ยุทธพงศ์ บี้ บิ๊กตู่ ลาออกเหมือนนายกฯสิงคโปร์ อัดคนไทยไม่มีจะกินยังซื้อเรือดำน้ำ ตั้งฉายานายกฯ เรือดำน้ำจีน ถามจะเอาเรือไปรบกับใคร

เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 1 ก.ค. ที่รัฐสภา นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า งบปี 64 ที่ตั้งไว้ 3.30 ล้านล้านบาท มาจากรายได้ที่จะจัดเก็บได้สุทธิ 2.67 ล้านล้านบาท มาจากการกู้เงินชดเชย 6.2 แสนล้านบาท อยากฝากไปถึงรมว.คลังว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลังได้ไปชี้แจงที่พรรคพท.ว่ารายได้ที่จัดเก็บคาดการณ์ว่าต่ำกว่าเป้า 2 แสนล้านบาท รัฐบาลต้องหาวิธีแก้ไข เพราะจะกู้เพิ่มคงไม่ได้แล้ว เนื่องจากติดเพดานแล้ว

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

ทั้งนี้ งบประมาณปี 64 ไม่ตอบโจทย์การแก้ไขโควิดและปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ แทนที่จะเอาไปกระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยคนตกงาน กลับเอาไปซื้อเรือดำน้ำ ซื้ออาวุธ แล้วรัฐบาลบริหหารไม่ได้ แค่บริหารหน้ากากอนามัยถึงวันนี้ยังแก้ปัญหาไม่ได้ นอกจากนี้ยังปล่อยให้เอกชนช่วยเหลือตัวเอง ทำให้ไม่สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้

นายยุทธพงศ์ อภิปรายต่อว่า ขอยกตัวอย่างประเทศสิงคโปร์ที่โควิดหนักมาก แต่รัฐบาลช่วยเหลือภาคเอกชนอย่างเต็มที่ นายกฯ สิงคโปร์แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก แล้วนายกฯ ไทยไม่แสดงความรับผิดชอบบ้างหรือ วันนี้มีคนฆ่าตัวตาย ไปร้องไห้ที่กระทรวงการคลัง แล้วนายกฯ ไทยไปทำอะไรอยู่ ไม่แสดงความรับผิดชอบเหมือนประเทศสิงคโปร์บ้างหรือ ขนาดมีโควิด งบกองทัพเรือยังเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วอีกพันกว่าล้าน

เฉพาะปีนี้ได้งบ 4.8 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะเรือดำน้ำ 2 ลำ ก็ไม่ได้หยุดซื้อ นึกว่านายกฯ จะเห็นแก่ความเดือดร้อนประเทศชาติและประชาชน แล้วตัดงบออก แต่นายกฯ ก็ยังไม่ยอมหยุดซื้อ เพียงแค่ชะลอไม่ซื้อปี 63 แต่จะมาซื้อในปี 64 ทั้งที่งบเรือดำน้ำตัดทิ้งได้ แต่ทำไม่ไม่ตัด ทั้งนี้ ในหนังสืองบประมาณของกองทัพเรือ หน้า 722 ข้อ 2.3.1 โครงการผูกพันตามสัญญาตามมาตรา 41 จำนวน 4 โครงการ มูลค่า 4.7 หมื่นล้านบาท ไม่มีรายละเอียดโครงการ หมกเม็ด ขนาดงบกองทัพเรือปี 64 จำนวน 8.9 พันล้านบาท ท่านไม่แจ้งต่อสภาฯ ให้รู้ แต่เอาเรือดำน้ำซ่อนอยู่ในงบนี้ ทั้งที่ประชาชนประสบภัยแล้งและโควิด แต่กลับไม่มีเงินช่วยเหลือ แต่ท่านเอางบไปซื้อเรือดำน้ำ มันหมายความว่าอย่างไร

“หากนายกฯ เห็นแก่ประเทศชาติ ท่านต้องเลิกเอางบ 2.2 หมื่นล้านไปซื้อเรือดำน้ำ เอางบมาช่วยประชาชน ถามว่าท่านจะเอาเรือดำน้ำไปรบกับใคร โควิดยังแก้ไม่ได้เลย รัฐมนตรีที่นั่งอยู่พากันใส่หน้ากากอนามัยกันหมด เพราะกลัวโควิด และเมื่อพิจารณาในหลักเกณฑ์และวิธีการปรับปรุงงบปี 64 เพื่อนำไปใช้ในการแก้โควิดในข้อ 3 เขียนชัด ซึ่งเรือดำน้ำเข้าหลักเกณฑ์เต็มๆ ว่ารอได้

ดังนั้นท่านยังไม่ต้องซื้อ ปีที่แล้วก็ไม่ตัดงบซื้อเรือดำน้ำออก ปีนี้ตั้งงบไว้ 3.9 พันล้านบาท แล้วผูกพันงบปีต่อๆไปที่เหลือ สุดท้ายท่านก็ได้เรือดำน้ำอยู่ดี และในวันที่ 8 ก.ค.ที่จะมีการประชุม ครม. หากนายกฯ และ ครม.เอารถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้าไปต่อสัญญาอีก 40 ปี ผมร้อง ป.ป.ช.แน่ เจอกันแน่ที่ ป.ป.ช.ทั้ง ครม. ผมขอตั้งเลยว่างบปี 64 เป็นงบเรือดำน้ำ ไม่ใช่งบโควิด นายกฯ ที่ชื่อประยุทธ์คือนายกฯ เรือดำน้ำจีน ไม่ใช่นายกฯ เพื่อคนไทย” นายยุทธพงศ์ กล่าว

จากนั้นพล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ชี้แจงว่า โครงการจัดซื้อเรือดำน้ำเป็นโครงการปี 2563 แต่ต้องชะลอไว้ เพื่อโอนงบเข้าสู่งบกลางเพื่อนำไปช่วยโควิด จึงต้องมาดำเนินการในปี 2564 แทน อย่างไรก็ตาม สำหรับความมั่นคงทางเศรษฐกิจทางทะเลของประเทศที่มีอาณาเขตติดต่อกันถือว่า มีความสำคัญอย่างมาก ประเทศในภูมิภาคให้ความสำคัญในการเพิ่มดุลอำนาจทางทะเล โดยมีถึง 4 ประเทศอาเซียนแล้วที่มีเรือดำน้ำเข้าประจำการ ซึ่งการจัดซื้อแต่ละครั้งมีระยะเวลาในการดำเนินการ ซื้อปีนี้กว่าจะเสร็จเข้าประจำการณ์ได้ใช้เวลาอีก 6-7 ปี หากเริ่มโครงการในปีงบประมาณ 2564 จะได้เรือในปี 2569 เลยทีเดียว

ซึ่งเรื่องนี้จะทำให้เราเสียเปรียบดุลทางทะเลกับประเทศอาเซียนถึง 8-10 ปี แม้ว่าจะไม่ได้เอาไปรับกับใคร แต่เป็นการรักษาความมั่นคงทางทะเล เป็นยุทธศาสตร์ของกองทัพเรือในการรักษาผลประโยชน์ทางทะเลของประเทศที่มีสูงถึง 24 ล้านล้านบาท โดย 95 % ของสินค้าล้วนเป็นการขนส่งทางทะเล โดยขณะนี้มีเรือผ่านน่านน้ำไทยสูงถึง 15,000 ลำต่อปี และมีแนวโน้มมากขึ้นทุกปีด้วย ดังนั้นการจัดซื้อเรือดำน้ำจึงเป็นเรื่องการรักษาผลประโยชน์ทางทะเล เป็นยุทธศาตร์ของกองทัพเรืออย่างโปร่งใส่ในการจัดซื้อ สามารถตรวจสอบได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน