ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด 2 นายกเล็กชื่อดังทั้ง “ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม” เมื่อครั้งนั่งเก้าอี้นายกเทศมนตรีเทศบาลนครสมุทรปราการ จ้างบริษัทเอกชนเก็บขยะผิดระเบียบมท.และกฎหมายอาญา และ”อาวุธ เจริญนนทสิทธิ์” นายกเล็กเมืองบางบัวทองรีดเงินผู้รับเหมา 2 ราย โครงการเขื่อนกันน้ำท่วม และยกระดับถนน

เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช. แถลงว่า ที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม เมื่อครั้งเป็นนายกเทศมนตรี เทศบาลนคร (ทน.)สมุทรปราการ นางบารนี เลิศไพศาล ปลัด ทน.สมุทรปราการ กรณีทำสัญญาจ้างบริษัท ร่วมค้าแอดวานซ์เทค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และบริษัท เมืองสะอาด จำกัด ในนามของกิจการร่วมค้าปากน้ำเมืองสะอาด เก็บขนขยะมูลฝอยและกวาดถนนในพื้นที่

ข้อสัญญากำหนดให้ผู้รับจ้างต้องเข้าดำเนินการตามสัญญาจ้างเป็นประจำทุกวัน ตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค.2546 รวม 5 ปีติดต่อกัน จ่ายเงินค่าจ้างเป็นรายเดือนเดือนละ 2,145,000 บาท รวมเป็นเงิน 128,700,000 บาท ถือเป็นการก่อหนี้ผูกพันงบเกินกว่า 1 ปีงบ ประมาณ โดยมิชอบด้วยระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยวิธีงบประมาณของ อปท. พ.ศ.2541 และแก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 3) พ.ศ.2543 ข้อ 38 เป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย แก่ทางราชการ

กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น มีหนังสือทักท้วงการทำสัญญาดังกล่าวว่าเป็นการก่อหนี้ผูกพันโดยมิชอบ เนื่องจากมิใช่เป็นโครงการประเภทที่ดินและสิ่งก่อสร้าง และมิได้รับอนุมัติจากผวจ.สมุทรปราการ และทางจังหวัดมีหนังสือแจ้งให้ทน. สมุทร ปราการทราบแล้ว แต่นายชนม์สวัสดิ์และนางบารนี ร่วมกันทำหนังสือชี้แจงว่าก่อหนี้ผูกพันได้และทำตามกฎหมายทุกประการ ต่อมาทางจังหวัดมีหนังสือแจ้งเตือนอีก แต่ทั้งสอง ไม่ดำเนินการใดๆ รวมทั้งมิได้ชะลอหรือยกเลิกสัญญาเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง หรือแก้ไขให้ถูกต้องตามระเบียบของทางราชการ

ป.ป.ช.มีมติว่า นายชนม์สวัสดิ์มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และ 157 นางบารนีมีมูลความผิดทางวินัยร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา มาตรา 157 จากนี้จะส่งศาลอาญาแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบดำเนินการต่อไป และส่งกระทรวงมหาดไทยให้ดำเนินการทางวินัยด้วย ส่วนนางดวงเดือน แย้มละออ เมื่อครั้งเป็นผอ.กองคลัง ทน.สมุทรปราการ ซึ่งปรากฏชื่อเป็นผู้ถูกกล่าวหาด้วย การไต่สวนยังไม่ปรากฏพฤติการณ์ และพยานหลักฐานชัดเจนว่าร่วมกระทำผิด ข้อกล่าวหาจึงไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป

นายสรรเสริญยังกล่าวถึงความคืบหน้าคดีเงินอุดหนุนวัดใน จ.สมุทรปราการ ก่อสร้างเตาเผาศพ 3 ปี 800 ล้านบาท ที่มีการกล่าวหานายชนม์สวัสดิ์ เมื่อครั้งเป็นนายกอบจ.สมุทร ปราการ กับพวกว่า มีการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน และอยู่ในขั้นตอนแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว และผู้ถูกกล่าวหาบางส่วนจากทั้งหมด 10 กว่าราย รวมถึงนายชนม์สวัสดิ์มาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาแล้ว น่าจะเหลือผู้ถูกกล่าวหาที่ต้องแจ้งเพิ่มเติม และให้เข้ามาแก้ข้อกล่าวหาอีก 1-2 ราย จากนั้นคณะอนุกรรมการไต่สวนจะสรุปสำนวน และส่งให้ที่ประชุมป.ป.ช.พิจารณา คาดว่าเร็วๆ นี้ จะดำเนินการได้

นายสรรเสริญยังแถลงว่า ที่ประชุมป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด นายอาวุธ เจริญ นนทสิทธิ์ นายกเทศมนตรี เทศบาลเมือง (ทม.) บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี 2 กรณี กรณีแรก ชี้มูลความผิดนายอาวุธ และนายวิสิทธิ์ ทองพรหม เมื่อครั้ง ดำรงตำแหน่งวิศวกรโยธา เทศบาลเมืองบางบัวทอง เรียกรับเงินจากผู้รับจ้างเพื่อเป็นค่าตอบแทนในการสั่งจ่ายเงินค่าจ้างก่อสร้างเขื่อนคอนกรีตเสริมเหล็ก ป้องกันน้ำท่วม ริมคลองบ้านกล้วยฝั่งใต้

โดยทำสัญญาจ้างบริษัท ฤดีประยงค์ จำกัด ก่อสร้างเขื่อนเพื่อป้องกันน้ำท่วม แต่งาน ไม่เสร็จเกินเวลาไป 262 วัน รวมค่าปรับ 4,126,500 บาท คงเหลือค่าจ้างที่จะได้รับ 2,173,500 บาท ต่อมากรรมการผู้จัดการ บริษัทฯ สอบถามความคืบหน้าเรื่องการจ่ายเงินค่าจ้าง และทม.บางบัวทองยอมจ่ายเงิน 2,114,621 บาทให้ แต่นายอาวุธขอเรียกเงินเป็นเศษตามค่าจ้างที่จะได้รับ 114,621 บาท กรรมการผู้จัดการบริษัทฯจึงยอมให้ เมื่อจ่ายเช็คดังกล่าวแล้ว บริษัทฯจึงได้รับเงินค่าจ้าง

นอกจากนี้ยังเรียกรับเงินผู้รับจ้าง เพื่อเป็นค่าตอบแทนในการคืนเงินค่าปรับตามมติครม. โดยภายหลังบริษัทฯส่งมอบงานแล้ว ต่อมาครม.มีมติออกนโยบายช่วยเหลือผู้รับจ้างกรณีขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากมีการปรับค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ดังนั้นบริษัทฯจึงมีสิทธิได้รับเงินค่าปรับกรณีก่อสร้างล่าช้ากว่าสัญญาคืนจากทม.บางบัวทอง เป็นเงิน 2,362,500 บาท แต่นายอาวุธสั่งเจ้าหน้าที่การเงินไม่ให้จ่ายเช็คคืนค่าปรับกับบริษัทฯ ก่อนจะเรียกเพิ่มอีกรวมเป็นเงิน 100,000 บาท

คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า นายอาวุธมีมูลความผิดตามมาตรา 73 แห่ง พ.ร.บ.เทศบาล พ.ศ.2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และ 157 ประกอบมาตรา 91 ให้ส่งรายงานการไต่สวนไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน และอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อดำเนินคดีอาญา ส่วนกรณีนาย วิสิทธิ์ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอว่ากระทำผิด ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป

กรณีที่สองชี้มูลความผิดนายอาวุธ กรณีเรียกเงินจากผู้รับจ้างเพื่อเป็นค่าตอบแทนในการสั่งจ่ายเงินค่าจ้างก่อสร้างยกระดับถนน พร้อมวางท่อระบายน้ำและบ่อพัก ถนนเทศบาล 13 การไต่สวนข้อเท็จจริงฟังได้ว่า นายอาวุธทำสัญญาจ้างหจก.ส.อำนาจพัฒนาก่อสร้าง มาดำเนินการก่อสร้างโครงการวงเงิน 5 ล้านบาท แต่หจก.ดังกล่าวส่งงานล่าช้าในงวดที่สองเกินไป 22 วัน เสียค่าปรับ 275,000 บาท ต่อมาชาวบ้านเรียกร้องให้หยุดก่อสร้างจึงชะลอการก่อสร้างไว้ก่อน หจก.ดังกล่าวจึงนำเงินไปหมุนโครงการอื่นก่อน แต่เมื่อกลับมาทำต่อไม่มีเงินทุน หุ้นส่วนของหจก. ดังกล่าวจึงยืมเงินนายอาวุธ 5 แสนบาท หลังจากนั้นทำจนเสร็จและส่งมอบงาน แต่งาน ไม่เรียบร้อยจึงให้แก้ไข

เมื่อแก้ไขจนเสร็จได้ส่งมอบงานอีกครั้งและขอเบิกเงิน แต่ดำเนินการไม่เสร็จตามสัญญา จึงได้เงิน 1,537,500 บาท และสภาเทศบาลเห็นชอบให้ตัดลดเนื้องานจึงเหลือเบิกจ่าย 1,202,869 บาท หุ้นส่วนผู้จัดการฯให้นายอาวุธเบิกค่าจ้างให้ แต่นายอาวุธบอกให้นำเงินสดมาใช้หนี้ที่ยืมไปก่อน จำนวน 5 แสนบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อเดือน จำนวน 75,000 บาท แต่นายอาวุธปัดเป็นเลขกลมๆ 100,000 บาท รวมถึงค่าตอบแทนพิเศษของนายวิเชียร เจริญนนทสิทธิ์ พี่ชายนายอาวุธอดีตนายกอบต.บางบัวทอง ที่ต้องได้รับจากนายอำนาจอีก 100,000 บาท หลังจากมอบเงินแล้วจึงได้รับเงินค่าจ้าง 1,177,248 บาท และรองนายกเทศมนตรีรายดังกล่าวขอให้ถอนเรื่องร้องเรียนออก

คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า นายอาวุธมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149, 152 และมาตรา 157 ให้ส่งรายงานการไต่สวนไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน และอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน