วิษณุ โต้เอื้อประโยชน์ ฟิลลิปมอร์ริส ปัดแทรกแซงแก้กม.ศุลกากร

วิษณุ / เมื่อเวลา 13.55 น. วันที่ 27 ก.พ. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจงกรณีฝ่ายค้านอภิปรายกล่าวหาสมคบเอื้อประโยชน์ให้บริษัท ฟิลลิป มอร์ริสว่า

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

เดิมบริษัทไทยนำเข้าบุหรี่จากมาเลเซีย ตั้งแต่ปี 2540-2550 พบว่าการนำเข้ามาราคาหนึ่ง แต่มาสำแดงอีกราคาหนึ่ง พอถูกจับและปรับจึงยกเลิก แล้วนำเข้าจากฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียแทน แต่ยังมีพฤติกรรมเช่นเดิม สุดท้ายมีการดำเนินคดีในไทยมายาวนานเสมือนเรื่องขุนช้างขุนแผน มีการดำเนินคดีในสวิตเซอร์แลนด์โดยองค์การการค้าโลก(WTO) ยาวนานเหมือนเรื่องรามเกียรติ์ โดยคดีนอกประเทศปี 2551 ฟิลิปปินส์ฟ้องไทยต่อ WTO ข้อหาผิดข้อตกลงระหว่างประเทศ 14 ข้อหา และในปี 2553 WTO ให้ไทยแพ้ ส่งผลให้ฟิลิปปินส์ตอบโต้ทางการค้าได้ แต่ไทยอุทธรณ์ ต่อมาปี 2553 WTO ให้ไทยแพ้ชั้นอุทธรณ์ และในปี 2558 WTO สั่งว่าไทยยังไม่ทำตามคำตัดสิน

“สำหรับคดีในประเทศไทยในปี 2553 อัยการสั่งไม่ฟ้องบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส แต่ในปี 2554 ฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลขณะนั้น(นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) ทำให้ปี 2556 อัยการสูงสุดสั่งฟ้องบริษัทแต่ยังไม่ฟ้องร้องดำเนินคดี และในปี 2558 ประธานใหญ่ของบริษัทมาร้องต่อ คสช. และนายกฯ โดยย้ำว่าไทยแพ้คดีใน WTO แล้ว 3 ครั้ง ขอให้รัฐบาลไทยช่วย ซึ่งเดาว่าคงอยากให้ใช้มาตรา 44 ใช้บารมีไม่ให้อัยการสูงสุดฟ้อง และช่วงนั้นนายกฯมีกำหนดเดินทางไปประชุมในต่างประเทศ ต้องเจอกับผู้นำประเทศต่างๆ ทั้งฟิลิปปินส์ สหรัฐฯและตัวแทนจากบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส ผมจึงนัดประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 28 คนจาก 8 หน่วยงาน โดยเฉพาะอัยการและดีเอสไอเข้าร่วมประชุมด้วย ซึ่งมีบันทึกรายงานการประชุมทุกอย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้ปิดบังซ่อนเร้น เพื่อสืบสาวราวเรื่องที่มาที่ไปว่าเป็นอย่างไร และเตรียมหาทางออกเรื่องดังกล่าว” นายวิษณุ กล่าว

นายวิษณุ กล่าวว่า ที่ไม่ฟ้องร้องดำเนินคดีทันที เพราะยังมีเวลา ในที่สุดฟ้องร้องในเดือนม.ค. 2559 ดังนั้น ข้อกล่าวหาที่ว่าตนวิ่งเต้นแทรกแซง จึงไม่เป็นความจริง และเดือนพ.ย.2562 ศาลอาญาตัดสินว่าบริษัทมีความผิดตามพ.ร.บ.ศุลกากรให้ปรับ 4 เท่าของภาษีที่หลีกเลี่ยง เท่ากับ 1,225 ล้านบาท แต่ในคำพิพากษายังไม่ระบุให้จ่ายสินบนนำจับร้อยละ 30 ของราคากลางและค่าปรับ และขณะนี้ยังไม่มีใครยื่นอุทธรณ์ แต่เรื่องนี้ยังไม่จบ เพราะกรณีดังกล่าวเป็นคดีที่ฟ้องกรณีนำเข้าบุหรี่จากมาเลเซีย แต่ยังมีคดีอินโดฯอยู่ในศาลไทย ศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษาของคดีในต้นเดือนหน้า รวมทั้งยังมีคดีนำเข้าบุหรี่หลังปี 2550 อีกด้วย เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ แต่ยังไม่หายนะ ยังมีปัญญาสู้ ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการลอดช่อง โดยการประชุมครั้งนั้นมีข้อสรุปว่ารัฐบาลควรจะดำเนินคดีในศาลไทยต่อไปตามปกติ และหาทางเจรจากับฟิลิปปินส์โดยคสช.และรัฐบาลไม่ร้องขอใดๆ ไปยังอัยการ

นายวิษณุ กล่าวว่า เหตุผลที่รัฐบาลต้องเร่งพิจารณาเรื่องนี้โดยเร็วเพราะฟิลิปปินส์เห็นว่าคดีในศาลไทยและ WTO เป็นเรื่องเกี่ยวเนื่องกับไทยที่ต้องรับผิดชอบ พร้อมเตรียมจะตอบโต้ทางการค้าต่อไทยทันทีด้วยมูลค่าสูงสุดในวันที่ 28ก.พ. ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ ล่าสุดฟิลิปปินส์ประกาศตอบโต้ทางการค้ามูลค่า 17,800 ล้านบาทกรณีพิพาทภาษีนำเข้าบุหรี่ แต่ยังโชคดีที่การอุทธรณ์ของ WTO ยังมีองค์คณะไม่ครบ จึงพิจารณาต่อไม่ได้ ยืนยันจุดยืนที่ไทยต้องสู้เพื่อปกป้องสุขภาพคนไทย ปกป้องธุรกิจยาสูบของไทย แต่เมื่อห้ามหรือเลิกไม่ได้ก็ต้องควบคุมบุหรี่จากต่างประเทศ และสิ่งสำคัญการปกป้องกฎหมายไทย

“ผมไม่ได้แทรกแซง ไม่ได้ก้าวก่าย พฤติกรรมเหล่านี้เป็นการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งเป็นการแทรกแซงก้าวก่ายโดยชอบ แต่ถ้าแทรกแซงก้าวก่ายคือ การทำถุงขนมตกที่ศาลในสมัยหนึ่ง ถือเป็นการวิ่งเต้นก้าวก่ายการทำงานของศาล” นายวิษณุ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน