สลิ่ม 6 ตุลา
ใบตองแห้ง

6 ตุลา 2519 ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป 6 ตุลา 2559 กำราบเสี้ยนหนามให้พรรคคอมมิวนิสต์จีน

ขอบพระคุณอย่างยิ่ง ที่ช่วยตีข่าว โจชัว หว่อง “แค่บินผ่าน” ให้งาน 40 ปี 6 ตุลาโด่งดังไปทั่วโลก

40 ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก สมัยนั้นถ้าใครตะโกน “ประธานเหมาจงเจริญ จักรพรรดินิยมอเมริกาจงพินาศ” ไม่ทันขาดคำก็ถูกจับเข้าคุก แต่สมัยนี้ถ้าใครตะโกน “ประธานสี จิ้นผิงจงเจริญ จักรพรรดินิยมอเมริกาจงพินาศ” ได้รับการเชิดชูเป็นคนรักชาติ

อันที่จริง อาการสมองกลับไม่ใช้เวลาขนาดนั้น เมื่อ 2 ปีที่แล้ว คนไทยรักชาติยังเชียร์ม็อบร่มเหลืองฮ่องกงอยู่เลย กดไลก์กดแชร์ภาพคนหนุ่มสาวปิดถนนเรียกร้องประชา ธิปไตยกันสนั่น ไม่ต่างจากเชียร์ออง ซาน ซู จี เอาชนะรัฐบาลทหาร

แต่ครั้นโจชัว หว่อง จะมาพูดเรื่องประชาธิปไตยในเมืองไทย ไอ้นี่มันเป็นใคร จะมาทำร้ายประเทศเรา รับจ๊อบอเมริกามาบ่อนทำลายลุงตู่นี่หว่า (ดีเท่าไหร่ ไม่บอกทักษิณจ้างมา)

ที่แท้กลายเป็นว่า เชียร์ม็อบฮ่องกงเพียงเพราะปิดถนนเหมือนกัน หาความชอบธรรมให้ตัวเอง แถมยังใช้สีเหลือง แต่พอจะมาพูดประชาธิปไตย ไอ้เด็กเปรตก็กลายเป็นเสื้อแดง มิน่า หน้าตาแม่-เหมือนเนติวิทย์ยังกะแฝดนรก

อเมริกาหนุน โจชัว หว่อง มาบ่อนทำลายประเทศไทย เหมือนสมัย 6 ตุลา ก็ CIA นี่ละ ตัวบงการให้เข่นฆ่า อ้อ แปลว่าชนชั้นนำไทยไม่เกี่ยวข้องแม้แต่น้อย

พูดไงก็ไม่ผิด อเมริกาเคยหนุนเผด็จการทหารไทยยาวนาน แต่ถามจริง ที่โกรธแค้นอเมริกาทุกวันนี้ ก็เพราะอเมริกาไม่หนุนไม่ใช่หรือ เพราะอเมริกาเปลี่ยนนโยบาย หันไปชูประชาธิปไตย เสรีภาพ สิทธิมนุษยชน

ถ้าอเมริกายังคงสนับสนุนเผด็จการเหมือนยุค 6 ตุลา ป่านนี้ก็คงแซ่ซ้องกันสนั่น เหมือนที่ตามก้นจีนดมหอม ก็ไม่ใช่ได้ผลประโยชน์อะไร อยากได้ทางรถไฟ 3.5 กิโลเมตรหรือ ไม่ใช่เลย ก็แค่ดีอกดีใจที่จีน “ให้เกียรติ” ผู้นำไทย

จนพาลหมั่นไส้โอบามา แค่ลุงตู่ไปลาว ฝนตก มีเจ้าหน้าที่กางร่มให้ แต่โอบามาถือร่มเอง ก็ไชโยโห่ร้อง เห็นไหมลาวให้เกียรติลุงตู่มากกว่า โถๆๆ ความรู้หางอึ่ง ไม่รู้ว่าโอบามาเคยถูกรีพับลิกันโจมตี แถลงข่าวที่ทำเนียบขาวแล้วมีนาวิกโยธินถือร่มให้ นับแต่นั้นไปไหนๆ โอบามาก็ถือร่มเอง ซ้ำกางร่มให้สุภาพสตรี จนได้เสียงปรบมืออึงมี่ว่า “ติดดิน”

ณ วันนี้ คนไทยรักชาติก็ลุ้นสุดตัว ให้ทรัมป์ชนะเลือกตั้ง ทั้งที่ไม่ได้ประโยชน์โภชผลอันใด นโยบายทรัมป์อาจส่งผลร้ายกับเศรษฐกิจไทยด้วยซ้ำ แต่ขอแค่สะใจ

สลิ่มไทยวันนี้ประณามความโหดร้ายเมื่อ 6 ตุลา ไม่ใช่อะไรหรอก 40 ปีผ่านไป ใครจะอยากเป็น “ฝ่ายขวา” แถมพอสมัคร สุนทรเวช ยืนยันว่า 6 ตุลามีคนตายคนเดียว ก็รุมด่าขรม แล้วฉวยโอกาสเห็นอกเห็นใจ (การเห็นใจ 6 ตุลาเป็นคุณสมบัติของคนดี) แต่พอถึงเหตุการณ์ปี”53 ก็ปลุกความเกลียดชังคนเห็นต่าง เชื่อ “ผังล้มเจ้า” “ชายชุดดำฆ่ากันเอง” ต่างอะไรกับมีญวนมีคลังแสงในธรรมศาสตร์

6 ตุลาของคนชั้นกลางในเมือง เอาเข้าจริงก็ลืมตาข้างหลับตาข้าง เหมือนอย่างชื่นชมละครเพลง “ป๋วย เดอะสลิ่ม” ยกย่อง อ.ป๋วยที่ทำงานให้สฤษดิ์ แกล้งลืม อ.ป๋วยที่ประสบเคราะห์กรรม 6 ตุลา สดุดีหลานป๋วยเป็นรัฐมนตรี ด่าลูกป๋วยที่คัดค้านรัฐประหาร

จะว่าไปก็ไม่แปลกอะไร “สลิ่ม” เป็นผลิตผลของระบอบกึ่งประชาธิปไตยหลัง 6 ตุลา ที่ในทางรูปการจิตสำนึก ได้สร้างอุดมการณ์ชาตินิยมใหม่ สร้าง “ความเป็นไทย” ฉบับครอบงำ ทำให้คนชั้นกลางในเมืองผู้มีการศึกษา ถือตนเป็นเจ้าของศีลธรรมความเป็นไทย มองคนชนบท “ไม่มีความเป็นไทย” เป็นเหยื่อประชานิยม ไม่รู้จักพอเพียง ฯลฯ

คนพวกนี้ถ้าย้อนเวลากลับไปยุคนั้นคงถือเก้าอี้ฟาด? ไม่หรอกครับ พวกเขาอาจไม่โหดร้ายปานนั้น สังคมเปลี่ยนไปแล้ว คนชั้นกลางไทยยุครักเด็กรักษ์โลกรักหมา ไม่ชอบความทารุณโหดร้าย ไม่เห็นหรือ แค่พ่อค้าข้าวมันไก่ฟาดหมาตาย โลกออนไลน์ก็กระหน่ำ เอาโทษมันให้หนัก บอยคอตมัน อย่าให้ทำมาหากินได้ ให้อดตายทั้งลูกทั้งเมีย

ฉะนั้น ถ้าวันนี้มีการเข่นฆ่าคนเห็นต่างอีก พวกเขาก็จะบอกว่าไม่น่าเลย น่าเสียใจ หลั่งน้ำตา แต่ไอ้พวกนี้ก็ไม่น่าทำบ้านเมืองวุ่นวาย ไม่เคารพกฎหมาย ไม่เห็นแก่ความสงบของคนส่วนใหญ่ ฯลฯ ว่าแล้วก็พร้อมใจไป “บิ๊กคลีนนิ่ง” เพื่อแสดงอารยธรรมความเป็นไทย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน