รถไฟจีน 2564

ใบตองแห้ง

“รถไฟจะไปโคราช ตดดังป๊าด ถึงราชบุรี ตดอีกทีถึงบริษัท…” ไม่ใช่เพลงเด็กร้องเล่นอีกแล้วนะครับ มติ ครม.อนุมัติงบประมาณ 179,413 ล้านบาท ให้สร้างรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-โคราช ที่ใช้ ม.44 อัญเชิญจีนมาสร้าง โดยรัฐบาลไทยออกสตางค์เอง 100%

“รถไฟไม่ใช่รถเจ๊ก มันทำด้วยเหล็กฉึกฉัก ฉึกฉัก.. รถเจ๊กไม่ใช่รถไฟ มันทำด้วยไม้ คลอกแคลก คลอกแคลก” เพลงนี้ต้องลบทิ้งไป ดูหมิ่นคนจีนได้ไง เทคโนโลยีล้ำหน้าเราไปไกล จนต้องนำเข้าวิศวกรจีน สถาปนิกจีน โดยไม่ต้องอยู่ในบังคับกฎหมายไทย แถมยังซื้อเรือดำน้ำ รถถัง รถหุ้มเกราะจีนมาใช้อีกต่างหาก

จีนล้ำหน้าไทยทุกอย่าง แม้กระทั่งรางวัลนานาชาติ หลิวเสี่ยวปอได้โนเบลสาขาสันติภาพตั้งแต่ปี 2553 รัฐบาลจีนเพิ่งใจดีปล่อยออกจากคุก เพราะเป็นมะเร็งตับใกล้ตาย คนไทยเราเพิ่งมี ไผ่ ดาวดิน ที่ติดคุกแล้วได้รางวัลกวางจู ยังต้องเจริญรอยตามจีนอีกนาน

รถไฟจะไปโคราช ช้ากว่าตดดังป๊าด แต่ก็แค่ 1 ชั่วโมง 17 นาที รออีก 4 ปีก็เปิดวิ่งแล้ว ดีใจจัง รัฐบาลคาดว่าปีแรกจะมีผู้ใช้บริการ 5,300 คนต่อวัน คิดค่าโดยสารถึงอยุธยา 195 บาท สระบุรี 278 บาท ปากช่อง 393 บาท โคราช 535 บาท เท่านั้นเอง

ในฐานะคนโคราช ดีใจมากเลยครับ แม้อาจไม่ใช้ เพราะปี 2564 จะมีทั้งมอเตอร์เวย์ รถไฟทางคู่ แม้อาจลองขึ้นสักที มีวาสนานั่งรถไฟจีนก่อนตาย แต่ปกติขับรถไปเติมน้ำมันไม่ถึง 500 บาท ถ้ามีมอเตอร์เวย์ก็ 3 ช.ม. เผลอๆ ถึงก่อนรถไฟจีนที่ต้องขึ้นแท็กซี่ไปนั่งรอรถออกทุก 90 นาที (ไม่ต้องพูดถึงอยุธยา 195 บาท รถตู้หัวร่อก๊าก)

คนโคราชดีใจสิ เศรษฐกิจจะได้รุ่งเรือง ทุกวันนี้เหงาจัง แต่จะมีห้างหรูตั้ง 3 แห่ง ที่ดินก็คงขึ้นราคา แต่จะโดนภาษีลาภลอยหรือเปล่าหวา ภาษีที่ดินก็คิดตามราคาประเมินอยู่แล้ว ยังมาเก็บซ้ำซ้อน

เป็นห่วงก็แต่เพื่อนร่วมชาติ จะแบกหนี้สาธารณะกันบานเบอะ เพราะเด็ก ป.1 คิดเลขแล้ว ได้ค่าโดยสารวันละ 2 ล้านกว่าบาท (ถ้ามีคนขึ้นถึง 5,000 จริงนะ) จากเงินลงทุนเกือบ 1.8 แสนล้านบาท แต่รัฐบาลท่านก็หวังพัฒนาเศรษฐกิจสองข้างทาง ระยะยาวจะสร้างไปถึงหนองคาย ปี 2594 ถ้าไม่ตายเสียก่อนจะได้เห็นผู้ใช้บริการวันละ 26,800 คน

ข้อสำคัญ รัฐบาลกลัวตกขบวน เสียโอกาสเชื่อมโยงเส้นทางสายไหมของจีน (ที่ไม่เชิญนายกฯ ไทยไปประชุม) มิน่า เราถึงต้องง้อจีน เพราะ One Belt One Road ไม่ผ่านไทย ถ้าอยากออกทะเล จีนเลือกพม่าก็ได้ ไม่จำเป็นต้องผ่านลาวมาลงมาบตาพุด ฉะนั้นที่คิดกันว่า “ประเทศจีนจะทำให้เราไม่ใช่เหรอ…” ก็กลายเป็นตลกอมตะนิรันดร์กาล

ว่าที่จริงไม่แน่เหมือนกัน ถ้าเราไม่เอาตัวเข้าไปผูกพัน ยกเส้นทางให้จีนตั้งแต่ต้น ก็อาจยังต่อรองได้ แบบอินโดนีเซีย ให้จีนประมูลแข่งกับญี่ปุ่น จีนต้องยอมร่วมควักกระเป๋าทุนพร้อมให้เงินกู้ไม่ต้องค้ำประกันขนาดลาว เสียเปรียบจีน ทุกอย่าง ก็ยังต่อรองให้จีนร่วมลงทุน

แต่นั่นแหละ ถึงปี 2565 คนไทยก็จะหายจน เรามีปัญญาจ่าย ถึงแม้เศรษฐกิจไทยเติบโตต่ำสุดในอาเซียน แต่เรามีความหวัง ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ไทยแลนด์ 4.0 ประชารัฐ และรัฐบาลเข้มแข็ง ที่แม้มีเลือกตั้ง (เมื่อไหร่?) ก็ยังมีส.ว.แต่งตั้งค้ำเก้าอี้อีก 5 ปี

ปี 2564-65 ประเทศไทยจะเต็มไปด้วยผู้ประกอบการ สตาร์ตอัพ สมาร์ตฟาร์มเมอร์ (แบบจบปริญญาไปปลูกผักออกสื่อ) ราคาพืชผลการเกษตรก็จะไม่ตกต่ำ เพราะเราจะโค่นสวนยางปลูกทุเรียน มังคุด

ขณะเดียวกัน เราก็จะปรับปรุงระบบภาษีให้จัดเก็บได้ทั่วถึง ภาษีที่ดิน ภาษีมรดก ภาษีสินสอด ภาษีลาภลอย ภาษีลาบป้าแดง ภาษีออนไลน์ บังคับเฟซบุ๊ก กูเกิ้ล ยอมรับอาณาเขตประเทศไทยในโลกออนไลน์ แล้วจ่ายภาษีย้อนหลัง

ภาษีแดดยังจะเก็บเลยนะครับ จากผู้ใช้โซลาร์เซลล์ผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์รายใหญ่ๆ เพราะตอนกลางคืนต้องมาใช้ไฟ กฟผ.ถือว่าเอาเปรียบ!

เก็บภาษีแบบสวิส แต่คุณภาพชีวิตจะเป็นแบบไหน เศรษฐกิจ การลงทุน หนี้สาธารณะ ฯลฯ จะเป็นอย่างไร เดี๋ยวได้รู้กัน

ชอบใจอยู่อย่างคือผลงาน “ติดจรวด” อีก 4 ปีเท่านั้นเห็นดำเห็นแดง รถไฟจีน เรือดำน้ำจีน เครื่องบินเกาหลี ฯลฯ แม้ตัวคนอาจเปลี่ยน แต่ไม่ทันหนีไปไหน ถ้ามีอะไรก็ทวงถามความรับผิดชอบได้ ทั้งระบอบและตัวบุคคล (ถ้าไม่สะดุดขาตัวเองซะก่อนนะ)

(หน้า 6)

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน