ยูเอ็น มาแล้ว! ส่งจดหมายถึงกัมพูชา ให้คำตอบ “วันเฉลิม” ถูกอุ้มหาย

วันนี้ (15 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวความคืบหน้าการหายตัวไปของ วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ลี้ภัยทางการเมืองจากการรัฐประหาร 2557 จากกรุงพนมเปญของกัมพูชา ซึ่งญาติและเพื่อนที่ติดตามข่าวคาดว่าเป็นการอุ้มหาย ผ่านมากว่า 10 วันแล้วนับตั้งแต่วันที่หายตัวไป กระแส #Saveวันเฉลิม ได้เกิดขึ้นในทวิตเตอร์

องค์กรสิทธิมนุษยชนเรียกร้องให้ทางการไทยและกัมพูชาติดตามสืบสวนเรื่องนี้ แม้ทางการของ 2 ประเทศจะออกมาเชิงปฏิเสธการติดตามเรื่องดังกล่าว ก่อนถูกกระแสกดดันให้ทางการไทยส่งหนังสือสอบถามถึงรัฐบาลกัมพูชา ล่าสุดสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชอาร์) ส่งจดหมายซึ่งมีการขีดดำส่วนที่คาดว่าเป็นผู้ร้อง ใจความระบุว่า

 

นายสุณัย ผาสุก ที่ปรึกษาฮิวแมนไรท์ วอช ประจำประเทศไทยกล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลกัมพูชาได้รับหนังสือสอบถามจากสถานทูตไทยแล้ว รวมทั้งคณะกรรมการตามอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองมิให้บังคับบุคคลสูญหาย (CED) องค์การสหประชาชาติก็รับเรื่องนี้ไว้แล้ว พร้อมทั้งขีดเส้นรัฐบาลกัมพูชาต้องชี้แจงคำตอบภายใน 24 มิ.ย. จึงไม่มีข้ออ้างที่จะปฏิเสธไม่รับรู้ หรือไม่สอบสวน

ทั้งนี้ มาตรา 30 ในอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองมิให้บังคับบุคคลสูญหาย (ซีอีดี) ระบุว่า

1.ในกรณีที่มีความเร่งด่วน ญาติหรือผู้แทนทางกฎหมายของผู้สูญหาย ที่ปรึกษาหรือบุคคลที่ได้รับมอบอำนาจจากผู้สูญหาย หรือบุคคลใดที่มีส่วนได้เสียที่สมเหตุสมผล อาจยื่นข้อร้องเรียนให้มีการติดตามหาผู้สูญหายต่อคณะกรรมการได้

2.หากคณะกรรมการพิจารณาแล้วว่าข้อร้องเรียนกรณีเร่งด่วนที่ได้ยื่นภายใต้วรรค 1 ของข้อนี้
(ก) มิได้เป็นข้อกล่าวหาเลื่อนลอยอย่างชัดแจ้ง
(ข) มิได้เป็นการใช้สิทธิยื่นคำร้องในทางที่ผิด
(ค) ได้มีการร้องเรียนต่อหน่วยงานของรัฐภาคีที่เกี่ยวข้องแล้ว เช่น หน่วยงานที่มีหน้าที่สืบสวนสอบสวน ในกรณีที่มีช่องทางที่จะกระทำได้
(ง) มิได้เป็นการขัดต่อบทบัญญัติของอนุสัญญาฯ
(จ) มิได้อยู่ภายใต้การตรวจสอบโดยกระบวนการระหว่างประเทศอื่น หรือการระงับข้อพิพาทอื่นที่มี
ลักษณะคล้ายกัน คณะกรรมการจักได้ขอให้รัฐภาคีที่เกี่ยวข้องแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลดังกล่าว ภายในกรอบเวลาที่คณะกรรมการกำหนด

3.เมื่อคณะกรรมการพิจารณาข้อมูลที่ได้รับจากรัฐภาคีที่เกี่ยวข้องตามข้อ 30 วรรค 2 อาจพิจารณานำส่ง ข้อเสนอแนะหรือคำร้องต่อรัฐภาคีเพื่อกำหนดให้มีมาตรการที่จำเป็น ซึ่งรวมไปถึงมาตรการชั่วคราว เพื่อ ติดตามและคุ้มครองบุคคลที่เกี่ยวข้อง

เพื่อให้เป็นไปตามพันธกรณีของอนุสัญญานี้ภายในเวลาที่กำหนด โดยคำนึงถึงความเร่งด่วนของสถานการณ์ โดยคณะกรรมการจะแจ้งบุคคลที่ยื่นข้อร้องเรียนกรณีฉุกเฉินเกี่ยวกับข้อเสนอแนะที่ได้นำส่งต่อรัฐภาคีที่เกี่ยวข้อง และข้อมูลที่ได้รับจากรัฐภาคีดังกล่าวในโอกาสแรก

4.คณะกรรมการจะประสานงานกับรัฐภาคีที่เกี่ยวข้องตราบใดที่ยังไม่ปรากฏสถานะที่ชัดเจนของบุคคล ตามคำร้องเรียน และจะแจ้งข้อมูลให้บุคคลที่ยื่นคำร้องเรียนเพื่อทราบอย่างต่อเนื่อง


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน