภา พล.อ.ประยุทธ์ โยนให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ แจงปมถวายสัตย์แทน
แต่เรื่องนี้ก็กระทบชิ่งมาถึงการแถลงนโยบายของรัฐบาล
หากถวายสัตย์ไม่ครบถ้วน ก็ยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้
นั่นหมายความว่าการแถลงนโยบาย จะกระทำไม่ได้เช่นกัน
ทำให้กมธ.ป.ป.ช. ที่มีพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เป็นประธานไม่รามือ
เชิญพล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯมาชี้แจง
โดยทำหนังสือเชิญ 3 ครั้ง และคำสั่งเรียกอีก 1 ครั้ง
แต่ทั้งคู่ส่งเอกสารและตัวแทนมาชี้แจง
เป็นเรื่องร้อนทางการเมือง ที่สังคมยังคาใจ
★ สภาล่มซ้ำซาก
การตั้งรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ 254 เสียง ทำให้การประชุมสภานัดสำคัญล่มต่อเนื่อง
อย่างการโหวตตั้งกมธ.เช็กบิลมาตรา 44 เมื่อ 27 พ.ย. ที่รัฐบาลแพ้ แต่นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาลขอนับคะแนนใหม่ ฝ่ายค้านจึงวอล์กเอาต์ ทำให้องค์ประชุมล่ม
นัดประชุมใหม่ 28 พ.ย. ตามข้อบังคับการประชุมสภาต้องเช็ก องค์ประชุมเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนส.ส.ทั้งสภาที่ขณะนั้นมีอยู่ 498 คนก่อน สภาก็ล่มอีก
ซีกรัฐบาลเครียดหนักยิ่งขึ้นที่มีเสียงลดลงจากการที่นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ ถูกศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งรับคำร้องไว้พิจารณา คดีทุจริตเลือกตั้ง สั่งหยุดพักการปฏิบัติหน้าที่เมื่อ 2 ธ.ค.
3 ธ.ค.พรรคพลังประชารัฐ จัดมีตติ้งแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล
4 ธ.ค.สภาประชุมอีกครั้ง ฝ่ายค้านวอล์กเอาต์ แต่องค์ประชุมผ่านฉลุย 259 เสียง โดยมี 10 ส.ส.งูเห่าฝ่ายค้านจาก 4 พรรคร่วมเป็นองค์ประชุมให้รัฐบาล
ต่อด้วยการนับคะแนนตั้งกมธ.เช็กบิลมาตรา 44 ฝ่ายรัฐบาลก็คว่ำญัตตินี้สำเร็จด้วยคะแนน 244 ต่อ 5 งดออกเสียง 6 แต่รัฐบาลจะโชว์พลังได้นานแค่ไหนยังน่าคิด
★ ธนาธร–อนาคตใหม่
หลังพรรคอนาคตใหม่(อนค.) ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และเพื่อน เข้าสู่สนามเลือกตั้ง ก็จุดกระแสคนรุ่นใหม่ให้เป็นฐานสำคัญ เพราะกล้า ชูธงด้วยนโยบายก้าวหน้า โดยเฉพาะปฏิรูปกองทัพ ยกเลิกเกณฑ์ทหาร
ขณะเดียวกันยังปลุกโลกโซเชี่ยลกระหึ่มจากวลีฮิต #ฟ้ารักพ่อ จนกวาดเก้าอี้ส.ส.ถึง 81 คน
แต่ยังไม่ทันได้เข้าสภา นายธนาธร ก็เจอข้อหาถือหุ้นสื่อ
23 พ.ค. ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ 9:0 รับคำร้องของกกต.ไว้พิจารณา และมติ 8:1 ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ส.ส.
20 พ.ย. ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 7:2 ให้พ้นสภาพส.ส.นับตั้งแต่ 23 พ.ค. แต่ยังเป็นหัวหน้าพรรคได้
ต้องติดตามต่อว่ากกต.จะนำเรื่องส่งศาลฎีกานักการเมืองหรือไม่ เพื่อเอาผิดตามมาตรา 151 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. โทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 2 หมื่นถึง 2 แสนบาท
30 พ.ย. นายธนาธร ลาออกจากกมธ.พิจารณาร่างพ.ร.บ.งบปี 2563 ในโควตาคนนอกของอนค. หลังทำหน้าที่ได้ 27 วัน ให้เหตุผลว่า
“เมื่อพวกเขาไม่ต้องการให้เข้าสภา ข้าพเจ้าขออยู่กับประชาชน”
11 ธ.ค. กกต.มีมติ 5:2 ชงศาลรัฐธรรมนูญยุบอนค. จากกรณีนายธนาธร ปล่อยกู้พรรค 191 ล้าน มีเหตุอันเชื่อได้ว่าเป็นการรับบริจาคเงินโดยแหล่งที่มาไม่ชอบด้วยกฎหมาย
14 ธ.ค. อนค.จัดแฟลชม็อบ ที่สกายวอล์ก ปทุมวัน กรุงเทพฯ ปลุกคนไล่พล.อ.ประยุทธ์ คึกคัก และจะจัดรอบสองในเดือนม.ค.2563
ถัดมา 2 วัน ลงมติขับ 4 ส.ส.งูเห่าพ้นพรรค ได้แก่ น.ส.กวินนาถ ตาคีย์ ชลบุรี พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา จันทบุรี น.ส.ศรีนวล บุญลือ เชียงใหม่ และนายจารึก ศรีอ่อน จันทบุรี
ขณะที่นายธนาธรและอนค.ยังมีอีก 20 กว่าคดีติดตัว ล่าสุดคือศาลรัฐธรรมนูญเตรียมพิจารณาคดีที่เชื่อมโยงกับองค์กรลับ อิลลูมินาติ
ก้าวย่างต่อไป จึงน่าติดตามยิ่งนัก
★ คิกออฟแก้รัฐธรรมนูญ
รัฐธรรมนูญปี 2560 ถูกมองว่าเป็นฉบับสืบทอดอำนาจคสช.
นักการเมืองส่วนใหญ่จึงมุ่งแก้ไขโดยไว เพื่อเลือกตั้งตามกติกา ที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง จนเกิดแรงกระเพื่อมหลายครั้ง
ที่สนั่นวงการคือ 11 ต.ค.‘บิ๊กแดง’ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ชำแหละปัญหาการเมืองเกิดจากนักการเมืองบางคน ที่มีพฤติกรรมล้มล้างการปกครอง กลุ่มนักวิชาการพวกซ้ายดัดจริต ไปจนถึงพรรคการเมืองของคนรุ่นใหม่ที่มีลักษณะฮ่องเต้ซินโดรม
พร้อมชูจุดยืนจะขวางไม่ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 1 เพราะประเทศไทยจะแบ่งแยกมิได้
แต่ฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะพรรคร่วมฝ่ายค้านยังเดินเกมทั้งในสภาและนอกสภาเพื่อปลุกพลังประชาชนร่วมวง พร้อมตั้งส.ส.ร.มาแก้ไข
18 ธ.ค. สภาลงมติตั้ง 49 กมธ.วิสามัญศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ 24 ธ.ค. กมธ.เลือกนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ มานั่งที่ปรึกษานายกฯ เป็นประธาน
การแก้รัฐธรรมนูญเป็นแค่บทเริ่มต้น หนทางอีกยาวไกล
★ เลือกตั้งซ่อม
หลังกกต.ประเดิมแจกใบส้ม นายสุรพล เกียรติไชยากร ว่าที่ส.ส.เชียงใหม่ เขต 8 พรรคเพื่อไทย ฐานเข้าข่ายซื้อเสียง เมื่อ 24 เม.ย. เลือกตั้งใหม่น.ส.ศรีนวล บุญลือ พรรคอนาคตใหม่ เข้าวิน
น.ส.ศรีนวล เข้าสภามาก็โหวตสวนมติพรรคถึง 2 ครั้ง จึงถูกขับออกจากสมาชิกพรรค และยังมีกลุ่มเคลื่อนไหวในโซเชี่ยลรวมตัววิ่งไล่ป้า ที่เชียงใหม่ตามมาอีก
แต่น.ส.ศรีนวล ก็เข้าซบพรรคภูมิใจไทยไปอย่างชิล ชิล
10 ก.ย. น.ส.จุมพิตา จันทรขจร พรรคอนาคตใหม่ ลาออกจากส.ส. เขต 5 นครปฐม เพราะมีปัญหาสุขภาพ
นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ พรรคชาติไทยพัฒนา ตระกูลการ เมืองใหญ่แห่งนครปฐม กลับมาทวงคืนเก้าอี้ ได้สำเร็จ คว่ำทั้ง นายไพรัฏฐโชติก์ จันทรขจร พรรคอนาคตใหม่ และนายสุรชัย อนุตธโต พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมขอบคุณพลังประชารัฐที่ไม่ส่งคนลงแข่ง
13 พ.ย.ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพส.ส.ของนายนวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.เขต 7 ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย สิ้นสุดลงจากคดีจ้างวานฆ่า
เลือกตั้งซ่อม 22 ธ.ค. ปรากฎว่านายสมศักดิ์ คุณเงิน พลังประชารัฐ ชนะนายธนิก มาสีพิทักษ์ เพื่อไทย กว่า 2 พันคะแนน
อีกอย่างน้อย 2 เขตเขต 5 สมุทรปราการ และเขต 2 กำแพงเพชร ที่คาดว่าจะมีเลือกตั้งซ่อมในปีหน้า
คงเชือดเฉือนกันมันหยด