ส.ส.ก้าวไกล ขอบ่นดังๆ สับแหลก เยียวยา 5,000 บาท ทำคนฝันค้าง สุดมึนหลักเกณฑ์เปลี่ยนไปเรื่อย จากบอกแจก 6 เดือน ปรับลดเหลือ 3 เดือน ชี้ออกแบบมาตรการใช้เงินกู้ 1 ล้านล้านไม่ชัดเจน

เมื่อวันที่ 9 เม.ย. น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กถึงมาตรการแจกเงินเยียวยา 5,000 บาทในสถานการณ์โควิดว่า

เกาะติดข่าวโควิด กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account
เพิ่มเพื่อน

ตามเรื่องการแจกเงิน 5,000 บาทต่อเดือนจากข่าวที่รัฐบาลแถลงแล้วก็เห็นใจคนเดือดร้อนกันอยู่ตอนนี้จริงๆ เลยต้องขอบ่นดังๆ ให้ทุกคนฟังค่ะ

ตอนแรกรัฐบาลบอกว่ามีผู้มีสิทธิ์ลงทะเบียน 3 ล้านคน ต่อมารัฐบาลกลับบอกว่าได้ทุกคนที่เข้าเกณฑ์ 3 ข้อ พอคนมาลงทะเบียน 24.5 ล้านคน ครม.ก็มีมติใหม่อนุมัติมาว่าขยายผู้ได้รับประโยชน์เหลือ 9 ล้าน ล่าสุดก็ออกมาแถลงก็ลดลงมาว่ามีคนเข้าเกณฑ์เหลือเพียง 8 ล้านคน

เกณฑ์อาชีพก็สุดประหลาด เพราะตีความว่าผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด คือ เฉพาะกิจการที่ถูกปิดโดยรัฐ ทำให้อาชีพคนงานก่อสร้าง โปรแกรมเมอร์ ค้าขายออนไลน์บางส่วนหมดสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลือ โดยลืมไปว่าจนถึงตอนนี้ โควิดได้ทำเศรษฐกิจเสียหายไปวงกว้างกว่านั้นไปแล้ว กำลังซื้อที่หดหายจากรายได้ที่ลดลงส่งผลกระทบกับเงินในกระเป๋าทุกคนอย่างถ้วนหน้า

เงื่อนเวลาอนุมัติก็ขยายแล้วขยายอีก ตอนแรกบอก 5 วันหลังลงทะเบียนรับเงินทันที ต่อมาขยายเป็น 7 วัน สุดท้ายก็พอเข้าใจได้เพราะว่าคนลงทะเบียนล้นหลาม (ก็ท่านแจ้งเองว่าเข้าเกณฑ์ได้หมด) สรุปสุดท้ายผ่านไป 12 วันเพิ่งได้รับเงินกันไป 1.6 ล้านคน ถ้านับจากวันที่มีประกาศปิดสถานประกอบการในกทม.ก็ผ่านมาราว 3 อาทิตย์ คนหาเช้ากินค่ำต้องหาเงินหมุนหนี้ไม่ทันคงต้องจ่ายดอกเบี้ยกันเหงื่อตก

ส่วนในด้านระยะเวลาของมาตรการก็สับสนไม่แพ้กัน เพราะตอนแรกหลังจากออกมติครม. อนุมัติพ.ร.ก.กู้เงินเพิ่มก็บอกว่าจะขยายเวลาจาก 3 เดือน เป็น 6 เดือน แต่ล่าสุดรมว.คลังกลับลำบอกว่าให้แค่ 3 เดือนรอดูสถานการณ์ คนที่รอรับเงินฝันค้างวางแผนชีวิตไม่ถูก

นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเลือกวิธีลงทะเบียนเฉพาะทางออนไลน์ ทิ้งคนเข้าไม่ถึงเทคโนโลยีไปอีกเท่าไหร่ แทนที่จะจัดคิวให้คนมาลงทะเบียนได้แบบไม่แออัด บางส่วนที่อาจจะลงได้ก็เพราะไปเสียเงินจ้างเงินมาลงทะเบียนให้

นี่เป็นตัวอย่างของการออกแบบนโยบายที่ไม่เข้าอกเข้าใจประชาชน (ขอยืมคำของคุณสฤณีมาใช้นะคะ จากบทความ https://themomentum.co/empathy-based-policies/) ที่ออกนโยบายมาจากฐานคิดแบบราชการแต่ไม่ค่อยคิดถึงชีวิตจริงๆ ของประชาชนเท่าไหร่ ทำให้นโยบายที่ออกมาแม้เป็นนโยบายที่ดีแต่ประสิทธิผลที่ได้ยังไม่ตรงเป้า

ปัญหาที่ผ่านมาแล้วเราคงทำอะไรไม่ได้มาก แต่หวังเป็นอย่างยิ่งนะคะ ว่ารัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะออกแบบมาตรการในการใช้เงินกู้ 1 ล้านล้านให้ชัดเจน รัดกุมกว่านี้ตั้งแต่ต้นก่อนที่จะเริ่มทำมาตรการค่ะ

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน