“บิ๊กแก้ว” เข้ม รปภ.ส่งชุดอีโอดีตรวจห้องรับรอง-ลานจอด ฮ. รับผบ.ทบ.บินไปกาญจนบุรี ชี้บีอาร์เอ็นคือ 1 ใน 2 กลุ่มมีศักยภาพก่อเหตุ พร้อมเพิ่มกำลังดูแลรพ.-ศาสนาสถาน-โรงเรียน ชี้ภาพแจกันดอกไม้ต้องสงสัย เป็นภาพถ่ายเซลฟี่ ยันชายคนหลังสุดบาดเจ็บด้วย

เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 24 พ.ค. ที่กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2รอ.) พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก เดินทางไปยังจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อตรวจเยี่ยมกองกำลังสุรสีห์ พร้อมทั้ง ติดตามความคืบหน้าโครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกสาขานิคมอุตสาหกรรมทวาย รวมทั้งตรวจเยี่ยมการปฎิบัติงานของส่วนราชการบริเวณจุดผ่านแดนบ้านพุน้ำร้อน โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ก่อนที่ผู้บัญชาการทหารบกจะเดินทางมาถึง ทางกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ ได้ให้หน่วยเก็บกู้ระเบิดของ ตำรวจหรืออีโอดี เข้ามาตรวจความเรียบร้อยในห้องรับรองผู้บัญชาการทหารบก ได้มาพักต่อเพื่อเดินทาง รวมถึงตรวจสอบบริเวณโดยรอบลานจอดเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีการนำหน่วยงาน ด้านการเก็บกู้ระเบิดจากภายนอกเข้ามาตรวจ

ขณะที่ พล.ต.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ กล่าวถึงการส่งจดหมายแจ้งเตือนวางระเบิดโรงบาลพระมงกุฎเกล้า ว่า ต้องตรวจสอบกับทางโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ถือเป็นข้อมูลที่มาเปิดเผยภายหลัง ส่วนมาตรการการรักษาความปลอดภัยนั้น เราก็ดูแลตามภัยคุกคามที่เกิดขึ้น

ก่อนหน้านี้ยอมรับว่าสถานพยาบาล ศาสนสถานโรงเรียน ไม่ได้อยู่ในพื้นที่เฝ้าระวังในการก่อเหตุ โดยเราจะเน้นพื้นที่การท่องเที่ยวพื้นที่สาธารณะแหล่งชุมชนต่างๆ จากนี้ไปคงจะต้องเพิ่มพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เฝ้าระวังด้วย และยืนยันว่ามาตรการการดูแลรักษาความปลอดภัยที่มีในแต่ละพื้นที่สามารถป้องกันเหตุร้ายได้ ทั้งเรื่องคน รถ ที่จะนำพาสิ่งที่ไม่ดีเข้ามา โดยเฉพาะในสิ่งที่ผู้บังคับบัญชาได้เน้นย้ำเรื่องกล้องวงจรปิด หรือกล้องซีซีทีวีในแต่ละจุด การผ่านเข้าออกต่างๆ และเชื่อมั่นได้ว่ายังสามารถให้บริการประชาชนได้

เมื่อถามว่า ภาพแจกันดอกไม้ที่คาดว่าซุกซ่อนระเบิด และผู้ชายคนที่นั่งหลังสุดในบริเวณที่เกิดเหตุนั้น จะโยงไปถึงผู้ก่อเหตุหรือไม่ พล.ต.เฉลิมพล กล่าวว่า คงต้องไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่สอบสวน ซึ่งทราบว่าเป็นภาพถ่ายจากการเซลฟี่ ของคนที่เข้าไปใช้บริการโรงพยาบาลและติดภาพบริเวณดังกล่าว และจากการตรวจสอบผู้ชายที่นั่งอยู่หลังสุดก็ได้รับบาดเจ็บด้วย ประเด็นดังกล่าวเพราะอาจจะเปลี่ยนไป

พล.ต.เฉลิมพล ยังกล่าวต่อว่า สำหรับการดูแลบ้านพักของผู้บังคับบัญชาระดับสูงนั้นเรามีอยู่แล้ว ซึ่งการรักษาความปลอดภัยเราดำเนินการในพื้นที่ที่มีความเสี่ยง คือพื้นที่ชุมชนยอมรับว่าในหลายพื้นที่ดูแลได้ไม่หมดหากเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นในซอยลึก ก็สามารถเกิดขึ้นได้แต่ความเสียหายมีน้อย ซึ่งเราก็ได้เน้นในเรื่องของชุมชนต่างๆ

“พื้นที่เป้าหมายเดิมที่ได้พิจารณาตามงานด้านการข่าว และการก่อเหตุก็จะเน้นในเรื่องของย่านชุมชน แหล่งท่องเที่ยวเพื่อดิสเครดิต เราก็มุ่งเป้าไปที่นั้น แต่พอมีพื้นที่ที่เปราะบางแบบนี้ ซึ่งไม่มีที่ไหนเขาทำกัน แต่เมื่อเกิดเหตุขึ้นมาก็ต้องยอมรับว่าก่อนหน้านี้เราไม่ได้คาดคิดว่า จะมีภัยคุกคามเกิดขึ้นในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งในส่วนของโรงพยาบาลก็มีเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความเรียบร้อยทั่วไป เพื่อป้องกันการฉกชิงวิ่งราว นอกจากนี้ ในส่วนของพื้นที่ทหารที่อาจจะตกเป็นเป้าในการก่อเหตุ ก็จะต้องเพิ่มมาตรการในการดูแลรักษาความปลอดภัยด้วย รวมถึงส่วนราชการอื่นๆ ที่อาจจะส่งผลกระทบหากมีเหตุหรือไม่สามารถรักษาความปลอดภัยได้” พล.ต.เฉลิมพล กล่าว

เมื่อถามว่า มีการกล่าวอ้างว่าจดหมายขู่ระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้ามาจากกลุ่มบีอาร์เอ็น พล.ต.เฉลิมพล กล่าวว่า ก็มีความเป็นไปได้ เนื่องจากกลุ่มบีอาร์เอ็น ก็เป็นกลุ่มที่มีขีดความสามารถ ในการก่อเหตุ ซึ่งในปัจจุบันข้อมูลทางด้านการข่าว ก็มีกลุ่มที่มีขีดความสามารถเหล่านี้ ประมาณ 2 กลุ่ม

เมื่อถามว่า จะให้ความมั่นใจในความปลอดภัยของประชาชนอย่างไร พล.ต.เฉลิมพล กล่าวว่า จากที่ผ่านมาลักษณะของภัยคุกคาม จะเกิดกับเจ้าหน้าที่และสถานที่ต่างๆ ซึ่งก่อนหน้านี้จะไม่มีเป้าหมายที่กระทบกับประชาชนผู้บริสุทธิ์ แต่เมื่อมีการเปลี่ยนเป้าหมายมาที่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้เพิ่มมาตรการจากเดิมที่มีอยู่

ทั้งนี้ อยากให้ประชาชนช่วยกันดูแล เป็นหูเป็นตาแจ้งเบาะแสให้กับเจ้าหน้าที่ด้วย และขอให้ตระหนักในเรื่องดังกล่าวว่า เป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อสังคมโดยรวม ซึ่งเราก็เป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่เขาเดินจูงเข้ามาเป็นเป้าหมาย เพราะการต่างคนต่างอยู่แบบชุมชนเมืองจะทำให้เกิดช่องว่างที่ให้ผู้ก่อเหตุเข้ามาดำเนินการได้

“อยากให้ช่วยกันระแวดระวัง แต่อย่าถึงกับตระหนกหรือกังวล ซึ่งเราก็ใช้มาตรการ ที่มั่นใจได้ว่าจะดูแลรักษาความปลอดภัยได้ เนื่องจากมาตรการดังกล่าวมีความชัดเจนและคนที่ก่อเหตุก็จะต้องผ่านตามมาตรการนี้จึงสามารถป้องกันการก่อเหตุใด ยอมรับว่าเราไม่ได้เข้าไปดูในพื้นที่เหล่านั้นก็ต้องแสดงความเสียใจ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของโรงพยาบาลอื่นๆ ที่อาจตกเป็นเป้านั้นเราก็ต้องเข้าไปดูแล โดยเฉพาะบริเวณอาคารที่รับผู้ป่วย เพื่อนมาตรวจรักษาจะมีความพลุกพล่าน ส่วนอาคารที่เป็นที่พักคนไข้ ตรงนั้นไม่น่าจะเป็นเป้าหมายเพราะการก่อเหตุจะไม่คุ้มค่า ได้มีเจ้าหน้าที่ไปประสานงาน จับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในพื้นที่ดังกล่าวของโรงพยาบาลซึ่งเราก็จะเข้าไปเสริมในส่วนนั้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและลดช่องว่างของการก่อเหตุ” พล.ต.เฉลิมพล กล่าวว่า

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน