เพื่อไทย ไล่ส่ง หม่อมเต่า ทำไม่ได้ควรลาออก หากไม่คืนเงินประกันตนลูกจ้าง ลั่นอย่าดึงเวลา อย่างน้อยต้องจ่ายแรงงานอย่างน้อยร้อยละ 80 ของค่าจ้าง

เมื่อวันที่ 9 พ.ค. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระองค์กร อัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน กล่าวถึงกรณี ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล รมว.แรงงาน กล่าวถึงกรณีที่จะเพิ่มเงินว่างงานให้กับผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ในสถานการณ์โควิด-19 จากร้อยละ 62 ให้เป็นร้อยละ 75 ว่า การคืนเงินบางส่วนที่เป็นของลูกจ้างเองควรคืนอย่างน้อยร้อยละ 80 ของค่าจ้างเป็นระยะเวลา 3 เดือนทันที

รัฐบาลต้องตัดสินใจอย่างเด็ดขาด อย่าดึงเวลา เพราะความเดือดร้อน ความเป็นความตายของประชาชนมีทุกวินาที ทั้งนี้ สัปดาห์ที่ผ่านมาตนทำหนังสือถึงเลขาฯ กองทุนประกันสังคมให้ชี้แจงถึงสถานการณ์เงินและการนำเงินไปลงทุนต่างๆ ที่ประชาชนควรทราบ

โดยกองทุนชี้แจง ณ วันที่ 8 พ.ค. มีเงินที่ใช้ได้ตอนนี้เพียงแค่ประมาณ 16,000 ล้านบาทเท่านั้น ส่วน 2.2 ล้านล้านบาทถูกนำไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและอื่นๆร้อยละ 82 หรือประมาณ 1.67 ล้านล้านบาท ส่วนอีก 18% ไปลงทุนในธุรกิจอื่นๆที่มีความเสี่ยง อาทิ อสังหาริมทรัพย์ ทองคำประมาณ 80,000 ล้านบาททั้งในและต่างประเทศ ทำให้เห็นว่าวันนี้รมว.แรงงานต้องตัดสินใจในฐานะผู้นำสูงสุด เพื่อผู้ประกันตนที่กำลังเดือดร้อนสูงสุดเช่นกัน

นายจิรายุ กล่าวอีกว่า ส่วนที่ ม.ร.ว.จัตุมงคลเตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้าให้สำนักงานประกันสังคม เพิ่มสิทธิประโยชน์แก่ผู้ประกันตนมาตรา 33 กรณีว่างงานจากเหตุสุดวิสัยการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ให้ได้รับเงินทดแทนจากร้อยละ 62 ของค่าจ้างรายวันไม่เกิน 90 วัน เป็นร้อยละ 75 แต่ไม่เกินเพดาน 15,000 บาท ซึ่งมีประมาณ 9.9 แสนคนเศษนั้น ต้องเร่งดำเนินการก่อน หากทำไม่ได้ควรลาออกไป และหากมีผู้ประกันตนฆ่าตัวตายอีกรัฐบาลต้องรับผิดชอบ ที้งนี้ การประชุม ครม.จะเป็นการพิสูจน์ว่ารมว.แรงงานมีน้ำยา กล้าตัดสินใจที่จะช่วยเหลือประชาชนหรือไม่ทั้งๆที่เป็นเงินของประชาชน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน