อดีต กกต. ย้ำคดีเงินกู้ ไม่ถึงยุบพรรค ยกปมโต๊ะจีนเทียบ ชี้ช่องโหว่ ขั้นตอนส่งศาล

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 17 ก.พ. ที่คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดเวที “ฬ.จุฬา นิติมิติ” เรื่อง เงินกับพรรคการเมือง : อิสระกับการตรวจสอบ โดย นายสมชัย ศรีสุทธยากร ผอ.ศูนย์วิจัยการเมืองและการเลือกตั้ง มหาวิทยาลัยรังสิต อดีต กกต. กล่าวตอนหนึ่งว่า ตัวกฎหมายที่เป็นปัญหามี 3 มาตรา ประกอบด้วย

มาตรา 62 เรื่องรายได้พรรคการเมือง, มาตรา 66 เรื่องบุคคลบริจาคเงินเกิน 10 ล้านบาทให้พรรคไม่ได้ และ มาตรา 72 เรื่องห้ามรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือมีเหตุสงสัยว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ของพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง

มาตรา 72 เป็นมาตราเดียวที่นำไปสู่การยุบพรรคได้ คำถามคือ เงินกู้ คือ เงินบริจาคหรือไม่ เรื่องนี้เกิดจากคำร้องของ นายศรีสุวรรณ จรรยา ที่ร้องตามมาตรา 66 ว่าบริจาคเงินเกิน 10 ล้าน และคุณสุวัชร สังขฤกษ์ ในมารา 66 เช่นเดียวกัน โดยบอกว่าเงินกู้คือ เงินบริจาค โดยการทำงานของ กกต.หลังจากมีคำร้อง ได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนคณะที่ 13 ซึ่งผลการพิจารณาคือ ยกคำร้อง

ขณะที่สำนักสืบสวนและวินิจฉัยมีผลการพิจารณายกคำร้องเช่นเดียวกัน ขณะที่คณะอนุกรรมการวินิจฉัยและชี้ขาดปัญหา หรือข้อโต้แย้ง คณะที่ 6 มีมติข้างมาก 3 ต่อ 2 ให้ดำเนินคดีตามมาตรา 66 ซึ่งเป็นประเด็นที่พรรคอนาคตใหม่ชอบพูดกันว่า ก็ยกคำร้องกันเกือบหมดแล้วจะดำเนินคดีต่อกันทำไม

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

อย่างไรก็ตาม กกต.ไม่จำเป็นต้องคิดตามผลการวินิจฉัยตามนี้ จะเหมือนหรือไม่เหมือนก็เป็นได้ จากนั้นนายทะเบียนพรรคการเมืองมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ก่อนรายงานความเห็นต่อ กกต.ว่า อนาคตใหม่ทำความผิดตามมาตรา 62, 66 และ 72 โดย กกต.มีมติ 5 ต่อ 2 ให้ดำเนินคดีตาม 3 มาตราข้างต้น ปัญหาที่เกิดขึ้นคือมีการเพิ่มความผิดอีก 2 กระทงในมาตรา 62 และ 72 ในระยะเวลาเพียงแค่ 14 วันตามปฏิทินเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม กฎหมายพรรคการเมืองฉบับนี้ ระบุว่า “เงินบริจาค” หมายความว่าการให้เงินหรือทรัพย์สินแก่พรรคการเมืองนอกจากค่าธรรมเนียม และค่าบำรุงพรรคการเมือง และให้หมายความรวมถึงประโยชน์อื่นใดแก่พรรคการเมืองที่สามารถคำนวณเป็นเงินได้ตามที่คณะกรรมการกำหนด หมายความว่า เงินกู้ไม่ใช่เงินบริจาค แต่กกต.เองเชื่อว่าอาจเป็นไปได้ว่า เงินกู้คือเงินบริจาค

นายสมชัย กล่าวว่า คำถามต่อมาคือ เงินกู้คือรายได้อื่นหรือไม่ กรณีดังกล่าวมีพรรคการเมืองบางพรรคเคยรายงานเงินกู้ยืมระยะสั้นปรากฏในรายงานหนี้สินหมุนเวียน มิได้จัดไว้ในรายการรายได้อื่น ตามกฎหมายพรรคการเมือง 2550 หมายความว่าเงินกู้นั้น ไม่ใช่รายการรายได้อื่น

ในกฎหมายพรรคการเมืองฉบับใหม่นั้น จากเอกสารการเงินของพรรคการเมือง 79 พรรคที่ส่งให้ กกต.ในเดือนพ.ค. 2562 มี 16 พรรคที่ปรากฏรายการเงินกู้ในเอกสารงบการเงิน และมี 16 พรรคการเมืองที่ปรากฏรายการเงินยืมในเอกสาร และทั้ง 32 รายการดังกล่าวบันทึกในหนี้สิน ไม่ได้บันทึกในรายการรายได้ เพราะนั้นเงินกู้ถือเป็นหนี้สิน ไม่ใช่รายได้อื่น

และคำถามสุดท้าย เงินกู้คือประโยชน์อื่นใดหรือไม่ ซึ่งทั้ง 3 ประเด็น กกต.ร้องว่าเป็นเงินบริจาค และคาดว่าเป็นรายได้อื่นที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย อย่างไรก็ตาม คำว่าประโยชน์อื่นใด หมายถึงการให้ทรัพย์สิน การให้บริการหรือการให้ส่วนลดโดยไม่มีค่าตอบแทน หรือมีค่าตอบแทนที่ไม่เป็นไปตามปกติทางการค้า หรือทำให้หนี้ที่พรรคการเมืองเป็นลูกหนี้ลดลงหรือระงับไป ตนขอถามว่าเงินกู้ ทำให้หนี้ลดลงหรือไม่ เพราะฉะนั้นเงินกู้จึงไม่ใช่ประโยชน์อื่นใด

“ที่ผ่านมาผมพยายามเรียกร้องให้ปลดล็อก ให้พรรคการเมืองทำงานได้ ซึ่งก็ยังไม่มีการปลดล็อกจนถึงวันที่ 11 ธ.ค.61 จนผมโดนปลดไปเสียเอง อย่างไรก็ตามพรรคการเมืองต้องใช้เงิน ต้องทำป้ายโฆษณา ต้องตั้งเวที ต้องมีรถแห่ มีค่าเช่าสำนักงาน มีค่าจ้างบุคลากร และ กกต.ยังกำหนดวงเงินในการหาเสียงไม่เกิน 1.5 ล้านบาทต่อผู้สมัคร 1 คนในแต่ละเขต

และตราบใดที่พรรคการเมืองไม่สามารถระดมทุนขายโต๊ะจีนโต๊ะละ 3 ล้านบาท โดยมีชื่อผู้จองคล้ายกับหน่วยงานราชการได้ การกู้เงินจะเป็นเรื่องที่คู่กับการเมืองไทยตลอดไป ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่ามีเพียง 2 พรรคที่จัดโต๊ะจีนได้ น่าสังเกตว่าทั้ง 2 พรรครู้มาก่อนหรือไม่ว่าจะมีการปลดล็อกวันไหน เลือกตั้งวันไหน” นายสมชัยกล่าวและว่า

ขอให้สังเกตกระบวนการตั้งแต่ กกต.ไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ เรามีเครื่องหมายคำถามว่า กระบวนการการตั้งคณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงเพิ่มเติม และนำไปสู่ข้อหาใหม่อีก 2 ข้อหานั้น เป็นกระบวนการที่สั้นและขาดการเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาได้แสดงหลักฐานเพิ่มเติมหรือไม่

และกระบวนการในขั้นศาลรัฐธรรมนูญ ที่ไม่ได้เปิดให้ไต่สวนเพิ่มเติมนั้น หากเทียบกับการรับโทษของบุคคล การยุบพรรค คือการประหารชชีวิต เพราะฉะนั้นก็ควรให้ทุกฝ่ายมีโอกาสสู้กันให้ถึงที่สุด และในส่วนของเนื้อหานั้น หากมองถึงพยานหลักฐานตั้งแต่อดีต ตนคิดว่า ในวันศุกร์นี้ โดยเนื้อหาไม่น่าจะถึงยุบพรรคได้

“เรื่องนี้เป็นบทเรียนของพรรคอนาคตใหม่มากกว่า หากศาลตัดสินว่าไม่ผิด จากนี้จะเดินกิจกรรมทางการเมืองในนามพรรคอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่าง แต่ถ้าตัดสินยุบ ก็เป็นเรื่องที่พรรคอนาคตใหม่เองต้องหาทางที่ทำให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด ว่าท่านจะดำเนินการต่างๆ อย่างไรต่อไป”อดีต กกต. กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน