‘หมอชลน่าน’ ลั่นไม่สามารถรับหลักการ พ.ร.บ.โอนงบฯได้ ต้องเรียกว่าจอมโอนแห่งยุค ชี้ทำแบบนี้เหมือนมัดมือสภาฯตีเช็คเปล่า ขู่วาระ 3 ฝ่ายค้านโหวตคว่ำแน่!

วันนี้ (4 มิ.ย.) เวลา 09.45 น. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณา ร่างพ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ…. วาระแรก ตามที่ครม.เป็นผู้เสนอ วงเงิน 88,452,579,900 บาท

เพื่อโอนงบประมาณที่หน่วยรับงบประมาณต่างๆได้รับตามพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี2563 ไปตั้งเป็นงบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น นำไปใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เดินทางมาร่วมชี้แจงเหตุผลและความจำเป็นการของบประมาณดังกล่าวด้วยตัวเอง

โดยก่อนเริ่มประชุมนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ชี้แจงว่า ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านได้ตกลงจะใช้เวลาพิจารณารับหลักการ 1 วัน ใช้เวลาพิจารณา 10ชั่วโมง โดยแบ่งเวลาให้ฝ่ายรัฐบาล 4 ชั่วโมง และฝ่ายค้าน 6 ชั่วโมง

จากนั้น เวลา 10.15 น. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้ได้รับมอบจากผู้นำฝ่ายค้านให้เป็นผู้อภิปรายนำแทนผู้นำฝ่ายค้านฯ อภิปรายว่า การพิจารณาร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ถือเป็นครั้งแรกของสภาฯที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เพราะการพิจารณากฎหมายโอนงบประมาณตามประวัติศาสตร์ที่ผ่านมามีแล้ว 5 ครั้ง

โดยเป็นการพิจารณาของสภาฯที่ไม่ได้มาจากการเลือกของประชาชน จากการพิจารณาร่างพ.ร.บ.แล้วขอเรียนตามตรงว่าไม่สามารถรับหลักการได้ด้วยเหตุผล 2 ประการ คือ

1.หลักการขัดกับหลักประชาธิปไตและกฎหมายอื่น ซึ่งตามหลักการนำงบประมาณไปใช้ต้องคำนึงถึงหลักความยินยอมของประชาชน เป็นหลักการสำคัญที่สภาฯต้องตรวจสอบได้ คือ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ.2561 กำหนดห้ามไม่ให้มีการโอนงบประมาณข้ามหน่วยงานเท่านั้น แม้กฎหมายจะอนุโลมให้โอนงบประมาณ แต่การโอนงบประมาณนั้นต้องเป็นกรโอนกันระหว่างหน่วยรับงบประมาณด้วยกันเท่านั้น

ซึ่งการโอนงบประมาณเข้างบกลางนั้นจะมีปัญหาเรื่องความชอบด้วยกฎหมายทันที โดยงบกลางไม่ได้มีสถานะเป็นหน่วยรับงบประมาณ แต่เป็นเพียงรายการการใช้เงินเท่านั้น ประกอบกับ งบกลางส่วนนี้ผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจ คือ นายกฯเท่านั้น

2.รายการของการโอนงบประมาณครั้งนี้ต้องเรียกว่าจอมโอนแห่งยุค เพราะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ได้ทำการโอนงบประมาณมาแล้ว 4 ครั้งตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ประกอบกับ เมื่อวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่าน พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ

ออกประกาศคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ เพื่อกำหนดสัดส่วนงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 2% แต่ไม่เกิน7.5% ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี ซึ่งเป็นการแก้ไขระเบียบมา รองรับเพื่อให้งบกลางอยู่ในอำนาจของนายกฯแต่เพียงผู้เดียวมากขึ้น

“การทำร่างกฎหมายเช่นนี้เหมือนกับการเป็นหมัดมือสภาฯและตีเช็คเปล่า หากสภาฯอนุมัติให้ผ่านไป เราจะเป็นสภาฯที่มาจากการเลือกตั้งชุดแรกที่มีรอยด่างว่าถูดหมัดมือชกและเห็นชอบกฎหมายโอนงบประมาณที่ไม่ควรเห็นชอบ เพราะไม่มีรายละเอียด

ดังนั้น เพื่อศักดิ์ศรีของสภาฯเราโปรดอย่าได้รับหลักการ แต่หากจะรับหลักการก็ต้องรับหลักการแบบมีเงื่อนไข โดยหากการพิจารณาวาระ2และ3 ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับการใช้งบประมาณอีก ฝ่ายค้านในฐานะเสียงข้างน้อยจะโหวตคว่ำเพื่อบันทึกเอาไว้” น.พ.ชลน่าน กล่าว


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน