บิ๊กตู่ สั่งติดกล้องวงจรปิด ตู้ปันสุข โรงทาน เช็กพฤติกรรมประชาชนที่มาหยิบของ ลั่นไม่อยากลงโทษใคร แต่ห้ามเห็นแก่ตัว ระบุทุกคนควรเอาแบบอย่างการแบ่งปัน

เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 13 พ.ค. ที่วัดระฆังโฆสิตาราม เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศูนย์ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) พร้อมติดตามการบริหารจัดการของโรงทาน ตามพระดำริของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ว่า ตนมาดูโรงครัวและโรงทานของวัดระฆังฯ ที่ทำอาหารแจกจ่ายให้กับประชาชนทั้งที่มารับที่วัด และนำออกไปแจกจ่ายยังชุมชน

ทั้งนี้ ที่วัดระฆังฯ ดูแลประชาชนวันละกว่าพันคนต่อเนื่องมาโดยตลอด ซึ่งหลายๆ ที่ควรเอามาเป็นแบบอย่าง สิ่งที่สำคัญวันนี้คือคนที่มีความตั้งใจเผื่อแผ่มีจำนวนมาก ถ้าเราช่วยกันส่งเสริมมีโรงทานตามที่ต่างๆ เขาจะสามารถเข้าไปบริจาคได้ เพราะจะเป็นความสุขทางใจที่เมื่อคนให้เห็นรอยยิ้มของคนรับ

“ผมขอฝากเรื่องการจัดตั้งโรงทาน และจัดตั้งตู้ปันสุขหรือตู้แบ่งปันให้มีจำนวนมากขึ้น ที่เป็นการแสดงออกถึงความรักความสามัคคีระหว่างกัน คนที่มีศักยภาพก็นำของมาบริจาคช่วยเหลือกัน หลายอย่างต้องทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน และเป็นการแสดงออกถึงวัฒนธรรม การเผื่อแผ่แบ่งปัน ความรัก ความสามัคคี ซึ่งอาจจะเกิดปัญหาขึ้นมาบ้างก็แก้ไขกันไป เพราะมีมาตรการทางสังคมอยู่แล้ว ซึ่งตนได้สั่งการให้ดูแลเรื่องตู้แบ่งปันให้มากขึ้น ให้มีคนเฝ้าและติดกล้องเพื่อบันทึกว่าใครมีพฤติกรรมอย่างไร ยันไม่อยากลงโทษใคร เพียงแต่วันนี้เราต้องไม่เห็นแก่ตัว ต้องนึกถึงคนอื่น นำของไปใช้แต่พอดีเพียงพอ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่เป็นห่วงคือวันนี้เรากำลังเดินหน้าไปสู่ชีวิตยุคใหม่ วันข้างหน้าประชาชนอาจไม่ออกมานอกบ้านเหมือนเดิม ต้องมีการปรับปรุงขายของออนไลน์ เดลิเวอรี่ มีการปลูกพืชผักสวนครัวตามอพาร์ทเมนต์ ตามบ้านเรือน และมีการจ่ายเงินผ่านระบบอิเลคทรอนิกส์มากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องเตรียมความพร้อมในชีวิตวิถีใหม่ เราต้องเรียนรู้ในระบบเหล่านี้เพื่อนำมาสร้างอาชีพสร้างรายได้ในอนาคต เพราะหากทำพฤติกรรมเดิมๆ คงไม่ได้แล้ว ตนเป็นห่วงเรื่องนี้ พร้อมฝากสื่อและสังคมช่วยกันเผยแพร่เรื่องเหล่านี้ด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนการขยายมาตรการการทำงานที่บ้านของภาคเอกชนและภาคธุรกิจ ตนคิดว่าการทำงานที่บ้านไม่ใช่แค่การป้องกันโควิด- 19 อย่างเดียว แต่ตนนึกถึงการแก้ไขปัญหาการจราจร ทั้งนี้ ตนสั่งการไปแล้วว่าการเรียนการสอนที่บ้าน เป็นสิ่งสำคัญที่ได้ให้นโยบายไป และขอให้ไปทบทวนว่าการเรียนการสอนในวิชาใด สามารถเรียนออนไลน์และเรียนโทรทัศน์ทางไกลผ่านดาวเทียมได้ ซึ่งจะช่วยลดเวลาที่ต้องไปโรงเรียน

รวมถึงมาตรการเหลื่อมเวลาในการทำงานที่ทำให้การจราจรไม่ติดขัด แต่ต้องคำนึงถึงผู้ปกครองที่ส่งลูกหลานไปโรงเรียน เพื่อให้จัดระเบียบในองค์กรว่าพนักงานคนใดมีลูกวัยไหนเพื่อจัดเวลาเข้าทำงาน ตนสั่งการกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ไปหาวิธีการที่จะให้โรงเรียนเปิดเหลื่อมเวลา โดยเฉพาะในพื้นที่การจราจรหนาแน่น วันนี้เราต้องคิดระยะยาวเพื่อลูกหลานของเราในอนาคต

นักบริหารจะต้องคิดแบบนี้ แก้ปัญหา ทำปัจจุบันและคิดอนาคต เตรียมการสู่อนาคตไปในเวลาเดียวกัน นั่นคือหลักการของผู้บริหารที่ดี ส่วนการเปิดภาคเรียนก็ยังคงเป็นวันที่ 1 ก.ค. ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง

“ผมขอเตือนแม้สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด 19 จะลดลง แต่อย่าประมาท ถึงตัวเลขจะเป็นศูนย์ก็ประมาทไม่ได้ เพราะเชื้อโรคยังสะสมอยู่ บางคนไม่แสดงอาการ ไม่ใช่ติดเชื้อน้อยแล้วจะผ่อนปรนมากขึ้น ผมอยากให้เปิดใจจะขาด แต่ถ้ามีผู้ติดเชื้อแล้วจะทำอย่างไร” นายกฯ กล่าว

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน