เพื่อไทย อัดรัฐบาล เดินมาตรการผิด แช่แข็งเศรษฐกิจมากเกิน ทำคนตกงานมหาศาล จวกไทยติดโควิดน้อย แต่เศรษฐกิจถอยหนักสุด

เมื่อวันที่ 24 พ.ค. นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไอเอ็มเอฟประมาณการขยายตัวของเศรษฐกิจของไทยอยู่ที่ -6.7% กระทบจากโควิดมากสุดในภูมิภาค และติดลบเป็นอันดับต้นๆของโลก คำถามที่เกิดขึ้นต่อ คือไทยคุมเชื้อเร็วกว่าคนอื่น ทำไมเศรษฐกิจจึงทรุดหนักกว่า เรื่องนี้มี 3 เหตุผล 1.เหตุผลเชยๆ ที่ใครๆก็พูดกัน ซึ่งจริงแต่ไม่ทั้งหมด คือไทยมีเศรษฐกิจที่เปิดต่อเศรษฐกิจโลกสูง พึ่งพิงส่งออกและภาคบริการสูง ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจากโควิด 2.มาตรการที่ผิดพลาด ในช่วงแรกของการระบาดและให้หยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ มีสามสิ่งที่รัฐบาลต้องทำ คือป้องกันธุรกิจล้ม หยุดเลือดการตกงาน และป้องกันความเสียหายไหลสู่สถาบันการเงิน รัฐบาลละเลยปล่อยให้มีการตกงานตามยถากรรมจำนวนมหาศาล ปล่อยให้นายจ้างเลิกจ้างได้ตามใจชอบ ซึ่งตรงนี้สำคัญและอันตราย

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

นายเผ่าภูมิ กล่าวต่อว่า มาตรการที่พรรคเพื่อไทยเคยเสนอ คือรัฐช่วยจ่ายค่าจ้าง มีข้อแม้ว่านายจ้างต้องคงการจ้างงานไว้ หรือสินเชื่อสำหรับพยุงการจ้างงานโดยเฉพาะ เป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญ แต่รัฐบาลเลือกที่จะไม่ทำ การดำรงการจ้างงานสามารถเอาไปผูกเป็นเงื่อนไขได้ในเกือบทุกมาตรการที่ช่วยเหลือภาคธุรกิจ ก็ไม่ทำอีก เมื่อไม่มีมาตรการหยุดเลือดการตกงาน การว่างงานจึงกลายเป็นปัญหาใหญ่มหึมา เหมือนน้ำที่ทะลักแล้วหยุดไม่อยู่ ผลต่อเศรษฐกิจจึงสูง ดิ่งลึกกว่าประเทศอื่น การแก้ไขจึงต้องหันไปใช้งบประมาณเยียวยามากขึ้นเป็นทวีคูณ เพราะรัฐไม่เลือกที่จะป้องกัน แต่เน้นมาเยียวยาทีหลัง

นายเผ่าภูมิ กล่าวอีกว่า 3.การแช่แข็งเศรษฐกิจประเทศ ทำเกินความจำเป็นไปมาก พึงระลึกว่า รัฐบาลที่น่าชื่นชม ไม่ใช่รัฐที่หยุดการระบาดด้วยต้นทุนทางเศรษฐกิจที่มหาศาล ไม่ใช่รัฐที่ไม่ยอมแลกต้นทุนอะไรเลยในการควบคุมโรค แต่ผู้ที่ชนะในศึกนี้ คือ รัฐที่สมดุล คุมการระบาดอยู่ในระดับที่รับไหว และประคองเศรษฐกิจให้พอยืนอยู่ได้ในวันที่โลกยังไม่มีวัคซีน ทั้งหมดตอบคำถามที่ว่าทำไมโควิคไทยคลี่คลายเร็ว แต่สร้างรอยแผลฉกรรจ์กว่าประเทศอื่นๆ เป็นเรื่องที่น่าเสียดายและน่าเศร้าที่ความเสียสละของประชาชน และความทุ่มเทของแพทย์ ถูกหักล้างหมดสิ้นด้วยมาตรการที่ผิดพลาดของรัฐบาล

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน