รอดอีก! กกต.ยุติสอบ “แรมโบ้อีสาน” แต่คนร่วมร้องโดนฟันคดีอาญา

วันที่ 14 พ.ค. เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เผยแพร่คำวินิจฉัยกกต.สั่งดำเนินคดีอาญาว่า น.ส.ลักษมีกานต์ วาจาสิทธิ์ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งส.ส.เขต 10 นครราชสีมา ได้กระทำอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.61 มาตรา 143

โดย กกต.ได้รับรายงานกรณีมีเหตุอันควรสงสัยหรือความปรากฏต่อกกต. ว่า นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้สมัครส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชารัฐ(ผู้ถูกกล่าวหาที่1) นายธวัชชัย ลาภกระโทก ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเขต 10 นครราชสีมา (ผู้ถูกกล่าวหาที่2) และ น.ส.ลักษมีกานต์ วาจาสิทธิ์ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเขต 10 นครราชสีมา(ผู้ถูกกล่าวหาที่3) ได้กระทำอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.61 มาตรา 143 วรรคหนึ่งและวรรคสอง

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

กล่าวคือ ผู้ถูกร้องที่สามกระทำการอันเป็นเท็จเพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่า ผู้สมัครผู้ใดกระทำการฝ่าฝืนพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.61 เพื่อจะแกล้งให้ผู้สมัครผู้นั้นถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหรือสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือเพื่อไม่ให้มีการประกาศผลเลือกตั้ง

กกต.ได้พิจารณารายงานไต่สวนทั้งพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องแล้ว ได้ความว่า เมื่อวันที่ 3 เม.ย.62 เวลา 13.01 น. ที่สำนักงาน กกต.ประจำจังหวัดนครราชสีมา นายสุภรณ์ ได้ยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งส.ส.เขต10 นครราชสีมา กล่าวอ้างว่าเมื่อวันที่ 24 ก.พ.62 บริเวณเทศบาลตำบลครบุรีใต้ ต.ครบุรี อ.ครบุรี นครราชสีมา น.ส.ลักษมีกานต์ ได้รับเงินจำนวน 200 บาทจากการไปฟังปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งของผู้สมัครส.ส.หมายเลข3 พรรคภูมิใจไทย

และประเด็นที่ 2 เมื่อวันที่21 มี.ค.62 เวลา 06.00 น. น.ส.ลักษมีกานต์ ได้รับเงินจากตัวแทนหรือหัวคะแนนของผู้สมัครส.ส.คนดังกล่าว จากไต่สวนน.ส.ลักษมีกานต์ ได้ให้ถ้อยคำว่า ตนไม่ได้ไปฟังการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้ง และไม่ได้รับเงินของผู้สมัครคนดังกล่าว ตามคำร้องแต่อย่างใด

ส่วนภาพถ่ายเงินจำวน 200 บาท และ500 บาท ตนได้ถ่ายภาพเงินส่วนตัวของตัวเองแล้วส่งให้แก่นายธวัชชัย เนื่องจากได้รับแจ้งจากนายธวัชชัยว่า หากมีข้อมูลเกี่ยวกับการแจกเงินของผู้สมัครส.ส.รายใดให้นำมาแจ้งเหตุ โดยจะมีค่าตอบแทนให้

ขณะที่ นายสุภรณ์ และ นายธวัชชัย ให้ถ้อยคำสอดคล้องกันว่า นายสุภรณ์ รับแจ้งข้อมูลจาก นายธวัชชัย โดยแสดงข้อความการสนทนาในไลน์ระหว่าง นายธวัชชัยและน.ส.ลักษมีกานต์ และคลิปวิดีโอการปราศรัยของผู้สมัครหมายเลข 3 พรรคภูมิใจไทย นายสุภรณ์จึงยื่นคำร้องโดยเชื่อตามข้อมูลที่ได้รับว่าน.ส.ลักษมีกานต์ได้รับเงินจากผู้สมัครส.ส.คนดังกล่าว

ประกอบกับไม่มีพยานยืนยันว่านายสุภรณ์และนายธวัชชัย เป็นผู้ก่อ สนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจให้น.ส.ลักษมีกานต์ กระทำการดังกล่าว พยานหลักฐานจึงฟังไม่ได้ว่า นายสุภรณ์และนายธวัชชัย กระทำการฝ่าฝืนกฎหมาย

สำหรับ น.ส.ลักษมีกานต์ ได้ให้ถ้อยคำรับว่า ตนเองได้จัดทำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ เพื่อประสงค์จะได้ค่าตอบแทนจากนายธวัชชัย ซึ่งน.ส.ลักษมีกานต์ย่อมเล็งเห็นได้ว่านายสุภรณ์ และนายธวัชชัยจะนำพยานหลักฐานดังกล่าวไปใช้ในการยื่นคำร้องกล่าวหาผู้สมัครส.ส.คนดังกล่าว พยานหลักฐานจึงฟังได้ว่า น.ส.ลักษมีกานต์กระทำการอันเป็นเท็จเพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่าผู้สมัครผู้ใดกระทำการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.61

เพื่อจะแกล้งให้ผู้สมัครผู้นั้นถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหรือสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือเพื่อไม่ให้มีการประกาศผลการเลือกตั้งตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.61 มาตรา 143 จึงมีคำสั่งให้ยุติเรื่องของนายสุภรณ์ และนายธวัชชัย และให้ดำเนินคดีอาญาแก่น.ส.ลักษมีกานต์ ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.61 มาตรา 143

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน