สภาผ่านฉลุย! งบกองทัพ 1.2 แสนล้าน ฝ่ายค้านถลกเละ แต่ไร้ผล ยืนตามกมธ.ข้างมาก

เมื่อวันที่ 8 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ในส่วนของมาตรา 8 งบกระทรวงกลาโหม สำหรับการอภิปรายส่วนใหญ่ ส.ส.ต่างปรับลดงบประมาณกระทรวงกลาโหมและหน่วยงานในกำกับ จำนวน 1.2 แสนล้านบาท เนื่องจากความไร้ประสิทธิภาพของการปฏิบัติภารกิจทหาร เช่น การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กว่า 16 ปีแต่ไม่สามารถแก้ปัญหาให้คลี่คลายได้

โดยนายซูการ์โน่ มะทา ส.ส.ยะลา พรรคประชาชาติ อภิปรายว่า ตนขอปรับลดงบประมาณของกระทรวงกลาโหม 30% เพราะความล้มเหลวในการแก้ปัญหาไฟใต้ โดยตลอด 16 ปี พบการสูญเสียของตำรวจและทหาร เป็นจำนวนมาก อีกทั้งตนคิดว่าประเทศอยู่ในภาวะปกติ ไม่ได้อยู่ในภาวะสงคราม ดังนั้นต้องมีการตั้งงบประมาณกองทัพให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

“5 ปีที่ผ่านมากองทัพตั้งงบประมาณโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการตั้งตอบโจทย์ผิด ควรนำงบในส่วนนี้มาพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เช่น การศึกษา สำคัญกว่าการจัดซื้ออาวุธ ซึ่งที่ผ่านมาการจัดซื้ออาวุธทั้งการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดจีที 200 รวมทั้งเรือเหาะ และตามมาด้วยเรือดำน้ำ ถือเป็นการล้มเหลวของการจัดซื้ออาวุธ ซึ่งตนมองว่าไม่เกิดประโยชน์” นายซูการ์โน่ กล่าว

ด้านนายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย อภิปรายขอลดงบประมาณกระทรวงกลาโหม 10 % พร้อมตั้งคำถามถึงการจัดสรรงบลับในกระทรวงให้กับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ที่ดูแลงานด้านกฎหมายและนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ดูแลงานด้านเศรษฐกิจเดือนละ 1 ล้านบาท ซึ่งขอให้กมธ. ชี้แจงต่อประเด็นดังกล่าวว่าทราบและตรวจสอบหรือไม่ ว่าจัดสรรงบลับให้รองนายกฯ​ ที่ไม่เกี่ยวกับงานทหารเพื่ออะไร หากงบประมาณใช้ไม่หมดควรส่งคืนคลัง

ด้านนายสันติ กีระนันทน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะ กมธ.เสียงข้างมาก ชี้แจงว่า ที่ผ่านมาประชาชนอาจจะแคลงใจในการจัดซื้อเรือดำน้ำ แต่ตนชี้ว่าโครงการดังกล่าวเป็นจัดซื้อแบบจีทูจี ส่วนในเรื่องความลึกของระดับน้ำของอ่าวไทยกับอันดามันนั้น ที่ผ่านมามีการซ้อมรบโดยสหรัฐฯ นำเรือดำน้ำของตัวเองมาร่วมซ้อมด้วย โดยมีขนาดใหญ่ถึง 7,500 ตัน ยังมาซ้อมในน่านน้ำไทยได้ ขณะที่เรือดำน้ำที่เราซื้อมามีขนาดเพียง 2,000 ตันเท่านั้น จึงไม่น่ามีปัญหา

“ซึ่งการจัดซื้อเพียง 3 ลำจากการต้องดูแลน่านน้ำยาวถึง 3.2 แสนตารางกิโลเมตร ถือว่ากองทัพเรือช่วยประหยัด เพราะเราจำเป็นต้องมีถึง 3-4 ลำ เมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน อย่างเวียดนามมี 6 ลำอินโดนีเซีย 5 ลำ สิงค์โปร์ ​4 ลำ มาเลเซีย 2 ลำ พม่าก็มีแผนจะรับมอบ 2 ลำ และฟิลิปปินส์กำลังจัดหา 3 ลำ ดังนั้นถ้าเราไม่เตรียมแสนยานุภาพให้ทัดเทียม ความเกรงอกเกรงใจก็จะลดลง หากความมั่นคงของประเทศไม่มี ความมั่นคงทางเศรษฐกิจก็ไม่เกิด กำลังต่อรองของเราจะเป็นเรื่องน่ากังวลใจ” นายสันติ กล่าว

กระทั่งเวลา 23.10 น. ที่ประชุมเสียงข้างมากมีมติ 247 ต่อ 195 งดออกเสียง 11 เห็นชอบมาตรา 8 ที่กมธ.เสียงข้างมากได้มีการแก้ไขจากร่างเดิม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน