บทเรียน ร้อนร้อน

กรณี พงศกร รอดชมภู

อนาคตใหม่ ต้องทำ

คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง

กรณีพงศกร รอดชมภู – สภาพการณ์ทางการเมืองอันเกิดขึ้นกับ พล.ท.พงศกร รอดชมภู สะท้อนทั้งด้าน “ลบ” และด้าน “บวก” ภายในพรรคอนาคตใหม่

ด้าน “ลบ” อยู่ที่ความหละหลวม

หละหลวมเพราะขาดฐานข้อมูลอันคมชัด ถูกต้องอย่างเพียงพอ เมื่อมีจุดอ่อนปูดขึ้นจึงกลายเป็นเป้า กลายเป็นจุดในการโจมตี ขยายประเด็น

ด้าน “บวก” อยู่ที่การตัดสินใจเฉียบขาด

ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจอันเริ่มต้นจาก พล.ท.พงศกร รอดชมภู ไม่ว่าจะเป็นการขานรับจากภายในของพรรคอนาคตใหม่ ที่เป็น “ศาสตรา” ก็แปรเป็น “แพรพรรณ”

มองในด้านดี พล.ท.พงศกร รอดชมภู อาจมองการเมืองอย่างเข้าข้างตัวเอง คิดว่าการอยู่บ้านหลวงอาจไม่ได้เป็นความผิดพลาดที่ใหญ่หลวงอะไร

ที่สำคัญ คือ วางแผนจะ “ออก” อยู่แล้ว

มองในด้านร้ายก็คือ พล.ท.พงศกร รอดชมภู ได้รับมอบหมายจากพรรคอนาคตใหม่ให้เป็นกองหน้าในการขับเคลื่อนนโยบาย “ปฏิรูปกองทัพ”

จำเป็นต้องปฏิบัติตาม “นโยบาย” อย่างเคร่งครัด

เมื่อหละหลวม ละเลย ไม่แจ้งสภาพความเป็นจริงปล่อยจนเรื่องได้ปูดเป่งขึ้นในสถานการณ์ที่เรียกร้องต้องการให้นายทหารเกษียณเสียสละ จึงกลายเป็นประเด็น

กรณีของ พล.ท.พงศกร รอดชมภู จะโทษบรรดา แฟนานุแฟนของพรรคอนาคตใหม่ก็ไม่เต็มปาก เต็มคำ เพราะว่าสิ่งที่ พล.ท.พงศกร รอดชมภู เป็นอยู่ขัดกับแนวทางของพรรค

หนทางในการแก้ไขปัญหาก็ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน

เมื่อ พล.ท.พงศกร รอดชมภู รู้ว่าไม่เหมาะสม ไม่ถูกต้อง ก็ทำให้เหมาะสม ทำให้ถูกต้องเสีย นั่นก็คือ 1 ออกจากบ้านหลวง 1 ออกจากกรรมการบริหารพรรค

เรื่องร้ายก็กลายเป็นเรื่องดีโดยพลัน

การหาทางออกที่เหมาะสมภายในพรรคอนาคตใหม่จึงเป็นเรื่องในแบบ “อารยะ” มิได้เป็นเรื่องดึงดันและดื้อรั้น ไม่ว่า พล.ท.พงศกร รอดชมภู ไม่ว่าพรรคอนาคตใหม่

ในความเป็นจริง พรรคอนาคตใหม่เพิ่งก่อตั้งมาได้ 1 ปีเศษ เป็น 1 ปีเศษที่มีสถานการณ์มากมายสาดซัดและประดังเข้าใส่

ไม่ว่ากรณี “งูเห่า” ไม่ว่ากรณี “ยุบพรรค”

การพิจารณาแต่ละปัญหาจึงมีความสำคัญและมีความหมาย หากตัดสินพลาดก็มีผลสะเทือน หากตัดสินถูกต้องก็มีผลสะเทือน

จำเป็นต้องขบ จำเป็นต้องใคร่ครวญ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน