องอาจ ปชป. เปิดเผยผลสอบ คนในพรรคถูกกล่าวหาเกี่ยวโยงกักตุนหน้ากากอนามัย เรียกมัลลิกา บุญมีตระกูลสอบแล้ว ไม่ปรากฎว่าเกี่ยวพัน ยันทุกอย่างโปร่งใส ไม่ได้ฟอกใคร

เมื่อวันที่ 18 เม.ย. เวลา 12.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการกล่าวหาสมาชิกพรรคมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกักตุน และส่งออกหน้ากากอนามัย แถลงผลการตรวจสอบว่า คณะกรรมการดำเนินกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยความละเอียด รอบคอบ เป็นธรรม

โดยรวบรวมเอกสาร ข้อมูล หลักฐานที่เกี่ยวข้อง ทั้งที่ปรากฏในสื่อสาธารณะและที่อื่นๆ อีกทั้งได้ติดต่อประสานงานขอทราบข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากหน่วยงานและบุคคลที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเชิญผู้เกี่ยวข้องมาให้ข้อเท็จจริงกับคณะกรรมการ โดยผลการสอบเสร็จสิ้นแล้ว มีทั้ง 12 หน้า และส่งให้หัวหน้าพรรครับทราบแล้ว

นายองอาจ กล่าวว่า คณะกรรมการฯ พิจารณาคำกล่าวหาจากผู้กล่าวหาคือนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ที่เผยแพร่ผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก แฟนเพจ ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมหลายครั้ง ซึ่งพบว่ามีการนำข้อมูลมาปะติดปะต่อ เพื่อโน้มน้าวให้สังคมเข้าใจว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งที่มีตำแหน่งทางการเมืองเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีในกระทรวงพาณิชย์ ใช้อำนาจหน้าที่ร่วมกับบริษัทเอกชนและข้าราชการ แสวงหาประโยชน์จากการได้รับโควตาหน้ากากอนามัย นำมากักตุนส่งออกและจำหน่ายผ่านช่องทางต่างๆ โดยมิชอบ

นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ ได้ติดต่อนายอัจฉริยะ เพื่อขอข้อมูลข้อเท็จจริง และข้อกล่าวหาที่ชัดเจนโดยทำหนังสือลงวันที่ 25 มีนาคม 2563 ขอให้ส่งข้อมูลมาให้ แต่เพจชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมได้โพสต์ข้อความ ว่า “ข้อมูลที่คุณองอาจขอมานั้น ทางเราไม่สามารถให้ท่านได้ เพราะท่านไม่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย”

คณะกรรมการฯ จึงไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมใดๆ จากผู้กล่าวหา จากนั้นคณะกรรมการฯ ได้พิจารณาต่อไปว่าสมาชิกพรรคที่ถูกกล่าวหาหรือถูกพูดถึงหมายถึงใคร เพราะนายอัจฉริยะ พูดผ่านการถ่ายทอดสดเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2563 ว่า “ผมยืนยันนะครับว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามีการไลฟ์สดและพูดถึงที่ปรึกษารัฐมนตรี ที่ปรึกษานักการเมือง ผมยังไม่เคยพูดถึงคุณมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ผมพูดถึงอีดอก”

นายองอาจกล่าวต่อว่า แม้ผู้กล่าวหาจะปฏิเสธไม่เคยพูดถึงนางมัลลิกา ซึ่งเป็นที่ปรึกษารมว.พาณิชย์ แต่คณะกรรมการฯ ได้ประมวลข้อมูลหลักฐานที่ปรากฏแล้ว และสังคมส่วนหนึ่งเกิดความเข้าใจว่าเรื่องดังกล่าวเกี่ยวข้องกับนางมัลลิกา ที่ได้รับการแต่งตั้งตามกฎหมายในการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ประกอบกับนางมัลลิกาได้แจ้งความดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาทเมื่อวันที่ 16 มีนาคม และในวันที่ 17 มีนาคม 2563 กับนายอัจฉริยะในข้อหาความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

ทางคณะกรรมการฯ จึงเชิญนางมัลลิกามาให้ข้อมูล นางมัลลิกา ชี้แจงว่า ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการส่งออกหน้ากากอนามัย ไม่ได้รับผลประโยชน์จากการกินหัวคิว หรืออยู่เบื้องหลังบริษัทเอกชน 3 บริษัท ที่ระบุว่าได้รับโควตาส่งออก ถือว่าเป็นการกล่าวหาด้วยความเท็จ นางมัลลิกายังปฏิเสธว่า

ไม่เคยรู้จักกับบริษัทใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกหน้ากากอนามัย ไม่เคยมีความสัมพันธ์ใดๆ ไม่ว่าจะเป็น 3 บริษัทหรือบริษัทอื่นๆ ที่ปรากฏเป็นข่าว และที่นายอัจฉริยะนำมากล่าวอ้าง อีกทั้งไม่เคยรู้จักหรือมีความสัมพันธ์ใดๆ กับกระบวนการหลอกลวงขายหน้ากากอนามัยผ่านออนไลน์ของผู้เกี่ยวข้องกับนักการเมืองจากบางพรรคการเมือง ซึ่งถูกดำเนินคดีอยู่ขณะนี้

นายองอาจ กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นคณะกรรมการฯ ได้ตรวจสอบข้อมูลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พบว่า เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2563 ได้แถลงผลจับกุมผู้ต้องหากักตุนจำหน่ายหน้ากากอนามัยและเวชภัณฑ์ตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 8 เมษายน 2563 หลังจากที่มีการประกาศให้หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุม ไม่ปรากฏว่ามีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์หรือผู้ถูกกล่าวหาตกเป็นผู้ต้องหาหรือมีคดีที่เกี่ยวข้องตามที่มีการกล่าวหาแต่อย่างใด

“คณะกรรมการฯ จึงได้พิจารณาจากข้อมูลหลักฐาน และข้อเท็จจริงที่ได้รับในช่วงเวลาที่ดำเนินกระบวนการตรวจสอบตลอดเวลาเกือบ 1 เดือนที่ผ่านมา จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ว่าผู้กล่าวหาตั้งประเด็นกล่าวหาคลุมเครือไม่ชัดเจน และไม่มีข้อมูลหลักฐานหรือข้อเท็จจริงใด ที่ทำให้เชื่อได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาเกี่ยวข้องกับการกักตุน และส่งออกหน้ากากอนามัย

และไม่มีข้อมูลหลักฐานใดบ่งชี้ว่าสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ผู้ถูกกล่าวหา กระทำการอันขัดต่อข้อบังคับพรรคการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ พ.ศ. 2561 หมวด 4 เรื่องมาตรฐานทางจริยธรรมของกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกพรรค ข้อ 27 ที่ระบุว่ากรรมการบริหารพรรคและสมาชิกพรรคต้องมีอุดมการณ์ในการทำงานด้วยความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์ สุจริตและเสียสละ โดยยึดถือและปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ ไม่วางตนอยู่ภายใต้อิทธิพลทางการเงินผลประโยชน์หรือข้อต่อรองใดๆ เพื่อบุคคลหรือองค์กรใด”นายองอาจ กล่าว

เมื่อถามว่าผลตรวจสอบที่ออกมา อาจมีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการช่วยเหลือพวกพ้องกันเองหรือไม่ นายองอาจ กล่าวว่า ขอยืนยันว่าผลสอบที่ออกมาไม่ได้เป็นการฟอกตัวให้กับผู้ถูกกล่าวหา เพราะคณะกรรมการชุดนี้ตั้งขึ้นมาเพื่อตรวจสอบ ว่าสมาชิกของพรรคมีส่วนเกี่ยวข้องและมีความผิดตามที่กล่าวหาหรือไม่

แต่ไม่ได้มีอำนาจในการสอบสวนใครผิดใครถูก ขอยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ยึดมั่นในความซื่อสัตย์ สุจริต ถ้าพบว่ามีสมาชิกพรรค หรือข้าราชการการเมืองคนใดเกี่ยวข้องกับการกักตุน และการส่งออกหน้ากากอนามัยที่ผิดกฎหมาย พรรคฯ พร้อมจะดำเนินการลงโทษอย่างจริงจัง และพร้อมให้ความร่วมมือกับกระบวนการยุติธรรมอย่างถึงที่สุด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน