ชัดแล้ว! อดีตมือขวาทักษิณ ลุยทำพรรคแน่ ‘อดีตคนไทยรักไทย’ เผยคอนเซ็ปต์ ดึงคนรุ่นใหม่ แย้มมีตัวเลือกคนนำพรรคใหม่ ปัดดึง “อ๋อย – พิชัย” ร่วม

รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทย (พท.) แจ้งว่า สำหรับกระแสข่าวการตั้งพรรคการเมืองใหม่ แยกตัวออกจากพรรคเพื่อไทย ยอมรับว่ามีการพูดคุยกันระหว่างแกนนำระดับผู้ใหญ่ของพรรคจริง แต่เป็นการคุยกันในกรอบกว้างๆ

โดยผู้ใหญ่ที่พรรคให้ความเคารพเสนอให้แกนนำคนสำคัญของพรรคจำนวนหนึ่งไปคิดวางโมเดลการตั้งพรรคใหม่ขึ้นมาอีก 1 พรรค เพราะหากรัฐธรรมนูญยังแก้ไขไม่ได้และเป็นเช่นนี้ต่อไป อย่างไรก็ต้องมีอีก 1 พรรคขึ้นมาเพื่อใช้เป็นพรรคบัญชีรายชื่อ เหมือนเมื่อครั้งตั้งพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ที่สำคัญเมื่อดูจากสภาพรัฐบาลในการบริหารงานที่ล้มเหลว ผิดพลาดจนสภาพเศรษฐกิจย่ำแย่ คาดการณ์ว่าโอกาสที่จะมีการเลือกตั้งใหม่ในช่วงปลายปีอาจจะมีโอกาสเป็นไปได้

รายงานข่าวระบุอีกว่า สำหรับโมเดลที่คิดกันไว้คร่าวๆ ขณะนี้คือ จะดึงคนจากอดีตพรรคไทยรักไทย (ทรท.) ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่ประสบความสำเร็จทั้งเรื่องการแก้ไขวิกฤติ แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและโรคระบาด ซึ่งประชาชนให้การตอบรับอย่างมาก กลับมารีแบรนด์กันอีกครั้ง โดยมีอดีตแกนนำและผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทยจำนวนหนึ่ง

อาทิ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นต้น ซึ่งเป็นคนสำคัญของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นผู้ขับเคลื่อนพรรคใหม่ที่จะเกิดขึ้น ส่วนที่มีกระแสข่าวจะมีอดีตแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ อาทิ นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายพิชัย นริพทะพันธุ์ เป็นต้น มาร่วมก่อตั้งพรรคใหม่ด้วยนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง

ยังไม่มีการทาบทามคนกลุ่มนี้ให้มาร่วมงานกับพรรคใหม่ แต่หากอดีตแกนนำพรรคไทยรักษาชาติจะไปตั้งพรรคใหม่ก็ถือเป็นสิทธิ และจะยังคงเป็นแนวร่วมที่มีอุดมการณ์ยึดมั่นระบอบประชาธิปไตยเหมือนกัน

ล่าสุดวานนี้ (23 พ.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากมีกระแสข่าวการจัดตั้งพรรคใหม่ โดยโยงการตั้งพรรคของฝั่งแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กับกลุ่มฟากฝั่งอดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย (ทรท.) ทำให้นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ และแกนนำกลุ่มก้าวต่อไปเพื่อประชาธิปไตย (กตป.) มีอาการหัวเสียเล็กน้อย เพราะการมีข่าวออกไปก่อนทำให้ถูกจับจ้องและทำให้การขับเคลื่อนเรื่องตั้งพรรคยากขึ้น

ทั้งนี้ทางกลุ่มมีแพลนจะตั้งพรรคมานานแล้ว ตั้งแต่ครั้งพรรคไทยรักษาชาติถูกยุบไปใหม่ๆ ได้มีการจับกลุ่มพูดคุยเรื่องนี้ตามโอกาสต่างๆ และอาจแยกกันเดินกับพรรคใหม่ของทางรุ่นใหญ่จากอดีตพรรคไทยรักไทย แต่ยังเป็นแนวร่วมฝ่ายประชาธิปไตยเดียวกัน ขณะที่พรรคใหม่ฝั่งพรรคไทยรักไทย ขณะนี้ทราบว่ามีตัวบุคคลที่จะมานำพรรคในใจผู้หลักผู้ใหญ่บ้างแล้ว ซึ่งไม่เกี่ยวข้องผู้บริหารพรรคเพื่อไทยชุดปัจจุบัน

ด้าน น.พ.สุรพงษ์ สืบวงค์ลี กล่าวถึงกรณีกระแสดังกล่าวในรายการ “สุมหัวคิด” ทางวอยซ์ทีวี เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่า ยอมรับมีการพูดคุยกันจริงระหว่างตน น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช และนายภูมิธรรม เวชชยชัย อดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทย

และหากดูจากการเลือกตั้งเมื่อรอบที่ผ่านมา (ปี 2562) อดีตพรรคอนาคตใหม่ได้เสียงคนรุ่นใหม่จำนวนมาก แต่ยังไม่ทั้งหมดเด็ดขาด และคนรุ่นใหม่บางส่วนอาจจะมองว่าอนาคตใหม่ยังไม่ใช่ตัวแทนของเขาจริงๆ ฟากพรรคเพื่อไทยก็มีความพยายามปรับตัวอยู่ ตั้งแต่หลังการเลือกตั้งจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ก็ต้องเรียนตรงๆ เราเห็นความพยายามนี้ของพรรคเพื่อไทยยังไม่พอ สุดท้ายหากไม่ปรับตัวก็จะเสื่อมความนิยมลงเรื่อยๆ

น.พ.สุรพงษ์ ยังยกตัวอย่างในกรณีพรรคเพื่อไทย เช่น การเลือกกรรมการบริหารพรรคที่อายุมาก คนรุ่นใหม่เข้าไปมีส่วนร่วมน้อย หรือการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้าไปบริหารพรรคอย่างจริงจัง สมัยก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ที่ตนเองมีส่วนร่วมก่อตั้ง ช่วงนั้นอายุเพียง 44 ปี และหลายๆคนก็อายุเพียง 40 ปี ทั้งนี้ ตนมองว่าคนอายุ 30-40 ที่เก่งๆ มีมากมาย แต่ทำไมไม่ได้รับโอกาสหรือแม้กระทั่งเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบที่ผ่านมา ที่ค่อนข้างเป็นปัญหา

น.พ.สุรพงษ์ กล่าวต่ออีกว่าผู้อาวุโสของพรรคต้องเริ่มให้คนรุ่นใหม่แสดงบทบาทได้แล้ว คนรุ่นใหม่ไม่ได้ขาดความรู้ความสามารถ แต่เขาขาดโอกาส ดังนั้น ควรต้องเขาให้มีโอกาสแสดงบทบาทบ้าง อย่างกรรมาธิการงบประมาณ แทบไม่มีส.ส.คนรุ่นใหม่เข้าไปเลย

น.พ.สุรพงษ์ กล่าวตอนท้ายว่า ณ วันนี้ ยังไม่คิดถึงการตั้งพรรคการเมือง แต่ต้องการระดมคนรุ่นใหม่จากทุกภาคส่วน วัยทำงาน วัยกลางคน นิสิตนักศึกษาที่เพิ่งจบใหม่ มาช่วยกันดูว่ามองอนาคตประเทศไทยกันอย่างไร ความถดถอยของภาวะคนยากจนในประเทศนี้ ในภาวะโควิดแบบนี้จะเดินต่อกันอย่างไร และเมื่อถึงจุดหนึ่งเมื่อมีองค์กรและมีมูฟเม้นท์ จึงค่อยนำเสนอแนวคิดว่าประเทศไทยควรจะเดินต่อแบบนี้ เช่นนี้ เป็นต้น


 

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน