มติสนช.เซ็ตซีโร่กกต.ตามคาด ประธานกมธ.-กรธ.ยันทำเพื่อให้เลือกตั้งมีประสิทธิภาพ ทำบุญ 19 ปี กกต.คึกคัก องค์กรอิสระ-นักการเมืองแห่ให้กำลังใจ 5 เสือนัดถก 14 มิ.ย. ประเด็น ขัดรัฐธรรมนูญ “ศุภชัย” ลั่นระหว่างนี้ยังทำงานเต็มที่ “วัส”ย้ำไม่เอาเซ็ตซีโร่กสม. เตรียมส่ง 20 ประเด็นแย้ง อัดยับเหตุผลปลาสองน้ำ “บิ๊กตู่” ย้ำกับทูตสเปนเดินตามโรดแม็ป เตือนคนไทยอย่าตกเป็นเหยื่อสื่อโซเชี่ยล สั่งทุกหน่วยรวบรวมผลงานรัฐบาล3ปี ติงนักร้อง”ลำไย ไหทองคำ”เต้นหวิว ศาลรับคดี”มาร์ค-เทือก” ฟ้อง”ธาริต”กรณีเหตุรุนแรงการเมืองปี”53

“บิ๊กตู่”ขอสเปนมั่นใจโรดแม็ป

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 9 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบ แห่งชาติ(คสช.) ให้การต้อนรับน.ส.มาเรีย เดล การ์เมน โมเรโน ไรย์มุนโด เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรสเปนประจำประเทศไทย เพื่ออำลาในโอกาสพ้นจากหน้าที่

โอกาสนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ขอให้สเปนมั่นใจในสถานการณ์การเมืองของไทย โดยรัฐบาลมีความตั้งใจดำเนินตามโรดแม็ปเพื่อกลับคืนสู่การมีประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง สังคมที่ปรองดอง ซึ่งเอกอัครราชทูตสเปน แสดงความชื่นชมการทำงานของไทยในการขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืน และเชื่อมั่นว่าไทยจะมีบทบาทนำในภูมิภาคอาเซียน ที่จะสนับสนุนความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างเอเชียกับยุโรปให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นต่อไป

วอนทุกคนสื่อสารสร้างชาติ

เวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ว่าตนขอเน้นย้ำว่าความร่วมมือ ความสามัคคีปรองดองของคนในชาติเท่านั้นที่จะทำให้การนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติประสบความสำเร็จได้ หากปราศจากการรับรู้และความเข้าใจที่ดีที่ถูกต้องแล้ว ความร่วมมือก็ไม่มีวันจะเกิด จึงอยากให้ทุกคนหันมาสนใจเรื่องการสื่อสารสร้างชาติกันบ้าง โดยแบ่งการสื่อสารเป็น 3 ระดับ ระดับเล็กเริ่มจากการพูดจาในครอบครัวก็สร้างชาติได้ ขยายไปสู่ระดับกลางคือชุมชน สังคมควรอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง มีเหตุมีผล มากกว่าการใช้อารมณ์ ความรู้สึก จนกลายเป็นถ้อยคำที่สร้างความเกลียดชัง แล้วนำไปสู่พฤติกรรมการเลียนแบบ ด้วยความคึกคะนอง เห็นดีเห็นงามตามคนผิดๆ แปลกพิเรนทร์ หรือการถ่ายทอดวาทกรรม ฐานคิดที่ไม่ถูกต้องส่งผลให้สังคมไทยมีตรรกะที่ผิดเพี้ยน

นายกฯ กล่าวว่า เรื่องการใช้สื่อโซเชี่ยล เราควรสร้างกระบวนการเรียนรู้ สร้างภูมิคุ้มกันตัวเอง สร้างหลักคิดที่มีข้อมูลมีความคิดพื้นฐาน มีการใช้สติปัญญา มีวิจารณญาณที่ดีว่าทำอย่างไร จะไม่ตกเป็นเหยื่อของการปลุกระดมความขัดแย้ง หรือถูกใช้ประโยชน์โดยคนบางกลุ่มที่อาจมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ เป็นเหยื่อของการหลอกลวง และการสื่อสารระดับชาติ ที่มีสื่อมวลชนเป็นตัวกลาง เราต้องยอมรับความจริงและให้ความสำคัญทั้งความเป็นกลางและความน่าเชื่อถือของสื่อ เราต้องวิเคราะห์ก่อนเสมอ ไม่อาจยึดมั่นหรือทึกทักว่าเป็นจริงดังว่าได้ในทันที ที่น่าห่วงกว่านั้นคือวิจารณญาณและจรรยาบรรณในการทำหน้าที่ของสื่อ จึงขอฝากให้พิจารณาผลกระทบให้รอบด้าน และเลือกนำเสนอในประเด็นที่เสริมความรู้ ก่อเกิดปัญญาให้กับประชาชนของประเทศ

แนะชมเดินหน้าประเทศไทย

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สื่อแขนงต่างๆ ต่างเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้การแก้ปัญหาของประเทศประสบความสำเร็จได้ พี่น้องสื่อ จะต้องตระหนักและกำหนดบทบาท สร้างคุณค่าให้กับองค์กรของตนว่าจะทำร้ายประเทศ ทำลายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือจะสร้างสรรค์สังคม นอกจากนี้ ขอแนะนำให้ประชาชนติดตามรับชมผล การดำเนินงานของรัฐบาลผ่านทางรายการ “เดินหน้าประเทศไทย” ที่ออกอากาศทางโทรทัศน์และวิทยุทุกช่องทุกวัน เว้นวันศุกร์ เวลา 18.00 น.

ช่วงนี้ในทุกวันอาทิตย์ ตั้งแต่วันที่ 4 มิ.ย.ถึงเดือนส.ค. ได้จัดทำเป็นตอนพิเศษ นำเสนอความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศตลอด 3 ปีที่ผ่านมา จำนวน 12 ตอน โดยในวันที่ 11 มิ.ย.นี้ จะเสนอผลงานเรื่องการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขอเชิญรับชม รับฟัง ซึ่งไม่ใช่เพื่อประชาสัมพันธ์ แต่เป็นการสร้างความเข้าใจ ให้รู้ว่าเราทำอะไรไปแล้วบ้าง จะได้ไม่เสียโอกาส ขอขอบคุณสถานีโทรทัศน์และสถานีวิทยุทุกช่องที่สนับสนุนและร่วมมือเป็นอย่างดีมาตลอด

ตำหนิ”ลำไย ไหทองคำ”

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระหว่างเป็นประธานประชุมก.น.จ. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตำหนิสื่อโซเชี่ยลตอนหนึ่งว่า ทุกวันนี้ โซเชี่ยล สื่อเสนอข่าวผิดกรณีน.ส.ปรียานุช โนนวังชัย หรือเปรี้ยว ก็ห่วงแต่เรื่องผลประโยชน์กลัวขายไม่ออก ไม่คำนึงถึงผลเสียที่เกิดขึ้นกับบ้านเมือง สังคมและเด็ก กลายเป็นไอดอลในทางที่ผิดให้กับเด็ก เที่ยวไปหาซื้อหมอนลายเด็กกับเปรี้ยว ดูคลิปสวยประหาร ไปหาประวัติเปรี้ยวมาตั้งแต่เด็กจนโต ส่วนหนึ่งเพราะสังคมขาดภูมิคุ้มกันที่ดี ต้องมีความรู้คู่คุณธรรมต้องกลับมาทบทวนใหม่ว่าจะต้องทำอย่างไรเพื่อแก้ไขปัญหาทุกวันนี้เป็นสังคมก้มหน้า ขอให้ดูอย่างพอดี

“อย่างกรณีคลิปวิดีโอ บางอันดีๆ กลับมีคลิปไม่เหมาะสมต่อท้าย อย่างคลิปของลำไย ไหทองคำ รู้จักลำไย ไหทองคำกันหรือไม่ อัตลักษณ์การสร้างเนื้อสร้างตัว ขอบคุณผู้หญิงแก่ๆ คนหนึ่ง ขอบคุณครูที่สอนวิธีการเต้นจนหนูมีชื่อเสียง เต้นแบบนี้หรือ เกือบจะโชว์ของสงวน พูดไปก็ไม่ดี เดี๋ยวหาว่าผมบ้า แต่อยากให้ช่วยกันแก้ไขปัญหา” พล.อ. ประยุทธ์กล่าว

สั่งทุกหน่วยรวบรวมผลงาน 3 ปี

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี(สลน.) ทำหนังสือเวียนลงวันที่ 8 มิ.ย.2560 เรื่องการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกฯ เกี่ยวกับการรายงานสรุปผลการดำเนินงานที่สำคัญของส่วนราชการ ในช่วงเดือนพ.ค.2557-พ.ค.2560 ส่งถึงรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีและหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ทุกส่วนราชการปฏิบัติตามบัญชาของพล.อ.ประยุทธ์ ที่ให้สรุปผลการดำเนินงานที่สำคัญในช่วงพ.ค.2557-พ.ค.2560 ใน 11 ประเด็น ประกอบด้วย แนวทางกระทรวงเศรษฐกิจการท่องเที่ยวการค้าการลงทุนในประเทศและต่างประเทศ การบริหารบ้านเมืองและการใช้งบประมาณ การพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน การแก้ปัญหาปากท้องความเดือดร้อนของประชาชน การเร่งสร้างผลงานให้เป็นรูปธรรม การเดินหน้าตามโรดแม็ปสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน การปฏิรูปประเทศ การเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติ การออกกฎหมายการบังคับใช้กฎหมายและการอำนวยความยุติธรรม ปัญหาก่อนวันที่ 22 พ.ค. 2557 ของทุกหน่วยงาน การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและสังคม

โดยให้มีหัวข้อกิจกรรม ผลสัมฤทธิ์ตามโรดแม็ปของกิจกรรมที่สามารถจับต้องได้ ข้อเท็จจริงที่มีผลเชิงตัวเลข สถิติ กราฟ หรือเป็นผลในเชิงวิทยาศาสตร์ แบ่งเป็นหมวดหมู่แสดงให้เห็นถึงสาเหตุและปัญหา ผลการดำเนินงานและประโยชน์ที่ได้รับ โดยเฉพาะสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนที่รัฐบาลชุดปัจจุบันจะเข้ามาทำหน้าที่และผลการดำเนินงานในปัจจุบัน เพื่อสร้างการรับรู้ที่ถูกต้องแก่ประชาชน รวบรวมส่งให้ สลน. เพื่อนำมารวบรวมเป็นผลการดำเนินงานของรัฐบาล 3 ปีต่อไป นอกจากนี้ยังให้จัดทำสรุปรายงานเป็นรายเดือน ส่งเพิ่มเติมเป็นระยะด้วย

มท.1 ย้ำพกบัตรปชช.ตอบ4คำถาม

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดรับฟังความเห็นของประชาชนเกี่ยวกับ 4 คำถามของนายกฯใน วันที่ 12 มิ.ย. ในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบว่า ในพื้นที่กรุงเทพฯจะใช้เขตของกรุงเทพ มหานครทั้ง 50 เขต สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) และศูนย์ดำรงธรรมของกระทรวงมหาดไทย ส่วนต่างจังหวัดจะใช้พื้นที่ศูนย์ดำรงธรรมของจังหวัดและอำเภอ รองรับประชาชนที่จะมาตอบคำถาม ขณะนี้ยังไม่มีกำหนดปิดรับคำตอบ ทั้งนี้ ประชาชนต้องมาตอบด้วยตัวเองพร้อมแสดงตัวด้วยบัตรประจำตัวประชาชน โดยทางเขตจะมีแบบฟอร์มให้ตอบคำถาม จากนั้นกระทรวงมหาดไทยจะสรุปผลการตอบและเสนอนายกฯทุก 10 วัน โดยใช้เวลาประมวลผลไม่เกิน 7 วัน ก่อนนำส่งนายกฯ

เมื่อถามว่าหลังรวบรวมผลคำตอบจะเปิดเผยให้ประชาชนรับทราบหรือไม่ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวกับกระทรวงมหาดไทย ตนมีหน้าที่รวบรวมผลคำตอบของประชาชนให้ นายกฯ ซึ่งเวลานี้ไม่มีข้อกังวลใดๆ เพราะรับฟังความเห็นจากประชาชน เมื่อตอบมาอย่างไรก็นำส่งให้นายกฯรับทราบ

กกต.ครบรอบ 19 ปี-กำลังใจอื้อ

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีการจัดพิธีทำบุญเลี้ยงพระสงฆ์ 9 รูป เนื่องในวันสถาปนากกต.ครบ 19 ปี มีนาย ศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต. พร้อมด้วยกรรมการ ที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ ผู้บริหาร พนักงาน กกต.ร่วมพิธี โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างเรียบง่าย มีตัวแทนหน่วยงานต่างๆ อาทิ นายนุรักษ์ มาประณีต ประธานศาลรัฐธรรมนูญ นายวัส ติงสมิตร ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน แห่งชาติ(กสม.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตัวแทนพรรคเพื่อไทย ร่วมแสดงความยินดีและให้กำลังใจ กกต. เนื่องจากตรงกับวันที่สนช.ลงมติร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยกกต. ซึ่งมีประเด็นเซ็ตซีโร่กกต.ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายวัสเข้าแสดงความยินดีกับประธานกกต. ได้กล่าวให้กำลังใจกับกกต.ที่มีประเด็นเซ็ตซีโร่ ถือว่าไม่ต่างจากกสม.ที่กรธ.กำลังร่างอยู่นั้น ก็มีประเด็นเสนอให้เซ็ตซีโร่ กสม.เช่นเดียวกัน โดยนาย ศุภชัยได้กล่าวขอบคุณและให้กำลังใจประธานกสม.ด้วยเช่นกัน

“ศุภชัย”ยันไม่กังวลปมเซ็ตซีโร่

นายศุภชัยให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสนช. ประชุมเพื่อลงมติร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยกกต. ในวาระ 2 และ 3 โดยเสนอให้เซ็ตซีโร่กกต.ว่า ไม่กังวล เมื่อกฎหมายออกมาอย่างไรก็ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หากกฎหมายให้เซ็ตซีโร่กกต.แต่ระหว่างที่รักษาการจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ต่อไป ผู้สื่อข่าวถามว่าจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความหรือไม่ นายศุภชัยกล่าวว่า ต้องมาหารือกันและขอดูกฎหมายที่ออกมาก่อนว่ามีเนื้อหารายละเอียดอย่างไร และต้องสอบถามที่ปรึกษาทางกฎหมายด้วย สนช. จะออกกฎหมายอย่างไรเราไม่ขัดขวาง แต่ถ้ากฎหมายไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญก็เสนอสนช.ได้ เราไม่พูดเรื่องอยู่หรือไม่ เพราะเป็นการขัดกันซึ่งผลประโยชน์ส่วนตัวซึ่งไม่สมควร

ส่วนที่มองว่าการเซ็ตซีโร่กกต.อาจมาจากการตั้งคณะกรรมการไต่สวน 9 รัฐมนตรีนั้น เป็นไปตามที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานกฎหมายพรรคเพื่อไทย ยื่นคำร้องว่า ส่อพ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากมีคุณสมบัติ ต้องห้าม ยืนยันว่ากกต.มีอำนาจไต่สวนตามกฎหมายและทำตามหน้าที่ ไม่ได้กลั่นแกล้ง และไม่ได้เอาคืนใคร หากไปกลั่นแกล้งเขายังมีกฎหมายอาญา มาตรา 157 คอยกำกับไว้และเรายังไม่อยากไปอยู่ในเรือนจำตอนบั้นปลายของชีวิต เรื่องนี้ถือเป็นจังหวะพอดีในการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ แม้กกต.จะถูก เซ็ตซีโร่ แต่ยังมีอำนาจปฏิบัติหน้าที่ในเรื่องนี้จนกว่าจะมีกกต.ชุดใหม่

กสม.จ่อส่งความเห็นคัดค้าน

ด้านนายวัส ติงสมิตร ประธานกสม. กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการเซ็ตซีโร่ทั้งกกต.และกสม. เนื่องจากมีการเปลี่ยนเหตุผลในการ เซ็ตซีโร่ไปเรื่อยๆ ในส่วนของ กสม.ได้รับร่างกฎหมายดังกล่าวแล้ว และจะส่งความเห็นของ กสม.ประมาณ 20 ประเด็น กลับไปให้กรธ.ภายในสัปดาห์หน้า โดยเฉพาะมาตรา 60 ที่เห็นว่ามีปัญหาในการทำหน้าที่ เนื่องจากเสนอให้เซ็ตซีโร่กสม.ด้วย โดยให้เหตุผลว่าหากไม่ เซ็ตซีโร่จะมีปัญหาเรื่องปลาสองน้ำในการทำงาน ทั้งที่เกือบทุกองค์กรก็มีลักษณะปลาสองน้ำ แม้แต่องค์กรอิสระที่ไม่อยู่ในเกณฑ์ถูกเซ็ตซีโร่ เหตุผลนี้จึงไม่ถูกต้อง

“กสม.จะทำความเห็นไปให้กรธ.ตาม ขั้นตอน แต่หากไม่สามารถยับยั้งได้และมีการประกาศใช้ร่างกฎหมาย ก็ต้องยอมรับ เนื่องจากเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย จะไม่ใช้สิทธิส่วนตัวไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพราะไม่เหมาะสม เนื่องจากเป็นผู้ทำหน้าที่เกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน แม้ตัวเองจะถูกละเมิดแต่ถ้าต้องไปร้องเพื่อประโยชน์ตัวเองจะกลายเป็นปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนหรือแพ้แล้วไม่ยอมเลิก ถ้ากฎหมายมีผลบังคับใช้ตามร่างของ กรธ.จริง คงไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ยืนยันในทางวิชาการว่าเซ็ตซีโร่ครั้งนี้ไม่มีเหตุผลเพียงพอ” นายวัสกล่าว

ชี้ปลากี่น้ำไม่ใช่สาระ

นายวัสกล่าวว่า ปลาน้ำเดียวไม่ว่าจะน้ำจืดหรือน้ำเค็ม ที่บอกว่าอร่อย ปลาสองน้ำอร่อยกว่า เช่น ปลาแซลมอน เกิดในน้ำจืดจากภูเขา แต่โตในน้ำเค็ม จากนั้นว่ายทวนน้ำขึ้นไปวางไข่และตายในน้ำจืด เป็นปลาสองน้ำที่อร่อยและมีประโยชน์ แต่ที่อร่อยกว่าปลาสองน้ำคือปลาสามน้ำ คือปลาคังที่อ.โขงเจียม เกิดจาก 3 น้ำมารวมกัน เป็นปลาที่อร่อยที่สุด ดังนั้นจะปลาน้ำเดียว สองน้ำหรือสามน้ำ ไม่ใช่สาระ สำคัญ แต่สำคัญว่าปลาเหล่านั้นอร่อยและมีประโยชน์หรือไม่ เทียบกับองค์กรอิสระก็ทำนองเดียวกัน ถ้าเป็นปลาสองน้ำแล้วทำงานได้ดี มีประสิทธิภาพ ก็ควรให้ทำหน้าที่ต่อ

“ขอวิงวอนให้องค์กรที่เกี่ยวข้องพิจารณาด้วยความเมตตา เพราะถ้าให้พ้นจากหน้าที่โดยที่กรรมการขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามซึ่งจะเป็นเรื่องเฉพาะรายที่เป็นทางออกที่ดีที่สุด เนื่องจากคนที่เข้ามาทำหน้าที่ในองค์กรอิสระยอมทิ้งงานอื่นมารับใช้ประเทศ ถ้าทำงานไม่ดี ก็มีทางถอดถอนได้อยู่แล้ว” นายวัสกล่าว

สนช.ถกกฎหมายลูกกกต.

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.เป็นประธานการประชุม พิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญฯ พิจารณาเสร็จแล้ว ในวาระ 2

นายตวง อันทะไชย ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ชี้แจงว่า ร่างพ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยกกต. มีทั้งหมด 78 มาตรา มีการแก้ไขเพิ่มเติม 18 มาตรา มีกรรมาธิการเสียงข้างน้อย สงวนความเห็น 3 คน และมีสมาชิกสนช. ขอสงวนคำแปรญัตติ 14 คน ส่วนใหญ่แปรญัตติในมาตราที่เกี่ยวข้องกับการดำรงอยู่ของกรรมการกกต.หลังร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ประกาศใช้

จากนั้นเป็นการอภิปรายเรียงรายมาตรา โดยในมาตรา 12 ในการสรรหากรรมการ ให้ คณะกรรมการสรรหา เลือก กกต.ด้วยการลงคะแนนแบบเปิดเผย พร้อมบันทึกเหตุผลของคณะกรรมการสรรหาแต่ละคนไว้เป็นหลักฐานด้วย โดยนายธานี อ่อนละเอียด สนช.อภิปรายแสดงความเป็นห่วงว่า จะไม่มีใครกล้าเป็น คณะกรรมการสรรหา เพราะต้องบันทึกเหตุผล เกรงว่าเป็นหลักฐานและ ถูกดำเนินคดีได้ อีกทั้งยังกังวลว่าจะเป็นบรรทัดฐานให้พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญฉบับอื่นๆ ยึดแนวทางนี้ จึงเสนอให้ตัดเนื้อหาดังกล่าวนี้ออกไป

ลงคะแนนเปิดเผย-โชว์เหตุผล

ขณะที่นายพรเพชร วิชิตชลชัย ได้ท้วงติงประเด็นที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ตัดผู้พิพากษาอาวุโสออกจากคณะกรรมการสรรหา และส่งผลให้พวกเขามาทวงถามที่ตนได้ นอกจากนี้ยังเป็นกังวลว่ากระบวนการเลือกกกต.หลายรอบจนกว่าจะได้กกต.ครบ ทำให้กกต.ชุดเก่ารักษาการไปเรื่อยๆ ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ อย่างนี้จะแก้ปัญหากันอย่างไร ทำให้นายพรเพชรสั่งพักการประชุมเป็นเวลา 15 นาที เพื่อหาทางออกแต่ใช้เวลาในการหารือถึง 50 นาที

จากนั้นเวลา 13.20 น. สนช.กลับมาประชุมอีกครั้ง โดยกมธ.ยอมแก้ไขข้อความให้คณะกรรมการสรรหา ลงคะแนนแบบเปิดเผยเหมือนร่างเดิม แต่ให้บันทึกเหตุผลเฉพาะบุคคลที่ได้รับการสรรหา ส่วนคนไม่ได้รับการสรรหาไม่ต้องบันทึกเหตุผล สำหรับคนที่ไม่ได้รับการเลือกในชั้นคณะกรรมการสรรหาสามารถกลับมาสมัครได้ ในกรณีที่กกต. ยังสรรหาไม่ครบ 7 คน เพราะเกรงว่าจะไม่มีคนที่มีคุณสมบัติครบตามรัฐธรรมนูญมาสมัคร จึงกำหนดไว้เพียงกรณีที่บุคคลไม่ผ่านขั้นตอนความเห็นชอบของวุฒิสภาไม่สามารถกลับเข้ามาสมัครใหม่ได้ ขณะที่เรื่องการตัด ผู้พิพากษาอาวุโสออกไปนั้น กมธ.ได้ชี้แจงว่าได้มอบให้อยู่ในอำนาจของที่ประชุมใหญ่ ศาลฎีกาเป็นผู้พิจารณา ว่าจะส่งผู้พิพากษาอาวุโสมาร่วมเป็นคณะกรรมการสรรหา หรือไม่ แล้ว

อภิปรายเดือดเรื่องคุณสมบัติ

ต่อมาเวลา 15.00 น. สนช.ได้พิจารณา มาตรา 70 บทเฉพาะกาล เกี่ยวกับการดำรงอยู่ของกกต.ชุดปัจจุบัน โดยนายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานกมธ.ด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ในฐานะกมธ.เสียงข้างน้อย ที่เสนอให้ปรับเปลี่ยน เฉพาะกกต.บางคนที่ขาดคุณสมบัติ อภิปรายว่า ในเรื่องคุณสมบัติ กกต. ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งกมธ.เสียงส่วนใหญ่เห็นว่าให้ปรับเปลี่ยนกกต.ทั้งหมด หรือเซ็ตซีโร่ โดยให้กกต.ทั้ง 5 คนพ้นจากหน้าที่ไปเมื่อกฎหมายใช้บังคับ และให้ทำหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะได้กกต.ชุดใหม่ ส่วนตัวเห็นว่า ควรให้กกต.ชุดปัจจุบันที่มีคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญทำหน้าที่ต่อ มองว่าประสิทธิภาพการทำงานของกกต.เป็นเรื่องสำคัญ คนที่มาเป็นต้องมีความรู้ มีประสบการณ์ และมีความเข้าใจในการทำงาน

ดังนั้น คิดว่าควรมีกกต.คนเดิมทำหน้าที่ต่อ เพื่อประสิทธิภาพการทำงานน่าจะต่อเนื่องได้ โดยเฉพาะคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญก็มีสูง จึงยังมองไม่ออกว่ามีเหตุผลอะไรจะไม่ให้เขาทำหน้าที่ต่อไป ส่วนแนวทางที่กมธ.เสียงส่วนใหญ่ที่เสนอไว้เราก็เคารพ แต่ด้วยหลักการเหตุผลที่ กมธ.ด้านการเมือง สปท.ได้ศึกษาและรวบรวมเสนอมาแล้วน่าจะเป็นหลักการสำคัญที่จะทำให้งานของกกต.ทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป จึงคิดว่าน่าจะเป็นไปตามร่างเดิมของกรธ.ที่เสนอมา

เสียงข้างน้อยระบุเข้ามาถูกต้อง

ด้านพ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา รักษาการเลขาธิการกกต. ในฐานะกมธ.เสียงข้างน้อยที่ไม่ให้เซ็ตซีโร่ กกต.ยกชุด อภิปรายว่า กกต.ทุกคนกว่าจะมาทำงานวันนี้ต้องสอบเข้ามาและลาออกจากวิชาชีพหลายอย่าง อยากถามว่าหากมีกกต.ใหม่ทั้งชุดเข้ามาทำหน้าที่แล้ว จะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ การทำงานด้านการเลือกตั้งต้องอาศัยเวลาและความชำนาญในการทำงาน จึงควรให้กกต.ทั้งชุดอยู่ทำหน้าที่ต่อไป

ขณะที่มีสมาชิก สนช.อีกหลายคนที่ต้องการให้ กกต.อยู่ต่อทั้งชุดจนครบวาระ อาทิ นายกล้านรงค์ จันทิก นายนรนิติ เศรษฐบุตร และนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ อภิปรายว่า ตนขออภิปรายในแบบที่ชาวบ้านเข้าใจ จึงอยากถามไปที่ กรธ.และกมธ.ว่า โกรธอะไรกกต.เป็นการส่วนตัวหรือเปล่า ตนไม่แน่ใจ ทำไมกมธ.จึงอยากให้ก๊กนี้ไปทั้งหมด ทั้งที่กกต.ชุดปัจจุบันมาถูกต้องทุกประการแต่ไปรังแกเขา เพราะกกต.บางคนมีคุณสมบัติถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ และอยากถามว่าจะเซ็ตซีโร่ทุกองค์กรหรือไม่ หรือ เซ็ตซีโร่เฉพาะที่ไม่ใช่พวกเรา

“การอ้างปลา 2 น้ำก็ฟังไม่ขึ้น และในสภานี้ก็ปลาหลายน้ำ สนช.ก็ปลาถึง 3 น้ำ ถ้าจะทำเช่นนี้ชาวบ้านจะหาว่าสภาเรามีมาตรฐาน ทานกันอย่างไร และหากกฎหมายอื่นเข้ามาจะวางมาตรฐานอย่างไรเพราะหากทำอย่างนี้ก็คือหลายมาตรฐาน หากชี้แจงไม่ได้จะรู้สึกอายชาวบ้านหากเดินออกไปข้างนอก” นายวัลลภกล่าว

ตวง-กรธ.ยันเปล่าเกลียดใคร

นายตวง อันทะไชย ประธานกมธ. ชี้แจงว่า การตัดสินใจเซ็ตซีโร่กกต. ไม่ได้เกิดจากความโกรธหรือรักใคร หรือใครได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์ แต่ตัดสินใจเพื่อประโยชน์ประเทศชาติ เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และเจตจำนงเพื่อให้การเลือกตั้งมีประสิทธิภาพ กมธ.จึงเมินเฉยในร่างแรกของกรธ.ที่เสนอให้ตัดคุณสมบัติ กกต.บางคนที่ขัดรัฐธรรมนูญ และต้องการให้คนใหม่มาใช้กติกาใหม่ เพื่อให้การปฏิรูปมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังให้ความเป็นห่วง กกต. โดยเขียนในวรรคสอง ให้มีการรักษาการ และได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ จนกว่าจะมีกกต.ชุดใหม่เข้ามา เพราะเราคิดใหญ่ในการปฏิรูปประเทศ หากเราปฏิบัติแบบเดิม กลไกแบบเดิม วิธีการทำงานแบบเดิม ไม่มีทางเกิดผลแบบใหม่ได้ ส่วนคำถามที่ว่ากฎหมายองค์กรอิสระอื่น จะเดินตามแนวทางเซ็ตซีโร่หรือไม่ ตนไม่สามารถตอบได้ เพราะกรธ.เป็นผู้ร่างกฎหมาย จึงต้องให้กรธ.ตอบเอง

ด้านนายภัทระ คำพิทักษ์ กรธ. ในฐานะกมธ. ชี้แจงว่า การเสนอกฎหมายลักษณะทำนองเดียวกับกกต. อาจจะเหมือนหรือต่างกันก็ได้ ขึ้นอยู่กับองค์กรนั้นๆ ทั้งโครงสร้าง และสนธิสัญญาต่างประเทศ บางองค์กรอาจจะมีความคล้ายคลึง บางองค์กรอาจแตกต่างกัน ยืนยันว่าการเซ็ตซีโร่กกต.ดูเรื่องเจตนารมณ์ คุณสมบัติ และวัตถุประสงค์การปฏิรูป โดยไม่ได้พิจารณาว่าจะโกรธใคร เกลียดใคร และขอยืนยันอีกว่ากรธ.ไม่ได้เสียจุดยืนเพราะเป็นการแก้ไขอยู่ในกรอบรัฐธรรมนูญ ดังนั้น สนช.มีสิทธิ์พิจารณาตามดุลพินิจ และทำกฎหมายออกไปตามเจตนารมณ์

โหวตฉลุยเซ็ตซีโร่-ผ่านทั้งฉบับ

นอกจากนี้ สนช.บางคนยังเสนอให้มีการปรับเรื่องเงินบำเหน็จตอบแทนกกต.ที่พ้นสภาพว่าน้อยเกินไป เพราะเขาไม่มีความผิดแต่ถูกให้พ้นตำแหน่ง ขณะที่กมธ.ชี้แจงว่า หากเพิ่มให้มากกว่านี้จะผิดระเบียบการเงินการคลัง

จากนั้นที่ประชุมลงมติ ในมาตรา 70 เห็นด้วยกับกมธ.เสียงข้างมาก ที่ต้องการให้เซ็ตซีโร่ กกต.ด้วยคะแนน 161 ไม่เห็นด้วย 15 งดออกเสียง 12 และเมื่อที่ประชุมพิจารณาครบทั้ง 78 มาตรา ได้ลงมติในวาระ 3 เห็นชอบร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวด้วยคะแนน 177 ไม่เห็นด้วย 1 งดออกเสียง 5 เสียง และดำเนินการตาม ขั้นตอนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 267 ต่อไป โดยให้สนช.ส่งร่างพ.ร.บ.ให้กกต. ศาลรัฐธรรมนูญ ดูว่าเนื้อหาตามร่างนี้ขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ หากเห็นแย้งให้ส่งความเห็นมาที่ประธานสนช. เพื่อมีการตั้งกมธ.ร่วม 3 ฝ่ายจำนวน 11 คน ประกอบด้วยสนช. 5 คน กรธ. 5 คนและกกต. 1 คน เมื่อพิจารณาเสร็จแล้วเสนอกลับให้สนช.พิจารณาห็นชอบด้วยเสียงข้างมาก หรือหากคว่ำต้องใช้เสียง 2 ใน 3 ของสภา

5 เสือเล็งส่งคำแย้งคืนสนช.

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารกลาง เปิดเผยภายหลังที่ประชุมสนช.ลงมติเซ็ตซีโร่ กกต.ว่า กกต. เคารพในหลักการตัดสินใจเพื่อบ้านเมืองของ สนช. แต่ขอสงวนสิทธิ์พิจารณาเนื้อหาของกฎหมายดังกล่าว 2-3 วัน ว่ายังมีส่วนใดขัดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยในวันที่ 14 มิ.ย.นี้กกต.มีนัดประชุมที่ปรึกษากฎหมายในเวลา 10.00 น. และประชุมกกต. ในเวลา 13.30 น. ซึ่งในการประชุมดังกล่าวน่าจะมีมติว่าจะส่งประเด็นกฎหมายที่ขัดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญคืน สนช.หรือไม่

อย่างไรก็ตาม การใช้สิทธิ์เพื่อตัดสินใจดังกล่าวจะอยู่บนผลประโยชน์ส่วนรวม และบรรทัดฐานความถูกต้องในการปกครองบ้านเมืองภายใต้หลักนิติรัฐ นิติธรรม

ทส.ตั้ง7รองอธิบดี”ลูกปลอด”ลิ่ว

เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. นายวิจารย์ สิมาฉายา ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการระดับ 9 (บริหารต้น) ตำแหน่งรองอธิบดีในสังกัด ทส.จำนวน 7 ตำแหน่งที่ว่าง ประกอบด้วย นายปิ่นศักดิ์ สุรัสวดี (ลูกนายปลอดประสพ สุรัสวดี)ผอ.สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เป็นรองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ นายอรรถพล เจริญชันษา ผอ.สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ เป็นรองอธิบดีกรมป่าไม้ นายจงคล้าย วรพงศธร ผอ.สำนักส่งเสริมการปลูกป่า กรมป่าไม้ เป็นรองอธิบดีกรมป่าไม้ นายอำนาจ ทองเบ็ญญ์ ผอ.สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัด ทส. เป็นผู้ช่วยปลัด ทส.

นางอรนุช หล่อเพ็ญศรี ผอ.สำนักอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรน้ำบาดาล กรมทรัพยากร น้ำบาดาล เป็นรองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล นายบรรพต อมราภิบาล ผอ.กองส่งเสริมและเผยแพร่ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม เป็นรองอธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมและนายสุโข อุบลทิพย์ ผอ.สำนักวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เป็น รองเลขาธิการ สผ.

นายวิจารย์ ยังลงนามในคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการระดับ 9 (อำนวยการสูง) จำนวน 23 ตำแหน่ง ประกอบด้วยตำแหน่ง ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ผอ.ทสจ.) สังกัดสำนักงานปลัด ทส. 11 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายมโนชญ บุณยานันต์ ผอ.ทสจ.บึงกาฬ เป็น ผอ.ทสจ.นครพนม นายสมคิด ตั้งประเสริฐ เจ้าพนักงานป่าไม้ เป็น ผอ.ทสจ.ชัยภูมิ นายเปลื้อง รัตนฉวี เจ้าพนักงานป่าไม้ เป็น ผอ.ทสจ.นราธิวาส นายนที ธรรมพิทักษ์พงษ์ เจ้าพนักงานป่าไม้ เป็น ผอ.ทสจ.สุรินทร์

นายชัยสิทธิ์ ตระกูลศิริพาณิชย์ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เป็น ผอ.ทสจ.ตราด น.ส.ทิพย์อาภา ยลธรรม์ธรรม กรมควบคุมมลพิษ เป็น ผอ.ทสจ.ระยอง นายฐิติพันธ์ จูจันทร์ กรมป่าไม้ เป็น ผอ.ทสจ.เลย นายสุเมธ สายทอง กรมอุทยานฯ เป็น ผอ.ทสจ. จันทบุรี นายสว่าง กองอินทร์ กรมอุทยานฯ เป็น ผอ.ทสจ.ราชบุรี นายวันชัย จริยาเศรษฐโชค กรมอุทยานฯ เป็น ผอ.ทสจ.สกลนคร นายจรูญรัตน์ หิรัญชุฬหะ กรมอุทยานฯ เป็น ผอ.ทสจ.อำนาจเจริญ

ม็อบยางร้อง”บิ๊กตู่”แก้ราคาตก

วันที่ 9 มิ.ย. ที่ศาลากลางจังหวัดบุรีรัมย์ ประธานเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง 10 จังหวัดภาคอีสานตอนล่าง ได้แก่ จ.บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ ยโสธร ร้อยเอ็ด ชัยภูมิ อำนาจเจริญ มหาสารคาม นครราชสีมา และอุบลราชธานี นำโดยนายวิชิต ลี้ประเสริฐ ประธานเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางภาคอีสานตอนล่าง รวมตัวกันเข้ายื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผ่านนายประภาส รักษาทรัพย์ รองผู้ว่าฯบุรีรัมย์ เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งหาแนวทางแก้ปัญหายางพาราที่กำลังตกต่ำ ขณะนี้ราคายางแผ่นดิบในพื้นที่ภาคอีสานอยู่ที่กิโลกรัมละ 53-56 บาท ยางก้อนถ้วยแบบสดและค้างคืนเหลือก.ก.ละ 19-24 บาท โดยยางแผ่นดิบมีราคาสูงถึงก.ก.ละ 70 บาท แต่ผ่านไปสัปดาห์เดียวราคาลดถึงก.ก.ละกว่า 10 บาท ทำให้ชาวสวนยางต้องชะลอการกรีดและขาย เพราะขณะนี้ราคาต่ำกว่าต้นทุน จึงเรียกร้องให้รัฐบาลได้พยุงหรือแทรกแซงราคายางให้สูงขึ้นมากกว่านี้ หรือไม่ต่ำกว่าก.ก.ละ 70 บาทจึงจะอยู่รอดได้

รวมทั้งให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณรายปีให้สถาบัน สหกรณ์ หรือกลุ่มเกษตรกรเพื่อการแปรรูปและเก็บรักษายาง ,ให้รัฐบาลกำหนดนโยบายพัฒนาโครงการต่างๆ เพื่อให้มีการใช้ยางที่ผลิตในประเทศมากขึ้น ให้รัฐบาลสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนโครงการ 10,000 ล้านบาทต่อไปด้วย โดยในพื้นที่ภาคอีสานมีเกษตรกรปลูกยางมากกว่า 1 ล้านครอบครัว พื้นที่ปลูกกว่า 10 ล้านไร่

ขณะที่จังหวัดอื่นๆ อาทิ จ.เลย พัทลุง ประจวบคีรีขันธ์ มีการรวมตัวของเครือข่ายชาวสวนยางยื่นหนังสือผ่านผู้ว่าฯ เรียกร้องให้เร่งแก้ปัญหาราคายางตกต่ำโดยเร็ว และขอให้นายกฯ เปิดโอกาสให้ตัวแทนเกษตรกรเข้าพบ เพื่อเสนอแนวทางบริหารจัดการยางพาราทั้งระบบร่วมกันในวันที่ 15 มิ.ย.นี้ ถ้าไม่เป็นผล เกษตรกรชาวสวนยางจะมาชุมนุมกันที่หน้าศาลากลางจังหวัด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน