“บิ๊กตู่” ขอบคุณ ส.ส. บอกร่วมชาติกันอยู่แล้ว จำเป็นต้องออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นกฎหมายกลาง อ้อนทุกคคนช่วยกันประเทศไทยไปโลด ลั่น คนไทยเป็นหนี้ ผมก็เป็นหนี้ด้วย

เมื่อวานนี้ (28 พ.ค.) เวลา 16.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวในสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างการอภิปราย พ.ร.ก.เงินกู้ วันที่ 2 โดยสรุปการชี้แจงของนายกรัฐมนตรี ดังนี้

ชี้แจงว่าส่วนตัวได้รับทราบถึงความห่วงใย ความกังวลของสมาชิกที่อภิปราย โดยเฉพาะกรณีคนเดินทางกลับจากต่าประเทศ ซึ่งจะต้องเข้าสู่กระบวนการคัดกรอง กักตัวในสถานที่ที่รัฐบาลจัดให้รัฐบาลดูแลทั้งหมด ขณะนี้ที่ผ่านมาที่เป็นปัญหามาก คือ เรื่องการลักลอบผ่านข้ามชายแดน ตนเข้าใจความจำเป็นของคนเหล่านั้น แต่ไม่ได้สนับสนุนให้ทำอย่างนั้น

ที่ผ่านมารัฐบาลมีมาตรการผ่อนปรน เช่น การเสียค่าปรับ 2,000 บาท ลดลงเหลือ 800 บาท ถ้ามองว่าเป็นภาระก็ใช่ แต่ถามว่าเราจะเอากฎหมายไว้ตรงไหน ซึ่งตรงนี้จะต้องมีการหารือกันต่อไปว่าจะทำอย่างไร สำหรับจำนวนคนที่เข้ามาในวันเดียวมีมากขึ้น แต่ถึงอย่างไรต้องเพียงพอกับขีดความสามารถในการรักษาและสถานที่จัดการของรัฐและเอกชน

หากมองในเรื่องสิทธิที่จะทำอย่างเท่าเทียมกันนั้นก็ต้องดูกฎหมายด้วย ซึ่งไม่ได้เขียนไว้เพื่อคนรวย คนจน แต่เป็นกฎหมายกลางที่ใช้ดูแลร่วมกัน ทั้งนี้ ถ้าดูตามตัวเลขที่เสนอกันมาก็ไม่รู้ว่าจะเอาเงินตรงไหนมาดูแล หากเงินเพียงพอตนก็เห็นด้วย แต่ถ้าเราไม่มีหลักเกณฑ์ไม่มีอะไรเลย คนจะเท่าเทียมกันทั้งหมดมันจะได้หรือไม่ ขอให้คิดง่ายๆตรงนี้‬

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ประเทศไทยทำได้ดีอย่างนี้ ต่างประเทศชื่นชม คนไทยลำบากตนทราบ ตนไม่สบายใจยิ่งกว่าพวกท่าน เพราะถือว่าต้องรับผิดชอบพวกเขา ซึ่งจะต้องดูแลอย่างไรจะใช้จ่ายเงินให้เหมาะสมอย่างไร ส่วนเรื่องสิทธิประโยชน์ต่างๆที่ผ่านมาได้มีการจ่ายไปแล้ว โดยใช้งบประมาณเดิมจำนวนเงินกว่า 4 หมื่นล้านบาท แทบจะไม่ได้ใช้เลย เตรียมพร้อมสำหรับมาตรการด้านสาธารณสุข ซึ่งอาจจะยืดยาวอีกต่อไป

รัฐจำเป็นต้องบริหารงบประมาณ ต้องดูแลข้าราชการพลเรือน ตำรวจ และทหาร รัฐบาลไม่ทิ้ง เพียงแต่ขอให้ดูว่าใครโกงกันหรือไม่เท่านั้น แต่คงไม่มีตอนนี้ เรื่องแบบนี้ตนกำชับอยู่แล้ว ขอให้สบายใจรัฐบาลต้องดูแล สำหรับเงินเยียวยาที่รัฐบาลให้ไปเพื่อการดำรงชีพ

หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากโควิด ฉะนั้นการที่มาบอกว่าจะเป็นหนี้อย่างนั้น อย่างนี้มันก็เป็นหนี้กันทั้งนั้น ตรงนั้นจะต้องดูว่าจะปรับเปลี่ยนตัวเองและพัฒนากันอย่างไร รัฐบาลจะสนับสนุนตรงไหน ซึ่งก็มีการเข้าไปดูแลในเรื่องหนี้นอกระบบ แต่ช่วงนี้เป็นเรื่องการเยียวยา เพื่อดำรงชีพ 3 เดือน คงไม่สามารถนำเงินเหล่านี้ไปผ่อนมอเตอร์ไซต์ หรือผ่อนรถได้ ต้องเข้าใจว่ารัฐบาลก็มีหลักคิด

โดยช่วงหนึ่ง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ทุกคนเสียภาษีหมด ผมยอมรับ ผมก็เสีย ท่านเป็นหนี้ ผมก็เป็นหนี้ด้วย”

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า แม้แต่เรื่องการเสียภาษี รัฐบาลก็ไม่เคยขึ้นมีแต่ลดให้ด้วยซ้ำไป ถ้าหากจะให้ใช้เงินมากๆก็ต้องย้อนมาดูว่าจะเอาเงินจากไหน ตนไม่อยากพูดเรื่องนี้ แม้แต่เรื่องนักศึกษาตนก็เห็นใจ แต่ต้องดูว่าจำนวนนักศึกษามีเท่าไหร่ เราต้องทยอยก่อนหรือไม่

เอาใครที่อยู่ในระบบก่อนได้หรือไม่คนที่ขึ้นเป็นสมาชิกก่อนได้หรือไม่ เพื่อลดจำนวนการใช้จ่ายลง แต่จะให้ดูทั้งล้านสองล้านคนก็ประมาทไป เหมือนกับกรณีด้านการเกษตรก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาทำไม่ไหว ตนคงไม่ก้าวล่วงกลับไปที่เดิม ตนไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับใครไม่อยากพูด ฉะนั้นสิ่งเหล่านี้ขอให้เข้าใจกันด้วย

นายกฯ กล่าวต่อว่า ในส่วนของการเรียนนั้นจะต้องทำอย่างไรให้นักเรียนไม่ลืมการเรียน จึงใช้ระบบออนไลน์หรือการเรียนทางไกลผ่านดาวเทียม ตนเห็นน่ารักดี พ่อแม่ ปูย่ายายนั่งดูทีวีกับลูกหลาน ค่าใช้จ่ายกระทรวงดีอีก็ดูแลให้ ถ้าท่านตั้งโจทย์ว่าไม่ดีไปหมด ขอถามว่าแล้ววจะคุยกันรู้เรื่องหรือไม่

“วันนี้ขอบคุณส.ส.ท่านกับผมร่วมชาติกันอยู่ แล้ว ฉะนั้นต้องหาวิธีการที่จะทำงานร่วมกันให้ได้ เรื่องพ.ร.ก.ฉุกเฉินเป็นกฎหมายกลางเพื่อให้เกิดมาตรฐานในการดำเนินการ ซึ่งผลที่ออกมาถามว่าดีหรือไม่ ก็ดี คนป่วยไม่มาก ติดเชื้อน้อยลง แต่ถ้าเราไม่ใช้กฎหมายกลางนี้ ออกไปก็จะอลหม่านอีกแล้วแก้ไขไม่ได้ รัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบ มันเป็นความจำเป็น คนเราปฏิเสธกฎหมายไม่ได้

ท่านบอกว่ารัฐธรรมนูญกำหนดว่าคนไทยต้องเท่าเทียมกัน แต่มีมาตราที่บอกว่าคนไทยต้องปฏิบัติตามกฎหมายด้วย ต้องดูให้ครบหมวด ทุกคนจะบอกว่าไม่รู้กฎหมายไม่ได้ สิ่งที่รัฐบาลทำในวันนี้ก็เพื่อให่เข้มแข็ง แต่รัฐบาลทุกรัฐบาลก็ผ่อนผัน เว้นแต่บางเรื่องที่ปล่อยไม่ได้ ถ้าทุกคนช่วยรัฐบาล ผมว่าประเทศไทยไปข้างหน้าโลดแล้ว อะไรที่ดีก็ขอให้ส่งเสริม แต่ท่านจะบอกว่าไม่ดีไปทั้งหมดแบบนี้มันไม่ใช่” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน