“พิชัย” จี้ “บิ๊กตู่” เร่งปรับเปลี่ยน ครม. เศรษฐกิจ ชี้ ปรับ ครม. เท่ากับยอมรับความล้มเหลวทางเศรษฐกิจ แนะ ต้องไม่เป็นหัวหน้าทีมเองเพราะไม่เก่ง

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ กล่าวว่า ตามกระแสข่าวที่จะมีการปรับ ครม. ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งควรทำมานานแล้ว เพราะล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจมาโดยตลอด และอยากให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ

ได้ศึกษาบทเรียนในการคัดเลือกบุคลากรเข้าบริหารเศรษฐกิจ ควรจะต้องเป็นคนทีมีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริง ไม่ใช่มีแค่ภาพ เก่งแต่การตลาด แต่บริหารไม่เป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพลเอกประยุทธ์ไม่เก่งเศรษฐกิจตามที่ยอมรับเอง และตามที่ได้แสดงออกมาให้เห็นโดยตลอด ก็ยิ่งจะต้องการคนเก่งมากขึ้น และอย่าถูกหลอกให้เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจเองอีก เพราะหัวหน้าทีมต้องสามารถแยกแยะได้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดีและตัดสินใจได้ในทันที

ซึ่ง พลเอกประยุทธ์ อาจจะไม่มีความสามารถที่จะทำได้ หรือ อาจจะทำผิดๆแบบที่ผ่านมา อย่างไรก็ดีการปรับครม. เศรษฐกิจควรเร่งปรับโดยด่วนอย่าปล่อยคารารคาซังเพราะจะเกิดความไม่แน่นอนในแนวทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะปัจจุบันที่ตัวเลขเศรษฐกิจออกมาย่ำแย่หนัก

นอกจาก เศรษฐกิจไทยจะถดถอยมากและจีดีพีจะติดลบหนักแล้ว รัฐบาลยังขาดดุลบัญชีเดินสะพัดกว่า 3 พันล้านเหรียญซึ่งสูงสุดในรอบ 20 ปี และ เงินเฟ้อติดลบที่ -3.44% ต่ำสุดในรอบ 10 ปี หรือ เรียกว่าเข้าสู่ภาวะเงินฝืดแล้ว เป็นต้น ซึ่งน่าห่วงมาก เพราะเศรษฐกิจที่ทรุดลงหนักแล้วจะฟื้นกลับมาได้ลำบากมาก

อย่างไรก็ดี การปรับ ครม. เศรษฐกิจ จะเท่ากับยอมรับอย่างเป็นทางการว่า รัฐบาลล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจ ดังนั้น การปรับครม. เศรษฐกิจควรจะปรับรองนายกฯ ที่เคยคุมเศรษฐกิจออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบกับความล้มเหลว และ กระทรวงการคลังที่ไม่ได้ผลงานในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจคิดได้แค่แจกเงินอย่างเดียว

แถมแจกเงินยังถูกด่าเพราะล่าช้าและไม่ทั่วถึง ประชาชนเดือดร้อนจำนวนมากไม่ได้รับ และ รมว. คลังก็ยอมรับความผิดพลาดเอง อีกทั้งการเยียวยายังไม่เรียบร้อย แต่จะคิดแจกเงินเที่ยว แจกเงินช้อปปิ้ง กันอีกแล้ว ทั้งที่ในอดีตไม่เคยประสพความสำเร็จ และไม่ได้เป็นการฟื้นเศรษฐกิจอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ อาจจะรวมไปถึง ครม. เศรษฐกิจคนเดิมๆที่เปลี่ยนกระทรวง เช่น กระทรวงพลังงาน เพราะที่ผ่านมากระทรวงพลังงานมีการดำเนินงานอย่างสับสน จะเพิ่มสัดส่วนเอทานอลในน้ำมันทั้งที่เอทานอลแพงกว่าน้ำมันหลายเท่าตัว การออกใบอนุญาตผลิตไฟฟ้าที่มีราคาซื้อไฟฟ้าสูงทั้งที่มีการผลิตไฟฟ้าล้นเกินความต้องการใช้มาก

รวมถึงการตรวจสอบการทุจริตซื้อหุ้นเหมืองถ่านหินในอินโดนิเซียที่ขาดทุนอย่างมาก เป็นต้น ซึ่ง รมว. พลังงานไม่เคยอธิบายเรื่องเหล่านี้เลย ทั้งที่ได้มีการทักท้วงแล้วหลายหน แสดงถึงการยอมรับความผิดพลาดในการบริหารงาน

นอกจากนี้ ควรปรับเปลี่ยน กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ด้วยเพราะกระทรวงนี้มีความสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงประเทศในอนาคต แต่กลับไม่มีผลงานอะไรแถมยังสับสนตลอด ตั้งแต่การตั้งหน่วยงานปราบเฟกนิวส์แต่กลับถูกฟ้องเรื่องปล่อยเฟกนิวส์เอง

จนถึงการจะทำไทยฟลิกซ์ เพื่อแข่งก้บเน็ตฟลิกซ์ โดยที่ไม่ได้ดูศักยภาพของตัวเองเลย เป็นต้น ซึ่งทั้งสองเรื่องน่าจะมาจากความพยายามจะสร้างผลงานเพราะกลัวถูกปรับเปลี่ยนแต่ไม่มีความรู้ความสามารถเพียงพอมากกว่า

ภาวะเศรษฐกิจต่อจากนี้ไปจะยิ่งหนักหนาสาหัสอย่างมาก ผู้ที่จะมารับผิดชอบทางเศรษฐกิจจะต้องมีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริง จึงจะฝ่าฟันปัญหาไปได้ ดังนั้นพลเอกประยุทธ์จะต้องลาออกจากหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ และหาทีมบุคลากรที่มีความรู้ความชำนาญทางเศรษฐกิจมาเป็นแทน อีกทั้งจะต้องสามารถแสดงให้ประชาชนได้เห็นแนวทางว่าประเทศไทยจะฟื้นฟูเศรษฐกิจต่อไปได้อย่างไรหลังวิกฤตไวรัสโควิด-19 นี้ ที่ปัจจุบันยังดูมืดมนไม่เห็นทิศทาง


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน