“ปิยบุตร” ซัด มี ส.ว. 1 ปี ไร้ประโยชน์ อวยแต่รัฐบาล ปลุกประชาชนร่วมกดดันถอดสลักผลพวงประชาธิปไตยครึ่งใบ ชี้ รธน.เพิ่มกลไก “งูเห่า-แจกกล้วย-ยุบพรรค”

เมื่อเวลา 13.35 น. วันที่ 6 มิ.ย. ที่อาคารไทยซัมมิท นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า เปิดเผยถึงการจัดงานเสวนา “เวทีแสวงหาฉันทามติเพื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของประเทศไทย : New Consensus”จินตนาการใหม่ ข้อตกลงใหม่ รัฐธรรมนูญใหม่ประเทศไทยแบบไหนที่เราอยากอยู่ร่วมกัน เวทีสานเสวนาที่ร่วมกันตั้งคำถามอย่างถึงรากถึงเหตุผลในการดำรงอยู่ของวุฒิสภา : ส.ว. ไทย อย่างไรต่อดี ? ว่า

การจัดงานครั้งนี้เนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปี ในการทำหน้าที่ของสมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว. ซึ่งเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.62 ได้มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อเลือกพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเห็นเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าวุฒิสภาตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ ปี 2560 เป็นเครื่องมือสำคัญของคณะรัฐประหาร จึงอยากให้ประชาชนได้ตาสว่างและให้สังคมไทยเห็นว่า
การที่ประเทศไทยจะมีรัฐธรรมนูญที่ดีได้จำเป็นต้องเกิดจากฉันทามติที่ดีของคนไทยทั้งประเทศ

ซึ่งที่ผ่านมารัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นที่มาของความขัดแย้งทางการเมือง โดยการจัดงานวันนี้ เพื่อประเมินการทำงานของ ส.ว. และทบทวนบทบาทของ ส.ว.ว่า ถึงเวลาที่จะยกเลิก ส.ว.แล้วหรือไม่ หรือหากไม่ยกเลิก จะต้องพิจารณาทบทวนถึงที่มาของ ส.ว. รวมถึงขอบเขตและอำนาจหน้าที่ของ ส.ว. หรือไม่

ส่วนการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าการทำงานเป็นไปด้วยความล่าช้ามองว่าเป็นเพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิค-19 ทำให้การประชุมต้องเลื่อนออกไป

ซึ่งหลังจากนี้จะมีการขอขยายเวลาเพื่อให้มีเวลาทำงานมากขึ้น พร้อมทั้งจะมีการจัดทำเอกสารข้อเสนอของคณะกรรมาธิการในสัดส่วนโควต้าของอดีตพรรคอนาคตใหม่ จำนวน 6 คน โดยทำเป็นเอกสารเพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนรับทราบข้อมูลว่าได้มีการเสนอในประเด็นใดบ้าง อย่างไรก็ตามมองว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจำเป็นต้องอาศัยพลังสังคมที่ต้องร่วมกันกดดัน โดยเฉพาะจาก ส.ว. จำนวน 84 คน ที่หากลงเสียงสนับสนุนก็จะเป็นช่องทางให้สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้

นายปิยะบุตร ยังได้ประเมินการทำงานของส.ว.ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาด้วยว่า ประชาชนได้เห็นกับตาแล้วว่า ส.ว. สร้างมาเพื่ออะไร มีการลงมติเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี และ 1 ปีที่ผ่านมาในการลงมติแต่ละครั้งก็ไม่มีเสียงแตก ซึ่ง ส.ว. ทั้ง 250 คน ตามบทเฉพาะกาลทำให้ข้ออ้างเหตุผลของการมี ส.ว. ในประเทศหายไป กลายเป็นสภาเครือข่ายอำนาจของคณะรัฐประหาร ตลอดการทำงานของ ส.ว. 1 ปีที่ผ่านมา ไม่มีการตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐบาล และยังอวยรัฐบาลอย่างออกนอกหน้า

ส่วนเรื่องข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีและการแย่งอำนาจเพื่อช่วงชิงการเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง ทำให้การเมืองไทยถอยหลังไปแบบปี 2520 ที่เป็นประชาธิปไตยครึ่งใบจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่ากลไกรัฐธรรมนูญสร้างปัญหาตั้งแต่วันแรก การเลือกตั้งไม่ได้ตอบโจทย์อะไรและเป็นเพียงพิธีกรรมอย่างหนึ่ง มีรัฐบาลเสียงปริ่มน้ํา จนต้องนำพรรคเล็กพรรคน้อยมาร่วมรัฐบาลนำมาสู่การซื้องูเห่า แจกกล้วย ยุบพรรค ซึ่งตอนนี้รัฐบาลก็กลายเป็นรัฐบาลก็ได้เสียงมาก กลับมีปัญหาเรื่องการแบ่งเค้ก รัฐธรรมนูญเป็นระเบิดเวลา ที่ตั้งไว้เพื่อรอวันระเบิด จึงขอให้ทุกคนช่วยกันถอดสลัดระเบิดเวลาลูกนี้


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน