ช่อ เห็นใจ หมอวรงค์ ส.ส.สอบตก ต้องการมีที่ยืน ลั่นฟ้องแน่ บุญเกื้อ โดนด้วย

วันที่ 7 ก.ค. น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ชี้แจงกรณีเงินบริจาคจาก โครงการ เมย์เดย์-เมย์เดย์ เราช่วยกัน 7,751,783 ล้านบาท ของคณะก้าวหน้า ว่า เงินบริจาค มีหลักฐานการโอนเงินกว่า 2,431 คน รวมทั้ง 15 รายชื่อที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตผู้บริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย กล่าวหาว่าเป็นอวตาร โดยได้มีการชี้แจงผ่านเพจคณะก้าวหน้า และจะดำเนินคดีทางกฎหมายกับนายแพทย์วรงค์ และนายบุญเกื้อ ปุสสเทโว อดีตผู้ช่วย ส.ส.พรรคภูมิใจไทย

ซึ่งมองว่า การออกมากล่าวหาเป็นเรื่องเกมส์การเมืองที่ไม่ลงทุน และหวังดิสเครดิตทางการเมือง ขณะเดียวกัน รู้สึกเห็นใจนพ.วรงค์ เพราะสอบตกแพ้พรรคอนาคตใหม่ในการเลือกตั้ง และต้องการมีที่ยืนทางการเมือง ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายที่นพ.วรงค์เคยลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และหากชนะก็จะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

แต่ที่ผ่านมายังไม่เห็นบทบาทของ นพ.วรงค์ ในการทำประโยชน์ให้กับประชาชนและประเทศชาติ พร้อมกันนี้ ยังยืนยันว่า การยื่นฟ้องหมิ่นประมาททั้งสองคน ไม่ได้ต้องการใช้กฎหมายเพื่อปิดปาก แต่ต้องการให้เป็นเยี่ยงอย่างว่าไม่ควรมีใครถูกใส่ร้ายป้ายสีโดยปราศจากหลักฐาน ซึ่งในวันพรุ่งนี้ มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายไปยื่นฟ้องนายบุญเกื้อ ก่อนจะรวบรวมหลักฐานยื่นฟ้องนพ.วรงค์ ต่อไป ส่วนค่าเสียหาย ขึ้นอยู่กับฝ่ายกฎหมายจะพิจารณา

ส่วนจะให้ 15 รายชื่อที่ถูกกล่าวหาต้องออกมาแสดงตัวยืนยันกับสังคมหรือไม่นั้น น.ส.พรรณิการ์ เห็นว่า จะเป็นการรบกวน แต่ขอให้สื่อไปตรวจสอบเอง และหากนพ.วรงค์ อยากเห็นหลักฐานการโอนเงินทั้งหมด ขอให้ไปดูในชั้นศาล

นอกจากนี้ น.ส.พรรณิการ์ ยังได้เข้าสังเกตการณ์เวทีเสวนา “การเคลื่อนตัวของเกลียวคลื่นกลางกรุงกับลูกสาวแห่งทเเลจะนะ” ซึ่งเป็นเวทีสะท้อนเสียงของภาคประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการสร้างนิคมอุตสาหกรรมจะนะ ที่หอศิลปวัฒนธรรม กรุงเทพมหานคร และได้รับเชิญให้กล่าวปาฐกถานำก่อนเปิดเวทีเสวนาด้วย

น.ส.พรรณิการ์ ระบุว่า นิคมอุตสาหกรรมจะนะ เป็นโครงการที่ศอ.บต. ผลักดันอย่างแข็งขันให้เกิดขึ้น โดยเป็นโครงการตามแผนยุทธศาสตร์สร้างสันติภาพในขายแดนใต้ ศอ.บต. อ้างว่าจะพัฒนาพื้นที่ สร้างงาน 100,000 ตำแหน่ง แต่ขอถามหน่อยว่า คนในพื้นที่ที่ 70% เป็นแรงงานภาคเกษตรเป็นคนกรีดยาง เขาจะมีความรู้ในการทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมได้อย่างไร อีก 20% เป็นชาวประมง ที่มีรายได้จากการหาปลาวันละ 3,000-5,000 บาท เขาจะต้องมาเป็นแรงงานรายวัน รับค่าแรง 400 บาทหรือ

ที่สำคัญกว่านั้น การที่ศอ.บต. ทำงานโฆษณาชวนเชื่ออย่างหนักให้คนในพื้นที่เห็นด้วยกับโครงการนี้ ยังกลายเป็นสาเหตุของความขัดแย้งแตกแยกในพื้นที่ แบบนี้คือการ “แบ่งแยกแล้วปกครอง” แทนที่จะสร้างสันติภาพและความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นได้จริง

น.ส.พรรณิการ์ ทิ้งท้ายว่า หากจะเดินหน้าโครงการนี้ต่อ อย่างน้อยต้องไม่ให้ศอ.บต. เป็นเจ้าภาพ เพราะเป็นองค์กรที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จจากโครงสร้างการบริหารราชการภายใต้สถานการณ์ความขัดแย้งในพื้นที่ ควรให้หน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับด้านอุตสาหกรรมหรือเศรษฐกิจโดยตรงเป็นผู้ดำเนินการ เพื่อให้ประชาชนสามารถตรวจสอบและคัดค้านโครงการได้อย่างอิสระกว่านี้ ไม่ต้องเกรงกลัวอำนาจเบ็ดเสร็จของศอ.บต.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน