วันนี้ (18 มิ.ย.) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวในการเสวนาหัวข้อ “แนะทางออกไทยหลังโควิด” จัดโดย สภาที่ 3 ที่สมาคมนักข่าวฯ ว่า ภาวะเศรษฐกิจของโลกภายหลังวิกฤตโควิดจะย่ำแย่อย่างหนักโดยปีนี้คาดว่าจะเศรษฐกิจโลกจะติดลบถึง – 5.2% แต่เศรษฐกิจของไทยจะย่ำแย่หนักกว่าโดยอาจจะติดลบถึง – 8.8% -9%

และจะยิ่งซ้ำเติมหนักเนื่องจากเศรษฐกิจไทยย่ำแย่มาก่อนหน้านี้หลายปีแล้วตั้งเต่มีการปฏิวัติ การติดลบหนักจะเท่ากับจะลบการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในตลอด 6 ปีนี้ออกไปเกือบหมด จนทำให้เศรษฐกิจไทยแทบไม่เติบโตเลยตลอด 6 ปีนี้

ดังนั้น ตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เรียกร้องให้ช่วยกันหาทางออกให้ประเทศ ดังนั้น จึงขอแนะนำว่าพลเอกประยุทธ์จะต้องกลับไปศึกษาว่าที่ผ่านมาได้ทำอะไรผิดพลาด และจะต้องทำอะไรที่ตรงข้ามกับที่ผ่านมาจึงจะสามารถแก้ไขปัญหาได้

ในภาวะการแพร่กระจายของไวรัสโควิด -19 นี้แม้จะเป็นวิกฤต แต่ไทยก็จะสามารถ เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสได้ โดยไทยสามารถอาศัยช่วงที่ทุกประเทศมีปัญหานี้ปรับเปลี่ยนตัวเองให้ทันโลก เพื่อที่ไทยจะได้กลับมาดีกว่าเดิมพัฒนากว่าเดิมหลังวิกฤตนี้

ถ้ารัฐบาลสามารถคิดได้และมีความสามารถเพียงพอ ทั้งนี้ รัฐบาลจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ถ้าหากไม่แก้ไขปัญหาสังคมและการเมืองไปพร้อมกันไปด้วย โดยที่สุดแล้วประเทศไทยจะต้องเรียกความมั่นใจจากทั้งในประเทศและต่างประเทศให้กลับมาให้ได้

ดังนั้น จึงขอเสนอ 10 แนวทางฟื้นเศรษฐกิจหลังวิกฤตไวรัส โควิด -19 ดังนี้

1. การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งพิสูจน์แล้วว่ารัฐธรรมนูญมีปัญหาอย่างแท้จริง ทั้ง 250 ส.ว. ที่ด้อยคุณภาพ ยุทธศาสตร์ 20 ปีที่ล้มเหลวตั้งแต่ปีแรก และ ระบบเลือกตั้งที่คำนวณตามใจการสืบทอดอำนาจ เป็นผลให้พรรคการเมืองอ่อนแอ นักการเมืองแย่งชิงตำแหน่งกัน และต้องไม่ถ่วงการพัฒนาทางการเมือง โดยต้องเร่งการเลือกตั้งท้องถิ่น

2. ต้องกลับมาสู่หลักธรรมาภิบาล และ ความถูกต้องของกฏหมาย (Rule of Law) ยุติการบิดเบือนกฏหมายเพื่อสนองตอบความต้องการทางการเมือง นักการเมืองที่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดต้องไม่สามารถดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ การยืมทรัพย์คงรูปจะเป็นปัญหาในการตีความ ทรัพย์สินอื่นเช่น ทอง และ เพชร เป็นต้น นักการเมืองที่รุกป่าควรถูกดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และ การดูแลความปลอดภัยของชีวิตคนไทยทั้งในประเทศและในต่างประเทศ

3. แก้ไขภาพพจน์ของประเทศไทยในสายตาประชาคมโลก โดยตลอด 6 ปีภาพพจน์ของประเทศไทยได้เสื่อมถอยมาโดยตลอดจากการดำนินงานของรัฐบาล การต้องปฏิบัติตัวเสียใหม่เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของประชาคมโลก และ สื่อหลักของโลกไม่โจมตีเป็นสิ่งที่จะเป็นเร่งด่วนที่ต้องแก้ไข แม้กระทั่ง พรก. ฉุกเฉินที่ถูกโจมตีอยู่ในปัจจุบันก็จะต้องรีบยกเลิก

4. ส่งเสริมเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่เพื่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาประเทศในแนวทางใหม่ และการสร้างบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ หรือที่เรียกว่า ยูนิคอร์น ที่รัฐบาลเพิ่งคิดจะทำ หลังจากที่ตนได้บอกมาหลายปีแล้ว

5. การปรับปรุงระบบราชการ เพื่อปรับประเทศไทยเข้าสู่ระบบดิจิตอล หรือ ใช้เทคโนโลยีเพื่อนำมาปฏิรูปประเทศอย่างแท้จริง ที่จะทำให้ประเทศพัฒนาขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น สร้างโอกาสเพิ่มให้กับประชาชนและการจ้างงานจำนวนมากในแนวทางใหม่ อีกทั้ง ปราบปราบการคอรัปชั่น การหนีภาษี ลดความเหลื่อมล้ำได้ด้วย ซึ่งยังจะช่วยพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของไทยที่ล่าสุดเพิ่งจะหล่นลงมา 4 อันดับ อยู่ที่อันดับที่ 29

6. การดำเนินนโยบายการเงินและนโยบายการคลังให้สอดคล้องกัน โดยเฉพาะอัตราแลกเปลี่ยนที่ค่าบาทกลับมาแข็งค่าทั้งที่เศรษฐกิจย่ำแย่ จะยิ่งทำร้ายเศรษฐกิจให้แย่เพิ่มขึ้น การจัดการหนี้สาธารณะให้เหมาะสม เพื่อรองรับการใช้จ่ายภาครัฐในอนาคต และปัญหาการอนุญาตให้เอกชนออกหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ที่ไม่มีกำหนดไถ่ถอนซึ่งมีความเสี่ยงสูงในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้

7. การปรับปรุงราคาพลังงานเพื่อช่วยประชาชนลดค่าใช้จ่าย และลดการเอาเปรียบของบริษัทพลังงานที่ผูกขาด โดยรัฐบาลเริ่มลดราคาหน้าโรงกลั่นตามที่ได้เคยเสนอไว้ จึงอยากให้พิจารณาทำเรื่องอื่นด้วย เช่น การลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลให้ลดลง ลดราคาค่าเอทานอล ลดราคาไฟฟ้า

8. การปรับโครงสร้างภาษีเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจในอนาคต และลดความเหลื่อมล้ำ และ ป้องกันการหนีภาษี โดยเสนอให้คนไทยทุกคนต้องยื่นแบบฟอร์มภาษี คนที่รายได้ไม่ถึงก็ไม่ต้องเสีย และจะได้การช่วยเหลือจากรัฐอย่างเป็นระบบ

9. การหารายได้เพิ่มให้รัฐในแนวทางใหม่ เช่น การออกหวยออนไลน์ การออกใบอนุญาตทำคาสิโน การร่วมมือประเทศเพื่อนบ้านพัฒนาแหล่งพลังงาน การพัฒนาประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคในด้านต่างๆ

10. การพัฒนาความรู้ความสามารถให้กับประชาชน โดยความเท่าเทียมทางการศึกษา และ การพัฒนาความสามารถของประชาชนให้เข้ากับความต้องการของประเทศและเข้ากับโลกในอนาคต
นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้นที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการ และรัฐบาลควรจะต้องเริ่มแก้ไขเรื่องที่เป็นปัญหาเหล่านี้ก่อน

โดยแนวทางฟื้นฟูเศรษฐกิจยังมีอีกมากซึ่งจะนำมาเสนออย่างต่อเนื่องต่อไปและอยากให้รัฐบาลไปแก้ไขปรับใช้ อย่าได้มีอคติปิดกั้นการรับรู้เหมือนในอดีต เพราะเป็นแนวทางที่ประเทศที่พัฒนาแล้วทุกประเทศใช้ในการดำเนินการ


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน