บิ๊กทร.บินไปจีน ลงนามสัญญาซื้อเรือดำน้ำ 7 พ.ค. ผู้ว่าการสตง. บุกพบ”บิ๊กณะ”ตรวจสอบเอกสารลับ คาด 7 วันกระจ่าง”มาร์ค”แนะรัฐตัดไฟแต่ต้นลม เฉือนปมครอบงำสื่อทิ้ง ชี้เดินหน้าครอบงำจะเกิดความไม่ไว้ใจกัน-ความขัดแย้งปะทุ ป.ป.ช. ฟันอีกล็อต 65 ผู้บริหารท้องถิ่นทุจริต “ตู่-เต้น-เหวง”ยื่นหนังสือผบ.ตร.สอบตำรวจพัทยาออกหมายจับคดีล้มประชุมผู้นำอาเซียนปี “52 ซ้ำซ้อน ขู่ทำมิชอบฟ้องกลับทันที สภาระทึก ต้นงิ้ว 100 ปี กิ่งหักทับศาลา-รถยนต์ โหรส.ว.ทักเป็นลางร้าย “บิ๊กเจี๊ยบ”เซ็นตั้งรองผอ.รมน.ฝ่ายทหาร 77 จังหวัด เด้ง “สีหนาท ประยูรรัตน์”เข้ากรุสำนักนายกฯ เปิดทางสอบเอี่ยวเงินสหกรณ์คลองจั่นหรือไม่
ทร.จ่อลงนามซื้อเรือดำน้ำจีน
เมื่อวันที่ 4 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ ทำเอกสารแจ้งความก้าวหน้าการดำเนินโครงการจัดหาเรือดำน้ำลำที่ 1 จากจีน ล่าสุดได้รับแจ้งจากทางบริษัท CSOC ของจีนว่าได้ประสานกับรัฐบาลจีน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจีน ในการจัดเตรียมเอกสารต่างๆ เรียบร้อยแล้ว และพร้อมลงนามในข้อตกลงจ้างสร้างเรือ ดำน้ำลำที่ 1 ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จึงขอเชิญผู้แทนรัฐบาลไทยให้เกียรติไปเยือนจีนและลงนามในข้อตกลง
สำหรับการดำเนินการของกองทัพเรือ(ทร.) เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 18 เม.ย.2560 ผบ.ทร.มอบให้พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ เสนาธิการทหารเรือ ในฐานะประธานกรรมการบริหารโครงการจัดหาเรือดำน้ำ เป็นผู้แทนผบ.ทร. ลงนามในข้อตกลงจ้างสร้างเรือดำน้ำ ลำที่ 1 ในลักษณะรัฐบาลต่อรัฐบาล(จีทูจี) ในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีน โดยเสนาธิการทหารเรือและคณะได้เดินทางไปกรุงปักกิ่งวันที่ 4-7 พ.ค.นี้ และเมื่อทั้งสองฝ่ายตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ของเอกสารเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะประกอบพิธีลงนามในข้อตกลง ที่อาคารรับรองรัฐบาล เตี้ยวหยูไถ่ กรุงปักกิ่ง กับบริษัท CSOC ในฐานะผู้แทนรัฐบาลจีนได้ภายในวันที่ 7 พ.ค. ซึ่งถือได้ว่ารัฐบาลไทยและรัฐบาลจีนมีพันธกรณีต่อกันโดยสมบูรณ์ต่อไป
ทั้งนี้ พล.ร.อ.ลือชัยได้มอบให้พล.ร.ท.พัชระ พุ่มพิเชษฐ์ รองเสนาธิการทหารเรือ ในฐานะประธานกรรมการจัดซื้อจัดจ้างสร้างเรือดำน้ำในลักษณะรัฐบาลต่อรัฐบาล เดินทางไปจีนเพื่อดำเนินการในขั้นตอนเอกสารลงนามสัญญาซื้อขายให้สมบูรณ์ ก่อนจะเดินทางตามไปในเร็ววันนี้
ผู้ว่าฯสตง.เข้าพบ”บิ๊กณะ”
เมื่อเวลา 08.30 น. ที่กองบัญชาการกองทัพเรือ วังเดิม นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) และคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน(คตง.) ได้เดินทางเข้าพบพล.ร.อ.ณะ อารีนิจ ผบ.ทร. พร้อมคณะกรรมการบริหารโครงการจัดหาเรือดำน้ำ เพื่อขอรายละเอียดสัญญาการจัดซื้อโครงการเรือดำน้ำ ทั้งกระบวนการใช้งบประมาณ ตั้งแต่ขั้นตอนการจัดทำทีโออาร์ โดยการตรวจสอบนี้จะเป็นไปตามหลักสากล ในลักษณะการทดสอบการใช้งบประมาณ บัญชีการจัดซื้อ รวมถึงค่าใช้จ่ายต่อจากนี้ในการดูแล
นายพิศิษฐ์ให้สัมภาษณ์หลังใช้เวลาพูดคุยกว่า 1 ชั่วโมงว่า สตง.ตั้งทีมงานพิเศษขึ้นมาเพื่อตรวจโครงการดังกล่าว ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในระดับสูง เทียบเท่าผอ.สำนักจำนวน 5 คน รับผิดชอบงานตรวจสอบการจัดหาพัสดุและบัญชีการเงิน และผู้ช่วยอีก 2 คน ส่วนเอกสารที่ตรวจสอบเป็นเอกสารลับ ไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณชนได้ คาดว่าจะใช้เวลาตรวจสอบหลักฐาน 1 สัปดาห์ จะได้รับความกระจ่าง โดยตรวจสอบย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่เอกสารเข้าสู่ที่ประชุมครม. ว่ามีเหตุผลความจำเป็นอย่างไร กระบวนการขั้นตอนต่างๆ ทำตามระเบียบแบบแผนหรือไม่ และกฎหมายระเบียบข้อบังคับตามหลักเกณฑ์ การจัดหา การเปรียบเทียบข้อมูลคุณสมบัติเรือหลายประเทศ รวมทั้งเหตุผลที่เลือกเรือดำน้ำจากสาธารณรัฐประชาชนจีน
ขอตรวจสอบเอกสารลับ
นายพิศิษฐ์กล่าวว่า การมาตรวจสอบครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากทร.เป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นเอกสารลับ เราจะไม่นำเอกสารกลับไป แต่จะมาตรวจสอบที่ทร.ทุกวันจนกว่าจะเสร็จ โดยยึดหลักตรวจสอบของสตง. พร้อมนำประเด็นข้อสงสัยของสังคม เช่น นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ที่ตั้งไว้ 7-8 ประเด็น และข้อชี้แจงของทร.ที่แถลงข่าวไปก่อนหน้านี้ มาประกอบการพิจารณาด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่าระหว่างตรวจสอบเอกสาร ทร.สามารถเซ็นสัญญากับทางจีนได้หรือไม่ นายพิศิษฐ์กล่าวว่าไม่มีข้อห้าม หากสตง.มีข้อสังเกต เพื่อรักษาผลประโยชน์จะให้ข้อแนะนำประกอบการตัดสินใจกับทร.เป็นระยะ เนื่องจากทร.รับผิดชอบการบริหาร ซึ่งในฐานะที่สตง.มีหน้าที่รักษาผลประโยชน์เงินแผ่นดิน ถ้าระหว่างที่ทร.กำลังเซ็นสัญญาซื้อเรือดำน้ำ หากข้อสังเกตมีนัยสำคัญที่ควรนำไปประกอบการพิจารณาของทร. หรืออาจจะเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น เราจะรีบแจ้งเตือนทร.ทันที
ลั่นไม่กลัวอิทธิพล
นายพิศิษฐ์กล่าวว่า เราเคยตรวจสอบการจัดซื้อโครงการต่างๆของทร. เช่น เรือฟรีเกต เรือ ต.3 และโครงการการจัดซื้อเรือดำน้ำมือ 2 จากเยอรมัน 6 ลำ ซึ่งให้ข้อสังเกตไป สุดท้ายก็ไม่ได้ซื้อ เรื่องนี้ก็เช่นเดียวกัน ถ้าระหว่างตรวจสอบมีเรื่องสำคัญที่จะตัดสินใจอย่างหนึ่งอย่างใด เราจะให้ข้อแนะนำประกอบการพิจารณา ส่วนจะระงับยับยั้งหรือไม่ อยู่ในความรับผิดชอบของทร. และเราจะตรวจสอบต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้รับการส่งมอบ ซึ่งทราบว่ามีการจ่ายเงินไปงวดแรก 700 ล้านบาท และปีต่อไปจะเป็นงบผูกพันไม่เกิน 2 พันกว่าล้านบาท
“ยืนยันว่าสตง.มีอิสระในการตรวจสอบ จากผลงานที่ผ่านมาไม่มีเรื่องใดที่สตง.จะกลัวอิทธิพลทางการเมือง ทุกอย่างดำเนินการตามหลักฐานข้อเท็จจริง ทั้งการเงิน การคลัง และงบประมาณ ตลอดจนการทำสัญญาจีทูจี เนื่องจากที่ผ่านมามีปัญหาทั้งการซื้อขายมันสำปะหลังแบบจีทูจี โครงการรับจำนำข้าวซึ่งเป็นเท็จหมด จึงต้องใช้ความละเอียดรอบคอบ แต่โครงการนี้ไม่ใช่ขายลมส่งลมกัน ดังนั้น จะต้องมีตัวเรือดำน้ำ” นายพิศิษฐ์กล่าว
กมธ.สื่อฯปรับรายงาน 7 วัน
ที่รัฐสภา นายคำนูณ สิทธิสมาน เลขานุการและโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (วิปสปท.) แถลงภายหลังการประชุมวิป สปท.ว่า ในการประชุมสปท. สัปดาห์หน้า จะประชุมเพียง 1 วัน คือวันที่ 8 พ.ค. มีวาระการพิจารณา 2 เรื่องคือ 1.พิจารณาแนวทางการดำเนินงานขับเคลื่อนวาระการปฏิรูปและเร่งด่วน 27 วาระในปี 2560 กลุ่ม “คน” เรื่องระบบบริหารจัดการด้านสุขภาพ โดยกมธ.ด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เสนอจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายสุขภาพแห่งชาติ 2.พิจารณารายงานการปฏิรูปของกมธ.ด้านเศรษฐกิจ เรื่อง แนวทางการปฏิรูปข้าวอย่างเป็นระบบ ส่วนวันที่ 9 พ.ค.งดประชุมสปท. เพื่อให้สมาชิกได้ปฏิบัติหน้าที่กมธ.อย่างเต็มที่ และนัดประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 15 พ.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวถามว่าวิปสปท.ได้พิจารณาทบทวนรายงานเรื่องร่างพ.ร.บ.การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ….ของกมธ.ด้านสื่อสารมวลชน สปท. หรือไม่ นายคำนูณกล่าวว่า มติที่ประชุมสปท.เมื่อวันที่ 1 พ.ค. เห็นชอบตามที่กมธ.ด้านสื่อสารมวลชน เสนอและมีอีก 1 มติให้กมธ.ทำความเห็นของสมาชิกสปท.ที่เห็นต่างไปปรับในรายงานตามข้อบังคับ ซึ่งกมธ.ด้านสื่อฯ จะใช้เวลาปรับรายงาน ภายใน 7 วัน ก่อนเสนอถึง ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธานสปท. เพื่อส่งรายงานให้กับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ต่อไป
“มาร์ค”ค้านตัวแทนรัฐนั่งกก.สื่อ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ปัจจุบันแม้จะมีองค์กรสื่อรวมตัวกันมาก แต่ความสามารถที่จะจัดการปัญหาของสื่อด้วยกันเองนั้นมีจำกัด ทุกฝ่ายในสังคมรวมทั้งสื่อก็เห็นด้วยที่จะปฏิรูปสื่อเพื่อส่งเสริมสื่อที่ดี มีคุณภาพ มีจรรยาบรรณในวิชาชีพ แล้วลดปัญหาที่เกิดจากสื่อ เช่น การเสนอข้อเท็จจริงที่ไม่เที่ยงตรง ยืนยันว่าหลักการที่ถูกต้องคือต้องอาศัยสื่อกำกับดูแลกันเอง กับการใช้กลไกอื่นๆ ของสังคม
สิ่งที่พึงระวังมากที่สุดคือการเอาอำนาจรัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง หรือเอารัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะรัฐคือผู้ที่สื่อจะต้องตรวจสอบมากที่สุด จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องมีตัวแทนรัฐอยู่ในสัดส่วนสภาวิชาชีพ และไม่ควรมาต่อรองว่าจะอยู่ 5-6 ปี
แนะตัดไฟแต่ต้นลม
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การที่รัฐเข้าไปแทรกแซง ครอบงำสื่อโดยรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง จึงเกิดความไม่ไว้วางใจในการเดินหน้ากฎหมายฉบับนี้ต่อไป เหมือนกับว่าเริ่มต้นเรามาพูดถึงเรื่องการคุ้มครองวิชาชีพสื่อ ช่วยส่งเสริมมาตรฐานวิชาชีพสื่อ แต่โครงสร้างของกฎหมาย หลักคิดของคนที่ทำกฎหมายนี้ สะท้อนออกมาจากร่างพ.ร.บ.นี้ มันคือการควบคุมอย่างปฏิเสธไม่ได้
“ฟังนายกฯ ก็ไม่ได้แสดงท่าทีเห็นด้วยกับสปท.และพร้อมรับฟังสื่อ แต่ผมคิดว่าอย่าไปรอให้มีร่างกฎหมายที่ออกมาแล้วมีปัญหาเลย เพราะทำให้บรรยากาศของความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจกันนั้นแย่ลง ทำให้สถานการณ์มันแย่ลง เกิดความขัดแย้งมากขึ้น เพราะในที่สุดแล้วรัฐบาลจะต้องเป็นผู้เสนอกฎหมายนี้เป็นหลักเข้าสู่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หรือจะเรียกว่าแม่น้ำ 5 สาย ซึ่งผมเชื่อว่าไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้อง จึงควรตัดไฟเสียเลย รัฐบาลพูดให้ชัดเลยว่า อย่าเสนอมา ถ้าเป็นแบบนี้จะดีที่สุด” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ป.ป.ช.ฟันผู้บริหารท้องถิ่น 15 จว.
นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) แถลงว่า ในรอบเดือนที่ผ่านมา ป.ป.ช.ได้ชี้มูลความผิดผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) และผู้ร่วมกระทำผิด รวม 15 จังหวัด 19 คดี และได้ส่งรายงานการไต่สวนไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนหรือผู้บังคับบัญชาเพื่อลงโทษทางวินัย หรืออัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญา แล้วแต่กรณี ประกอบด้วย กาญจนบุรี 1 คดีคือ นายประเสริฐ ถิ่นผาสุวรรณ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) ลิ่นถิ่น อ.ทองผาภูมิ และนายขจรศักดิ์ โยคี สมาชิกสภา อบต.ลิ่นถิ่น อนุมัติจ่ายเงินให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเพื่อขยายเขตปักเสาไฟฟ้าและเดินสายส่งไฟฟ้าที่มีบ้านของสมาชิกสภา อบต.ลิ่นถิ่นเพียงหลังเดียว
ประจวบคีรีขันธ์ 1 คดีคือ นายสมชาย ทรายละเอียด นายก อบต.สามกระทาย อ.กุยบุรี นายสุรฉัตร หอมสนิท นายช่างโยธา 3 อบต.สามกระทาย และนางสุภาพร เรือนงาม หัวหน้าส่วนการคลัง อบต.สามกระทาย นายอรุณ หุ่นงาม เจ้าพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบต.สามกระทาย และนายวินัย ไหลล้น เบิกจ่ายเงินให้ผู้รับจ้างทั้งที่ก่อสร้างยังไม่เสร็จหรือยังไม่ได้ก่อสร้าง
เอี่ยวทุจริตก่อสร้างอื้อ
นครปฐม 1 คดี คือ นายสุรชัย ผลประเสริฐ นายก อบต.ธรรมศาลา อ.เมืองนครปฐม และน.ส.ฐานิต พุกบ้านยาง นักวิชาการพัสดุ อบต.ธรรมศาลา อนุมัติฎีกาเบิกจ่ายเงินค่าจัดซื้อกระสอบบรรจุทราย ทั้งที่ผู้ขายไม่มีอาชีพค้าขายและเอกสารประกอบฎีกาไม่ครบถ้วน
นครสวรรค์ 1 คดีคือ นายสมวัด สายแวว นายก อบต.ศาลเจ้าไก่ต่อ อ.ลาดยาว นายวรชาติ ศรีมาก นางสาวิตรี จันทร์เมือง มีส่วนได้เสียโครงการก่อสร้างของ อบต.ศาลเจ้าไก่ต่อ และเบิกจ่ายเงินสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลบุตรโดยมิชอบ
สระบุรี 1 คดีคือ นายพุฒิพงศ์ อยู่ถาวร นายก อบต.หนองปลาหมอ อ.หนองแค และน.ส.ณัฏฐิรา สีมา รองปลัด อบต.หนองปลาหมอ เรียกรับเงินส่วนแบ่งจากเงินประโยชน์ตอบแทนอื่นเป็นกรณีพิเศษ (โบนัส) ประจำปี พ.ศ.2554 จากพนักงานและลูกจ้าง, เชียงราย 1 คดีคือ นายวิทยา อุ่นคำ นายกเทศมนตรีตำบลบุญเรือง อ.เชียงของ นางอรชา พัฒนศุภสุนทร ปลัดเทศบาลตำบลบุญเรือง และนางปราณีต ไชยสิทธิ์ ผอ.กองคลัง เทศบาลตำบลบุญเรือง แก้ไขเอกสารราชการเป็นเท็จ เพื่อเสนอให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดเชียงรายจินะแก้วพัฒนาก่อสร้างเป็นผู้ทิ้งงาน
เรียกรับเงินโอนย้าย
พะเยา 1 คดีคือ จ่าเอกอดุลย์ ไชยวุฒิ นายกเทศมนตรีตำบลดอกคำใต้ อ.ดอกคำใต้ นางมาลัย ไชยวุฒิ และนางศรีบุตร สุตันคำ มีส่วนได้เสียในสัญญาจ้างเหมาประกอบอาหารกับเทศบาลตำบลดอกคำใต้, กาฬสินธุ์ 1 คดีคือ นายวิลัย ภูบรรสุข นายก อบต.เว่อ อ.ยางตลาด นายบรรจง พันตัน หัวหน้าส่วนโยธา อบต.เว่อ และ น.ส.กฤษณา สิงห์ชัย นักวิชาการพัสดุ ระดับ 5 อบต.เว่อ เรียกรับเงินในการโอนย้ายพนักงานเทศบาลมาดำรงตำแหน่งที่ อบต.เว่อ
ขอนแก่น 3 คดีคือ 1.นายมงคล ภูสราญนนท์ นายกเทศมนตรีตำบลโนนท่อน อ.เมืองขอนแก่น โอนเงินงบประมาณมาตั้งจ่ายเป็นค่าจ้างที่ปรึกษาโครงการปรับปรุงและจัดทำแผนที่ภาษีและทรัพย์สินด้วยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศโดยมิชอบ 2.ส.ต.ท.เสถียร วรวงศ์ นายกเทศมนตรีตำบลดอนโมง อ.หนองเรือ ไม่อนุมัติเบิกจ่ายเงินบำนาญให้ตามสิทธิและไม่อนุมัติให้ผู้มีสิทธิเปลี่ยนแปลงสถานที่รับเงินบำนาญโดยมิชอบ และ 3.นายสุมิตร สากาลี นายก อบต.ศรีบุญเรือง อ.ชนบท นายวิรัตน์ วัฒนสุข รองนายก อบต.ศรีบุญเรือง น.ส. กาญจนา ทาโบราณ ปลัดอบต.ศรีบุญเรือง นายชนม์เจริญ เวทสรากุล รองปลัด อบต.ศรีบุญ เรือง เรียกรับเงินจากพนักงานจ้างและจ้างเหมาบริการ เพื่อเป็นค่าตอบแทนต่อสัญญาจ้าง
โกงจัดซื้อเมล็ดพันธุ์พืช
ร้อยเอ็ด 2 คดีคือ 1.นายนรา โพธิษา นายก อบต.นางาม อ.เสลภูมิ ทำสัญญาจ้างก่อสร้างลานกีฬาอเนกประสงค์ ทั้งที่รู้ว่าผู้รับจ้างใช้หนังสือรับรองผลงานปลอมยื่นเสนอราคา และ 2.นายยงยุทธ จุฬุพงศ์ นายก อบต.สว่าง อ.โพนทอง นางเยาวลักษณ์ ไชยลังกา นักวิชาการศึกษา 6 ว นางสุวรรณา ขัตฤกษ์ หรือ จันทะวงษา นักพัฒนาชุมชน 6 ว นาง สุกัญญา รัตนวงศ์ นิติกร 5 นางสุติมา วรชินา เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป 4 นางยุพาลักษ์ มูลจันทร์ บุคลากร 5 พิจารณาคัดเลือก ผู้เสนอราคาที่ยื่นเอกสารตามเงื่อนไขการสอบราคาจัดซื้อรถบรรทุกน้ำดับเพลิงอเนกประสงค์ไม่ครบถ้วน
ศรีสะเกษ 2 คดีคือ 1.นายสุวรรณ์ แก้วคำ นายก อบต.คอนกาม อ.ยางชุมน้อย และ น.ส.กมนณัท วารีเศวตสุวรรณ ปลัด อบต.คอนกาม เบิกจ่ายเงินค่าธรรมเนียมการศึกษาระดับปริญญาโทโดยมิชอบ และ 2.นายสำรอง บัวพร นายก อบต.เมืองหลวง อ.ห้วยทับทัน น.ส.รัตนาวดี ปุยอบ ปลัด อบต.เมืองหลวง และนางอรุณรัตน์ กระสังข์ หัวหน้าส่วนการคลัง อบต.ส่วนตำบลเมืองหลวง ทุจริตจัดซื้อเมล็ดพันธุ์พืชเพื่อมอบให้แก่ชาวบ้าน
สุรินทร์ 1 คดีคือ นายพัชระ ดีพร้อม นายก อบต.ตรมไพร อ.ศีขรภูมิ และ ส.อ.สุทัศน์ ดัชถุยาวัตร ปลัด อบต.ตรมไพร ยักยอกเงินงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพตำบลตรมไพร, จ.สกลนคร 1 คดีคือ นายประมวลชัย สิงห์คาม นายก อบต.สามัคคีพัฒนา อ.อากาศอำนวย และนางลักขณา อริยชาติ หัวหน้าส่วนการคลัง อบต.สามัคคีพัฒนา เรียกรับผลประโยชน์ตอบแทนอื่นเป็นกรณีพิเศษ (โบนัส) จากพนักงานส่วนตำบลและลูกจ้าง
เบียดบังเงินหลวงเข้ากระเป๋า
อุบลราชธานี 1 คดีคือ นายสายทอง คำเพราะ นายก อบต.โนนกลาง อ.สำโรง นายผัด สายเสน รองนายก อบต.โนนกลาง นายอรุณ ชมคำ รองนายก อบต.โนนกลาง นายโชคพิพัฒน์ บุญไธสง น.ส.ศุลีพร ทองสุทธิ นางเตือนใจ มั่นการ หรือ โคตพิลา และนางสายยล แสงงาม เบิกจ่ายเงินค่าเดินทางไปราชการในโครงการจัดกิจกรรมเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นเท็จ เบียดบังเงินส่วนเกินไปเป็นประโยชน์ส่วนตน
พังงา 1 คดีคือ นายสนิท วรกิจ นายก อบต.ท้ายเหมือง อ.ท้ายเหมือง นางอรทัย จิตสว่าง หรือ เจี่ยสกุล ปลัดอบต.ท้ายเหมือง นายมาโนชญ์ เพิ่มทรัพย์ หัวหน้าส่วนโยธา อบต.ท้ายเหมือง นายไพโรจน์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต หัวหน้าส่วนโยธา อบต.กะไหล นายมงคล เจี่ยสกุล วิศวกรโยธา อบต.ท้ายเหมือง นายธีระพงษ์ สงวนนาม ผู้ช่วยช่างโยธา อบต.ท้ายเหมือง
นายวีรศักดิ์ ส่องแก้ว ปลัด อบต.ลำภี นายสมมาต โชติประดิษฐ์ หัวหน้าส่วนโยธา อบต.ทุ่งพร้าว นายพนม ภิญโญ นักวิชาการการศึกษา อบต.ท้ายเหมือง นายณรงค์ แสงสวาท นายสิน นาวารักษ์ นายวิจารย์ ผันศรี หุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัด ดี.พี.เทรดดิ้ง นายสถาพร สุขเกตุ ผู้รับมอบอำนาจจากห้างหุ้นส่วนจำกัดดี.พี.เทรดดิ้ง กำหนดราคากลางโครงการก่อสร้างระบบไฟฟ้าส่องสว่างสาธารณะสูงกว่าความเป็นจริงและตรวจรับงานจ้างไม่เป็นไปตามแบบรูปรายการ
ปูเผยศาลนัดไต่สวนคดีข้าว
เมื่อเวลา 12.00 น. ที่ชุมชนหมู่บ้านแสงอรุณ เขตคันนายาว-บึงกุ่ม กรุงเทพฯ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ให้สัมภาษณ์ให้กรณีที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง รับไต่สวนมูลฟ้องคดีที่ยื่นฟ้องนายจิรชัย มูลทองโร่ย ปลัดประจำสำนักนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดในโครงการรับจำนำข้าวอีกครั้งว่า ขณะนี้ทางทนายได้รายงานมาว่าศาลได้นัดทั้งสองฝ่ายเพื่อไต่สวนมูลฟ้องแล้ว
ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากเราอุทธรณ์ในขั้นตอนกระบวนการพิจารณาว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งหลังจากนี้คงจะดำเนินการไปตามกระบวนการต่อไป
นปช.ร้องทุกข์คดีปิดรร.พัทยา
เมื่อเวลา 11.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ แห่งชาติ (นปช.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการนปช.และนพ.เหวง โตจิราการ แกนนำนปช. เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ผ่าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนะเจริญ รองโฆษก ตร. และพ.ต.อ.ภมร รัตนสมัย นายตำรวจเวรอำนวยการ เพื่อขอให้ ผบ.ตร.ตั้งคณะกรรมการวินิจฉัยขอบเขตอำนาจของพนักงานสอบสวน และให้ตรวจสอบกระบวนการออกหมายจับ กรณีชุมนุมทางการเมืองปี 2552 ทำให้การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนซัมมิตล้ม ที่โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา
นายจตุพรกล่าวว่า พนักงานสอบสวน สภ.พัทยา ออกหมายเรียกตน พร้อมพวกรวม 6 คน ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา ฐานก่อเหตุความวุ่นวายทางการเมืองเมื่อปี 2552 ในวันที่ 8 พ.ค.นี้ ซึ่งยืนยันว่าตนและพวกไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ยอมรับว่าได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต ในห้วงดังกล่าวฐานชุมนุมรอบพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล แต่หากจะออกหมายเรียกให้ไปพบอีกนั้น มองว่าการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่มิชอบหรือไม่ หรือทำงานซ้ำซ้อนหรือไม่
โวยตร.ทำงานซ้ำซ้อน-ขู่ฟ้องกลับ
“อยากให้ผบ.ตร. ตรวจสอบกระบวนการทำงานให้เกิดความชัดเจน พร้อมเรียกร้องให้ตร. เปิดเผยข้อมูลของบุคคลที่มาร้องทุกข์กล่าวโทษว่ากลุ่มตนมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้น ถ้าไม่ได้รับความเป็นธรรมจาก ตร. จะเข้าร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม” นายจตุพรกล่าว
ด้านนายณัฐวุฒิกล่าวว่า ขณะนี้ได้ให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบการทำหน้าที่ของตำรวจ และแกนนำ กปปส. ที่มาร้องทุกข์กล่าวโทษพวกตน ถ้าพบว่ามีการดำเนินโดยมิชอบจะฟ้องร้องกลับทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพายัพ ปั้นเกตุ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงที่ถูกควบคุมตัวไว้ในเรือนจำพิเศษพัทยาจากคดีร่วมกับนาย อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง พร้อมพวกพามวลชนบุกล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ที่โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เมื่อปี 2552 ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นคือ จำคุกเป็นเวลา 4 ปี โดยไม่รอลงอาญาและ ไม่อนุญาตให้ประกันตัวนั้น ถูกเจ้าหน้าที่เรือนจำนำตัวส่งโรงพยาบาลบางละมุง จ.ชลบุรี เป็นการเร่งด่วนในช่วงค่ำวันที่ 3 พ.ค. หลังมีอาการปวดบวมที่ขาข้างขวา โดยมีเจ้าหน้าที่จากเรือนจำพิเศษพัทยาเฝ้าสังเกตการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง
เด้ง”สีหนาท”เข้ากรุสำนักนายกฯ
วันที่ 4 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในคำสั่งนายกฯ ที่ 120/2560 เรื่องให้ข้าราชการมาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่าด้วยสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีคำสั่งที่ 265/2559 ลงวันที่ 28 เม.ย.2559 แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีปรากฏข่าวการกระทำผิดเกี่ยวกับการยักยอกและเบียดบังเงินของสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น จำกัด ซึ่งส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานของสำนักงานปปง. เพื่อให้การดำเนินงานเรียบร้อย เป็นประโยชน์ต่อการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ตลอดจนส่งเสริมธรรมาภิบาลในการบริหาร
จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11(4) แห่งพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 นายกฯ จึงมีคำสั่งดังนี้ ให้ พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ ที่ปรึกษาประจำสำนักงานปปง. มาปฏิบัติราชการสำนักนายกฯ เป็นการชั่วคราว โดยไม่ขาดจากอัตราเงินเดือนทางต้นสังกัดเดิม ทั้งนี้ ในการปฏิบัติหน้าที่ให้อยู่ในความควบคุมดูแลของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค.เป็นต้นไป
กิ่งงิ้วหักหน้าสภา-โหรชี้ลางร้าย
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 4 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า ที่ประตูปราสาทเทวฤทธิ์ หรือประตู 3 ถนนราชวิถี เกิดเหตุการณ์กิ่งต้นงิ้วสูงประมาณตึก 7 ชั้น อายุกว่า 100 ปี ปลูกในสมัยรัชกาลที่ 5 ขนาดใหญ่หักโค่นลงมาโดนสายไฟ ทำให้หม้อแปลงระเบิดเสียงดัง ส่งผลให้ไฟฟ้าในสภาบางส่วนดับ อีกทั้งยังทับศาลาที่พักเจ้าหน้าที่พังถล่มลงมา ทำให้คนนั่งพักอยู่ในศาลา 4-5 คน ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เพราะกระโดดหลบทัน นอกจากนั้น ยังทับรถยนต์ที่จอดบริเวณใต้ต้นไม้ดังกล่าว 4 คัน ซึ่งเป็นรถตำรวจรัฐสภา 2 คัน รถของนาย บุญเลิศ ไพรินทร์ เจ้าของฉายา “โหรส.ว.” ยี่ห้อโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน กจ 3258 ฉะเชิงเทรา และรถของเจ้าหน้าที่ติดตามสมาชิกสนช. ยี่ห้อเชฟโรเลต ครูซ สีขาว ทะเบียน 3 กณ 6131 กทม. ได้รับความเสียหาย
ต่อมานายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ลงมาตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ พร้อมกล่าวว่าเหตุที่เกิดไม่ได้เป็นลางบอกเหตุอะไร แต่จากนี้ไปต้องให้ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบต้นไม้ใหญ่ เพราะเข้าหน้าฝนจะทำให้ต้นหักโค่นลงมาได้ เหมือนกับที่บ้านของตนช่วงก่อนหน้าฝนก็ให้คนมาดูแลและตัดต้นไม้ เพื่อป้องกันไม่ให้ต้นไม้หักโค่นลง ซึ่งจะทำให้ข้าวของเสียหายได้
ด้านนายบุญเลิศกล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นลางร้าย และวันนี้เป็นวันที่ดาวมฤตยูโคจรมาทับดวงเมืองและดวงโลก หมายความว่าอาจจะเกิดการสู้รบ ฆ่าฟัน การปฏิวัติซ้อนก็เป็นไปได้ หรือเทวดาที่อยู่บริเวณที่เกิดเหตุ อาจจะไม่พอใจในบางเรื่อง หรืออาจส่งสัญญาณเตือนอะไรบางอย่าง ฉะนั้นทุกฝ่ายจะทำอะไรต้องระมัดระวังให้มากขึ้น ทั้งนี้ รถของตนซึ่งจอดใกล้ที่เกิดเหตุที่สุด แต่กลับไม่ได้รับความเสียหาย เพราะตนมีหลวงพ่อโสธรรุ่นแรก วางไว้หน้ารถ จึงคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายได้
ตั้งรองผอ.รมน.ทหาร77จังหวัด
เมื่อวันที่ 4 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (รองผอ.รมน.) ได้ลงนามเรื่องขออนุมัติตัวบุคคลบรรจุในตำแหน่งรองผอ.รมน.จังหวัดฝ่ายทหารในพื้นที่รับผิดชอบของกอ.รมน.ภาค 1-4 จำนวน 77 จังหวัด โดยมีรายชื่อบรรจุกำลังพล สังกัดกองทัพบก 71 นาย และบรรจุกำลังพล สังกัดกองทัพเรือ 6 นาย เข้าปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 1 พ.ค.นี้ เป็นต้นไป ซึ่งมีบุคคลที่น่าสนใจ อาทิ พ.อ.มนัส จันดี รองเสนาธิการกองทัพภาคที่ 1 เป็น รองผอ.รมน.กทม. พ.อ.ฐกัด หลอดศิริ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 19 เป็น รองผอ.รมน. จ.ฉะเชิงเทรา
พ.อ.นเรศ หมวกเหล็ก รองเสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 13 เป็น รองผอ.รมน. จ.พระนครศรีอยุธยา พ.อ.ชินโชติ บุญยไพศาล นายทหารปฏิบัติการประจำมณฑลทหารบกที่ 11 เป็น รองผอ.รมน.จ.นครปฐม พ.อ.ฉกาจพงษ์ หงษ์ทอง รองผู้บังคับการกรมทหารม้า ที่ 6 เป็น รองผอ.รมน.จ.ยโสธร พล.ต.กรีพล อุทิตสาร ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เป็น รองผอ.รมน.จ.เชียงใหม่ พ.อ.อาทิตย์ อรุณโชค ฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา เป็น รองผอ.รมน.จ.สตูล เป็นต้น แต่ทุกตำแหน่งจะเข้ารับหน้าที่อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ต.ค.2560
รายงานข่าวจากนายทหารระดับสูงหน่วยงานความมั่นคงเปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวเป็นการปรับย้ายปกติตามวงรอบ เพื่อบุคคลที่มีรายชื่อดังกล่าวศึกษาข้อมูลสามารถพร้อมรับทำหน้าที่ใหม่ในวันที่ 1 ต.ค.ได้ทันที ซึ่งในพื้นที่ภาคกลางจะมี 7 จังหวัดที่มีการปรับขยายอัตราให้ ผู้ที่มาดำรงตำแหน่งขยับขึ้นยศพล.ต. ถือเป็นการปรับหมุนเวียนกำลังพลในกองทัพด้วย สมัยก่อนตำแหน่งรองผอ.รมน.จังหวัดฝ่ายทหารจะเป็นบุคคลที่มีตำแหน่งหลักอื่นเข้าไปทำหน้าที่ แต่ตอนนี้มีการปรับระเบียบใหม่ โดยให้ตำแหน่งรองผอ.รมน.จังหวัดฝ่ายทหาร เป็นตำแหน่งประจำ เนื่องจากช่วงนี้ให้น้ำหนักกับงานกอ.รมน.มากขึ้น เพื่อสนับสนุนงาน ผู้ว่าราชการจังหวัดให้ขับเคลื่อนไปตามนโยบายของรัฐโดยมีรองผอ.รมน.จังหวัดมาช่วยทำงาน โดยเฉพาะด้านความมั่นคง งานยาเสพติด แรงงานต่างด้าว และสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ