“พิชัย” แนะ “บิ๊กตู่” ยกเลิกผสมแก๊สโซฮอล์ E10 E20 แก้ปัญหาแอลกอฮอล์ขาดแคลน

เมื่อวันที่ 3 เม.ย. นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวว่า ปัจจุบันนอกจากหน้ากากอนามัยจะขาดแคลนแล้ว แอลกอฮอล์ก็ยังขาดแคลนอย่างมาก ดังนั้นจึงเสนอให้ยกเลิกการผสมแอลกอฮอล์ในน้ำมันแก๊สโซฮอล์ ซึ่งใช้ถึงวันละประมาณ 4 ล้านลิตร แล้วนำมาผลิตแอลกอฮอล์กำจัดไวรัสโควิด-19

เชื่อว่าจะมีปริมาณพอเพียง เหลือเท่าไหร่ ค่อยนำไปผสมแก๊สโซฮอล์ จะทำให้ราคาน้ำมันถูกลงด้วย เพราะราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ลดต่ำลงมาก ราคาเนื้อน้ำมันที่กลั่นแล้วเหลือเพียงลิตรละ 5.08 บาทสำหรับเบนซิน 95 แต่ราคาเอทานอลสูงถึงลิตรละ 23.28 บาท หรือ สูงมากกว่า 4 เท่า จึงไม่จำเป็นต้องผสมแล้ว

ทั้งนี้ แนวคิดของกระทรวงพลังงานที่จะยกเลิก E10 (ที่ผสมเอทานอล 10%) ทั้งหมดให้เปลี่ยนเป็น E 20 (ที่ผสมเอทานอล 20%) น่าจะเป็นแนวคิดที่ผิด ไม่ควรจะแค่เลื่อน แต่ควรจะต้องยกเลิกไปเลย เพราะจะทำให้ประชาชนใช้น้ำมันแพงขึ้นโดยไม่มีเหตุผล และน่าจะเอื้อประโยชน์แก่นายทุนที่ผลิตแอลกอฮอล์เท่านั้น และอย่าอ้างว่าจะนำมาผลิตแอลกอฮอล์กำจัดไวรัสโควิด-19 ไม่ได้ซึ่งไม่จริง โรงงานสามารถปรับเปลี่ยนมาผลิตแอลกอฮอล์เพื่อกำจัดไวรัสโควิด-19ได้อย่างแน่นอน

นายพิชัย กล่าวต่อว่า นอกจากเรื่องแอลกอฮอล์แล้ว รัฐบาลได้เก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันในระดับสูงโดยเฉพาะน้ำมันดีเซล ทำให้ประชาชนไม่ได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ลดลงมาก ตอนนี้ก็ไม่ควรลดภาษีแล้วเพราะราคาน้ำมันได้ถูกลงอีก แต่ควรนำเงินภาษีไปช่วยต่อสู้วิกฤตโควิด-19 จะดีกว่า

อีกทั้งรัฐบาลโดย ครม.ยังอนุมัติให้บริษัทลูก กฟผ. ไปซื้อหุ้นเหมืองถ่านหิน 1.17 หมื่นล้านบาท ได้หุ้นมาเพียง 11-12% ซึ่งราคาหุ้นตอนนี้ทรุดฮวบจึงขาดทุนหนักมากจากการที่โลกรังเกียจการใช้ถ่านหิน และราคาถ่านหินก็ยังถูกลงมากตามราคาน้ำมัน ล่าสุดยังมีความพยายามที่จะทำโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเริ่มที่ 700 เมกกะวัตต์ และอาจทำไปถึง 1,900 เมกกะวัตต์

ทั้งที่ปัจจุบันการผลิตไฟฟ้าของไทยมีปริมาณเกินปริมาณการใช้จริงอยู่ถึง 32% จากภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ โดยจะมีการซื้อไฟฟ้าในราคาสูงกว่าราคารับซื้อไฟฟ้าปกติประมาณเท่าตัว (ราคารับซื้อจากโรงไฟฟ้าชุมชน 4.2-4.8 บาทต่อหน่วย จากราคารับซื้อปกติ 2.4 บาทต่อหน่วย) ซึ่งจะเป็นการเพิ่มภาระค่าไฟฟ้าแก่ประชาชนในอนาคต ทั้งนี้จากข้อมูลที่ได้รับน่าจะมีบริษัทเอกชนได้รับประโยชน์จากโครงการนี้ เพราะมีข้อครหาว่ามีการวิ่งเพื่อจะขายใบอนุญาตผลิตไฟฟ้าล่วงหน้ากันแล้ว

นายพิชัย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ในโครงการอีอีซีก็จะอนุญาตให้ผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นกันอีก นอกแผนผลิตไฟฟ้าของประเทศโดยอ้างเอกสิทธิ์ของคณะกรรมการ อีอีซี ทั้งที่การผลิตไฟฟ้าในบริเวณภาคตะวันออกมีมากเกินพออยู่แล้ว มีข้อครหาว่าอาจจะมีการหาประโยชน์จากการออกใบอนุญาตผลิดไฟฟ้าเรื่องนี้เช่นกัน

รวมถึงความพยายามในการเปลี่ยนที่ดินจากพื้นที่สีเขียวในพื้นที่อีอีซี ที่ห้ามสร้างโรงงานให้กลายเป็นพื้นที่สีม่วงที่สร้างโรงงานได้เพื่อเก็งกำไรที่ดินกันด้วย ทั้งนี้ เชื่อว่าหลังจากวิกฤตโควิด-19 ผ่านไปแล้ว โลกจะเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ใหม่ จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป มีโอกาสสูงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำอย่างหนักทั่วโลก

รัฐบาลนอกจากจะต้องแก้ปัญหาที่หนักหนาสาหัสในปัจจุบันแล้ว ยังจะต้องเตรียมรับมือการเปลี่ยนแปลงของโลกในอนาคตด้วย ไม่แน่ใจว่ารัฐบาลปัจจุบันจะมีความสามารถเพียงพอในการรับมือการเปลี่ยนแปลงของโลกในอนาคตได้ขนาดไหน เพราะแค่การรับมือในปัจจุบันก็ยังลำบากแล้ว


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน