เมื่อเวลา 13.30 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ กล่าวภายหลังประชุมครม.กรณีที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ต่อสายพูดคุยกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และเชิญให้เดินทางเยือนสหรัฐว่า นายกฯได้แจ้งในที่ประชุมครม. ถึงการพูดคุยกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าเขามีท่าทีต่อเกาหลีเหนืออย่างไร ซึ่งเป็นไปได้ด้วยดี แต่ในที่ประชุมครม.ไม่ได้พูดถึงว่าจะเดินทางไปเยือนเมื่อไหร่ เป็นเรื่องที่กระทรวงการต่างประเทศต้องนำไปคิดต่อว่าสิ่งที่ดำเนินการอยู่มีอะไรที่จะทำให้เกิดประโยชน์ในการที่จะพบกันหรือไม่ ซึ่งเราต้องดูหลายเรื่องประกอบกัน ทั้งนี้ตนจะเดินทางไปพบรัฐมนตรีต่างประเทศ ในวันที่ 5 พ.ค.นี้ จะพบกับรมต.กลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ และภาคธุรกิจ แต่ไม่มีรายการที่จะพบกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อพูดคุยในเรื่องต่างๆและเตรียมความพร้อมก่อนที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จะเดินทางมาร่วมประชุมอาเซียนซัมมิต และการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก(เอเปค) สำหรับสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลีนั้น อาเซียนมีมติเรื่องนี้อยู่แล้ว และในการหารือแต่ละครั้งอาเซียนจะมีแถลงการณ์ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมี 4 ครั้ง ซึ่งแต่ละประเทศอาจมีท่าทีที่เหลื่อมล้ำแตกต่างกัน แต่โดยภาพรวมอาเซียนเห็นคล้ายกันว่าต้องหาทางแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี ด้วยการพูดคุย
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีสหรัฐพยายามติดต่อไทยในเรื่องนี้จะทำให้ไทยเป็นเป้าของเกาหลีเหนือหรือไม่ นายดอน กล่าวว่า ไม่ เพราะเราได้ถามกลับสหรัฐเช่นกันว่าสิ่งที่มาพูดกับเรา เจาะจงพูดกับประเทศไทยหรือเจาะจงพูดกับประเทศอื่นด้วย โดยเขาไปพูดทั่วอาเซียน เหมือนเป็นการหาแนวร่วม อยู่ที่ว่าเราพร้อมจะทำแค่ไหนอย่างไร เมื่อถามว่าการขอความร่วมมือจากไทย ทางสหรัฐมีเงื่อนไขอื่นเป็นข้อแลกเปลี่ยนหรือไม่ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ทุกประเทศอาเซียน ทางทูตจะต้องมาคุย ตามคำสั่ง แต่สิ่งที่เราพร้อมทำคือปฏิบัติตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ
เมื่อถามว่าการที่สหรัฐมาพูดคุยกับไทยเกี่ยวกับปัญหาคาบสมุทรเกาหลี จะทำให้เราตกเป็นเป้าถูกโจมตีหรือไม่ นายดอน กล่าวว่า ไม่ เพราะเราได้ถามกลับว่าสิ่งที่สหรัฐมาเล่าให้ฟังด้วย และขณะนี้เรายังไม่ได้ตอบรับการเดินทางมาเยือนสหรัฐ เพราะต้องดูเงื่อนไขของสหรัฐก่อน ต่อข้อถามถึงข้อสังเกตว่าเหตุใดสหรัฐจึงขอความร่วมมือด้านความมั่นคง ในขณะที่กีดกันทางการค้ากับไทย นายดอน กล่าวว่า ด้านความมั่นคงพูดกันมานาน เช่น การฝึกคอบบร้า โกลด์ จึงมีความร่วมมือกันมานาน จึงไม่ใช่เรื่องแปลก
