กรณีโจรสลัดปล้นเรือบรรทุกน้ำมัน C.P.41 เรือสัญชาติไทย ขณะขนถ่ายน้ำมันดีเซล 3.8 ล้านลิตร จากสิงคโปร์เดินทางมาส่งที่คลังน้ำมันเชลล์ จ.สงขลา ก่อนถูกปล้นไป 1.5 ล้านลิตร ในเขตน่านน้ำเมืองกวนตัน ประเทศมาเลเซีย บริษัทเจ้าของเรือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบในรายละเอียด ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

อ่านข่าว โจรสลัดบุกปล้นเรือน้ำมันไทยกลางทะเลมาเลเซีย ดูดน้ำมัน 1.5 ล้านลิตรหลบหนี

เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. พล.ร.อ.จุมพล ลุมพิกานนท์ โฆษกกองทัพเรือ กล่าวถึงกรณีเรือ CP 41 บรรทุกน้ำมันสัญชาติไทย ที่ถูกปล้นในน่านน้ำมาเลเซียว่า ขณะนี้เรือ CP 41 บรรทุกน้ำมันสัญชาติไทย ปลอดภัยแล้ว และเรือลำดังกล่าวใช้เส้นทางเดินเรือสุจริตถูกต้องการใบอนุญาต ซึ่งเมื่อเกิดเหตุนอกเหนือน่านน้ำไทย และได้รับแจ้งเตือนจากศูนย์รับแจ้งเหตุบริเวณช่องแคบมะละกา จึงได้ส่งเรือหลวงตากใบ เข้าช่วยเหลือทันที

“ยืนยันว่าไทย มีระบบการลาดตระเวนร่วมไทย-มาเลเซีย อย่างเข้มงวด ภายหลังเกิดเหตุเรือ CP 41 บรรทุกน้ำมันสัญชาติไทย ถูกโจรสลัดปล้นน้ำมันและตัดสัญญาณสื่อสาร บริเวณในทะเลห่างจากฝั่งรัฐกวนตัน ประเทศมาเลเซีย ประมาณ 60 กิโลเมตร ทั้งนี้การเฝ้าติดตามเรือ ถือว่าเป็นหน้าที่ของรัฐชายฝั่ง ซึ่งไทยมีความร่วมมือกับมาเลเซียอินโดนีเซียและสิงคโปร์เป็นอย่างดี ในการการส่งต่อข้อมูลข่าวสารอย่างชัดเจน ทั้งนี้ที่ผ่านมาทางกองทัพเรือร่วมกับกรมเจ้าท่าในการ แจ้งผู้ประกอบการเดินเรือเอกชนให้ระมัดระวังตัวเอง รวมถึงการจัดยามเฝ้าให้รอบด้านในเส้นทางสุ่มเสี่ยงในอันตราย” พล.ร.อ.จุมพล กล่าว

โฆษกกองทัพเรือ กล่าวต่อว่า ส่วนข้อสังเกตว่า เรือลำดังกล่าวถูกตัดสัญญาณการสื่อสารได้อย่างง่ายเกินไปนั้น โฆษกกองทัพเรือยืนยันว่าการตัดสัญญาณการสื่อสารของลียาถือเป็นกลวิธีหนึ่งของเรือโจรสลัดที่จะต้องทำเป็นอันดับแรกในการปล้นเรือ ซึ่งที่ผ่านมามีข้อมูลว่าการตัดสัญญาณการสื่อสารมีจำนวนมาก ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน