ศาลฎีกาฯ นัดชี้ชะตา “ปู” 25 ส.ค.ตัดสินคดีข้าว ให้แถลงปิดคดีเอง 1 ส.ค.”ทูตมะกัน” เผยยังไม่กำหนดวัน “บิ๊กตู่” บินสหรัฐ เหตุผู้นำ 2 ชาติยังยุ่ง “ประยุทธ์”ป่วย-เป็นไข้เจ็บคอ ออกทีวีโวยการเมืองยุคเก่าไม่เป็น “ปชต.” เผย 4 คำถามมีตอบแล้ว 5 แสน ยังอยากฟัง 66 ล้านคนที่เหลือว่าไง ป้อมพอใจเวทีปรองดอง กกต.ยื่นศาลรธน.ตีความแล้ว ปมมาตรา “26-27” ในพ.ร.บ.กกต. ทำเนียบปรับฮวงจุ้ยอีก

นับพันให้กำลังใจ”ปู”ขึ้นศาล

เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ พร้อมด้วยนายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามี และทีมทนาย เดินทางมาศาลฎีกาฯ เพื่อขึ้นสืบพยานฝ่ายจำเลยนัดที่ 16 ซึ่งเป็นนัดสุดท้าย ทั้งนี้ มีอดีตรัฐมนตรี แกนนำพรรค อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยเกือบทุกภาค และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) อาทิ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกฯ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ นายชัยเกษม นิติสิริ อดีตรมว.ยุติธรรม นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรมว.ศึกษาธิการ นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรมว.พาณิชย์ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรค นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรค นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการนปช. รวมทั้งประชาชนเกือบ 1 พันคน มาให้กำลังใจอย่างล้นหลามทั้งบริเวณด้านหน้าและพื้นที่โดยรอบศาลฎีกาฯ

ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการ ตำรวจนครบาล 2 และกองร้อยควบคุมฝูงชนหรือกองร้อยน้ำหวาน รวมทั้งเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบประมาณ 2 กองร้อย ที่มาดูแลความปลอดภัย ทั้งนี้ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. เดินทางมาอำนวยความสะดวกด้วย ซึ่งในครั้งนี้ยังคงมีการนำแผงเหล็กมากั้นโดยรอบบริเวณทางเข้าศาล และมีเจ้าหน้าที่คอยยืนคุมผู้ที่จะเดินผ่านเข้าออกเพื่อรักษาความปลอดภัย

พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า ได้หารือกับแกนนำ พรรคเพื่อไทยว่า ตำรวจจะอำนวยความสะดวก ให้ประชาชน และดูแลความเรียบร้อย ป้องกันมือที่ 3 เข้ามาสร้างสถานการณ์ เชื่อว่าประชาชน ที่มาในวันนี้จะไม่สร้างปัญหาใดๆ ส่วนวันพิพากษาคดีนั้น ตำรวจมีความพร้อม วางแผนประเมินเตรียมการล่วงหน้าแล้ว ซึ่งพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม รวมทั้งพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้ให้ความสำคัญเรื่องความสงบและความปลอดภัยมากที่สุด และประเมินสถาน การณ์ล่วงหน้า เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย

กำลังใจล้นตะโกน”ยิ่งลักษณ์สู้ๆ”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาถึง มวลชนต่างตะโกน “ยิ่งลักษณ์สู้ๆ” เสียงดังกึกก้องทั่วบริเวณเพื่อให้กำลังใจ และร้องเพลงแสงดาวแห่งศรัทธา มอบดอกไม้ ลูกโป่งและรวงข้าว เพื่อเป็นกำลังใจขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้โบกมือพร้อมยกมือไหว้ทักทายมวลชนด้วยใบหน้าที่เศร้า และมีอาการ น้ำตารื้นก่อนจะร้องไห้ออกมาอย่างเห็นได้ชัด

น.ส.ยิ่งลักษณ์ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ โดย กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “ขอขอบคุณสื่อมวลชน และขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกคนที่มาให้กำลังใจ ขณะนี้ได้เวลาที่จะต้องเข้าฟังการพิจารณาแล้ว ขออนุญาตเข้าไปก่อน”

จากนั้นน.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ถ่ายภาพร่วมกับอดีตรัฐมนตรี แกนนำและอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย บริเวณด้านหน้าศาล ก่อนจะเข้ารับฟังการสืบพยาน ขณะที่มวลชนยังคงปักหลักรอให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จนกว่าการสืบพยาน จะเสร็จสิ้น ขณะเดียวกันก็มีมวลชนทยอยเดินทางมาอย่างต่อเนื่อง

หน.คลังสินค้ายันเบิกข้าวตามกม.

ต่อมานายชีพ จุลมนต์ รองประธานศาลฎีกา เจ้าของสำนวนคดีจำนำข้าวคดีหมายเลขดำ อม.22/2558 พร้อมองค์คณะรวม 9 คน ได้ไต่สวนพยานจำเลยนัดที่ 16 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นจำเลย ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท โดย สืบพยาน 3 ปาก เป็นอดีตข้าราชการและ นักวิชาการ

โดยนายพศดิษฐ์ ดีเย็น อดีตหัวหน้าคลังสินค้าจังหวัดนครรราชสีมา ซึ่งเป็นข้าราชการบำนาญที่เกษียณแล้ว ได้เบิกความเป็นคนแรก ยืนยันถึงขั้นตอนการจ่ายข้าวออกจากคลังสินค้า ว่ามีการตรวจสอบตามขั้นตอนและคู่มือที่กรมการค้าภายในกำหนด และทุกครั้งที่มีการมารับข้าวจะต้องมีเอกสารหรือตั๋วมายืนยันโดยลงชื่อและเลขรหัสไว้ด้วย ส่วนการตรวจสอบของคณะกรรมการ 100 ชุดของ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ นั้น ทำขั้นตอนการแทงข้าวไม่ถูกวิธี จึงกลายเป็นว่า มีข้าวหักและเสียมาก ส่วนที่ตั้งข้อสงสัยว่า มีข้าวของกัมพูชาปลอมปนนั้น ลักษณะข้าวของกัมพูชากับไทยแตกต่างกันชัดเจน ยืนยันไม่มีการนำข้าวกัมพูชามาปะปนในโครงการ และระหว่างการดำเนินโครงการจำนำข้าวก็มีการสั่งตรวจเข้มตามแนวชายแดนเพื่อเฝ้าระวังด้วย ทั้งนี้ ยอมรับว่าเคยถูกลงโทษทางวินัยเมื่อปี 2548 โดยถูกตัดเงินเดือนร้อยละ 10 เป็น เวลา 1 เดือน เนื่องจากส่งเอกสารใบประทวนล่าช้า ซึ่งการลงโทษนั้นไม่ใช่การกระทำระหว่าง โครงการจำนำข้าวนี้

อดีตผอ.อคส.ชี้ตรวจสอบได้ทุกวัน

จากนั้นนายชนุตร์ปกรณ์ วงษ์สีนิล อดีตผอ.อคส. ปี 2556 ได้ขึ้นเบิกความประมาณ 1 ชั่วโมง โดยสรุปขั้นตอนการบันทึกข้อมูล การรับเข้า-ออกจากคลังสินค้า ซึ่งระบบสาร สนเทศที่เคยดูแลประมวลผลได้วันต่อวัน ส่วนที่ตนถูก ป.ป.ช.ตั้งสอบข้อเท็จจริงนั้น เป็น เรื่องที่บริษัทเอกชนกล่าวหารับเงิน 30 ล้านบาทช่วยเหลือการคืนข้าวที่ล่าช้า เหตุที่ตนถูกร้องเพราะถูกกลั่นแกล้งเนื่องจากเอกชนจะให้ช่วยเหลือเรื่องเงินค่าปรับ แต่ตนไม่รับซึ่งเคยให้การ ป.ป.ช.แล้ว และที่เคยมีทนายคนนอกไม่ใช่ลูกจ้างอคส. มาตรวจสอบเอกสารก่อนส่ง ป.ป.ช.เรื่องการตรวจสอบจำนำข้าวนั้น เป็นคำสั่งของผู้ใหญ่ในกระทรวงผ่านผอ.อคส.คนก่อนโดยให้ตนดูแลความสะดวก

จากนั้นนายกิตติ ลิ่มสกุล อาจารย์มหาวิทยาลัยไซตามะ ประเทศญี่ปุ่น พยานปากสุดท้าย โดยใช้เวลาเบิกความประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง เนื่องจากอัยการพยายามซักถามถึงผลงานวิจัยจากหลายที่เกี่ยวกับโครงการจำนำข้าวมาเปรียบเทียบกับของจำเลย ซึ่งมีความเห็นไม่ตรงกัน กระทั่งศาลระบุบางเรื่องพยานได้ตอบไปแล้ว และบางเรื่องโจทก์ ไม่ฟ้องเกี่ยวกับการใช้เงินผิดประเภท แต่ฟ้องเฉพาะการปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ซึ่งเป็นความผิด ตามมาตรา 157 และพ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ

ศาลงดเลื่อนคดีไต่สวนพยานอีก

กระทั่งเวลา 14.40 น. ไต่สวนจำเลยปากสุดท้ายเสร็จ ศาลได้อ่านกระบวนพิจารณาว่า คดีนี้ศาลไต่สวนพยานโจทก์และพยานจำเลย รวม 45 ปาก ใช้เวลาไต่สวน 26 นัด เริ่มไต่สวนเมื่อวันที่ 15 ม.ค. 2559 โดยเมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา นายอำพล กิตติอำพน อดีตเลขาธิการครม.สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีหนังสือแจ้งเหตุขัดข้องไม่สามารถมาเบิกความเห็นพยานจำเลยได้ เนื่องจากมีอาการป่วยเป็นโรคหัวใจเฉียบพลัน แพทย์ระบุต้องเข้ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลทันที โดยมีสำเนา ใบรับรองแพทย์แจ้งมา แต่ทนายจำเลยยังติดใจไต่สวนพยานปากนี้ ซึ่งศาลเห็นว่าทนายจำเลยเคยยื่นไต่สวนบัญชีพยานนายอำพล มาแล้วเมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2559 แต่ไม่สามารถนำพยานเข้าไต่สวนได้ อีกทั้งประเด็นที่ไต่สวน ยังเกี่ยวกับคำสั่งและมติ ครม. ซึ่งศาลเห็นว่ามีการไต่สวนมาเพียงพอแล้ว จึงไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีเพื่อไต่สวนพยานปากนี้อีก

ส่วนพยานจำเลยที่ทนายขอไต่สวนเพิ่ม คือ นายประสิทธิ์ ดำรงชัย อดีตกรรมการ ป.ป.ช. และนายภูริศ ศรสรุทร์ อาจารย์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ศาลอนุญาต ให้ส่งคำเบิกความเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน 7 วัน

ไม่รับคำร้องมาตรา 5 ขัดรธน.

สำหรับที่ทนายจำเลยยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา และคำร้องเพิ่มเติมฉบับลง วันที่ 11 และ 17 ก.ค. ขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัย ตามมาตรา 212 โดยโต้แย้งว่าบทบัญญัติในมาตรา 5 แห่งพ.ร.บ.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542 ขัดต่อรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 3, 25, 29, 236 วรรคหก โจทก์ยื่นคำร้องคัดค้านฉบับลงวันที่ 7 ก.ค. และคำร้องโต้แย้งคัดค้านเพิ่มเติมฉบับลงวันที่ 20 ก.ค. ว่าตามพ.ร.บ.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาฯ มาตรา 5 และรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 235 วรรคหก จะใช้ถ้อยคำว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมให้ศาลมีอำนาจไต่สวนพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้ แต่มีความหมายเดียวกัน ดังนั้น บทบัญญัติในมาตรา 5 แห่งพ.ร.บ.ว่าด้วย วิธีพิจารณาคดีอาญาฯ จึงไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญปี 2560

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การพิจารณาคดีนี้ ศาลให้โอกาสคู่ความทั้งสองฝ่ายนำพยานหลักฐานเข้าไต่สวนเพิ่ม โดยโจทก์ยื่นบัญชีเพิ่มเติม 21 ครั้ง ไต่สวนพยาน 15 ปาก ใช้เวลาไต่สวน 10 นัด จำเลยยื่นบัญชีพยานเพิ่มเติม 51 ครั้ง ไต่สวนพยาน 30 ปาก ใช้เวลาไต่สวน 16 นัด ซึ่งให้โอกาสคู่ความทั้งสองฝ่ายนำพยานมาไต่สวนอย่างเต็มที่แล้ว ตามคำร้องของจำเลยที่อ้างนั้น ยังไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามรัฐธรรมนูญ ปี 2560 มาตรา 212 ที่ศาลจะต้องส่งความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย จึงให้ยกคำร้อง ของจำเลย

แถลงปิดคดี 1 สค.-ตัดสิน 25 สค.

ศาลอนุญาตให้จำเลยแถลงปิดคดีด้วยวาจาวันที่ 1 ส.ค. 2560 เวลา 09.30 น. และอนุญาตให้คู่ความทั้งสองฝ่ายยื่นคำแถลงการณ์ปิดคดีเป็นลายลักษณ์อักษรภายในวันที่ 15 ส.ค. 2560 หากไม่ยื่นภายในกำหนด ถือว่าไม่ติดใจยื่นคำแถลงการณ์ปิดคดี คดีเสร็จการไต่สวน ศาลนัดฟังพิพากษาในวันที่ 25 ส.ค. 2560 เวลา 09.00 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลฎีกาฯนัดพิพากษาคดีโครงจำนำข้าว ตรงกับสำนวนคดีฟ้องนายบุญทรง เตริยาภิรมณ์ อดีตรมว.พาณิชย์ กับพวกรวม 28 รายคดีทุจริตระบายข้าว เนื่องจากข้อเท็จจริงหลักฐานเสนอในคดีเชื่อมโยงกัน อีกทั้งองค์คณะผู้พิพากษาทั้ง 2 สำนวน มีจำนวน 5 คนที่ร่วมพิจารณาทั้งสองสำนวน

“ปู”ขอบคุณทุกกำลังใจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทาง ออกจากศาลด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม หลังการสืบพยานฝ่ายจำเลยกว่า 6 ชั่วโมง โดยยังคงมีมวลชนคอยให้กำลัง ส่งเสียงเชียร์ “ยิ่งลักษณ์สู้ๆ, รักยิ่งลักษณ์” พร้อมปรบมือ ให้ดอกไม้และยังคงร้องเพลงแสงดาวแห่งศรัทธา บริเวณ หน้าศาลฯ

จากนั้นน.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวสั้นๆ ด้วยสีหน้า เรียบเฉยว่า “ขอขอบคุณสื่อมวลชนและประชาชนที่มาให้กำลังใจที่ศาลทุกนัด หรือที่ให้กำลังใจในที่ต่างๆ รวมทั้งทางบ้าน เนื่องจาก วันนี้เป็นการพิจารณคดีวันสุดท้าย จึงขอไม่ให้ สัมภาษณ์ใดๆ แต่ขอให้ติดตามการแถลงปิดคดีด้วยวาจาในวันที่ 1 ส.ค.แทน” จากนั้นได้ทักทายมวลชนและเดินทางกลับในทันที

“บิ๊กตู่”ยังป่วย-เป็นไข้เจ็บคอ

วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความมั่นคงแห่งชาติ(คสช.) เดินทางเข้ามาทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลตามปกติ แต่ได้มอบหมายให้รองนายกฯ และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ปฏิบัติภารกิจแทน

รายงานข่าวแจ้งว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังคงมีอาการเป็นไข้และเจ็บคอเล็กน้อย แพทย์และคณะทำงานจึงแนะนำให้พักผ่อนและงดภารกิจ เพื่อให้ร่างกายให้ฟื้นตัว แต่นายกฯ ยังคงเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ที่ทำเนียบฯเช่นเคย และก่อนหน้านี้เมื่อบ่ายวันที่ 20 ก.ค. ได้บันทึกเทปรายการศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อออกอากาศในวันนี้ถึง 45 นาที

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในรายการศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ตอนหนึ่งว่า อยากให้ทุกคนได้คิด มีสติและทบทวนว่าเราน่าจะใช้หลักธรรม หลักศาสนา และหลักการต่างๆ มาช่วยแก้ปัญหาทางการเมืองด้วย การที่ รัฐบาลพยายามแถลงข่าว ชี้แจงตอบข้อสงสัยโดยให้เหตุผล ใช้ความอดทน อดกลั้น และแสดงความจริงใจ บางครั้งก็ถูกกวนน้ำให้ขุ่นหรือเล่นการเมืองบนความทุกข์ของประชาชน ทำให้สิ่งที่ตนพูด สิ่งที่รัฐบาลพยายามสื่อสารออกไปไม่เป็นผลอย่างน่าเสียดาย ความเพียรพยายามก็สูญเปล่า

ออกจอโวยการเมืองยุคเก่าไร้ปชต.

“เจตนาของผู้ไม่หวังดีมักสร้างบรรยากาศให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลโดยแสวงประโยชน์ ขยายผลจากความน่าสงสาร ความยากจนและความเดือดร้อน ซึ่งเป็นวิถีของการต่อสู้ สาดสี เพื่อเอาชนะกัน แย่งพื้นที่ฐานเสียง เป็นการดำเนินนโยบายทางการเมืองหรือวัฒนธรรมการเมืองยุคเก่าที่ไม่เป็นประชาธิปไตย” พล.อ. ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ดังนั้นทุกฝ่ายต้องกลับมามอง ทบทวนตัวเองบ้าง ประชาชนต้องมีหลักคิด มีความรู้เป็นภูมิคุ้มกัน ไม่ตกเป็น เครื่องมือของใครอีกต่อไป อย่ายอมให้ใครมาจุดชนวนขยายความขัดแย้งด้วยวาทะกรรม ที่ไม่สร้างสรรค์อีกต่อไป สิ่งที่เคยทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย ไม่ปลอดภัย มีผู้คนบาดเจ็บ สถานการณ์วันนี้สงบเรียบร้อย จนหลายคนลืมภาพเหล่านั้นไปแล้ว ก็กลับมีคนพยายาม จะปลุกระดมให้เกิดความเคลื่อนไหว ขัดแย้งหรือต่อสู้กันอีก ทั้งที่กระบวนการยุติธรรมได้ตัดสินกันไปแล้ว

มี 5 แสนตอบ 4 ข้อ-ขอฟังอีก 66 ล.

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า กรณีการแสดงความคิดเห็นต่อคำถาม 4 ข้อของนายกฯ ขณะนี้ มีผู้มาตอบคำถามแล้ว 5 แสนคน อยากให้ส่งมาอีก ซึ่งขอขอบคุณทุกคนที่ตอบคำถาม เป็นประโยชน์มากกับรัฐบาลและคสช. เพื่อเดินหน้าสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ คำตอบของประชาชนจนถึงปัจจุบัน สรุปผลได้ดังนี้ 1.สนับสนุนการได้มาซึ่งรัฐบาลที่มีคุณภาพ 2.อยากได้นักการเมืองที่ดีและใหม่ๆ หรือ นายกฯที่เป็นคนรุ่นใหม่ 3.การเข้ามาสู่การเลือกตั้งควรตรวจสอบให้เข้มข้น 4.หากนัก การเมืองที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมจะเข้ามา ขอให้ตรวจสอบอย่างรัดกุมก่อนการเลือกตั้ง 5.ควรมีกฎหมายที่ทำให้คดีไม่หมดอายุความ 6.ไม่มั่นใจว่าจะได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล 7.หากบ้านเมืองไม่สงบ ขัดแย้ง ก็ต้องใช้การเลือกตั้งต่อๆ ไปจนกว่าจะได้รัฐบาลที่ดี และ 8.ให้ปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งวันนี้เราทำอยู่แล้ว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ได้หารือไปยัง กระทรวงมหาดไทย จะให้หน่วยทหารรวบรวม ไปที่กระทรวงมหาดไทยให้ก็ได้ ฝากกระทรวง มหาดไทยช่วยพิจารณาด้วย จะได้มาลงความคิดเห็นกันได้มากขึ้น “ไม่ใช่โพลชอบผม ไม่ชอบผม มันไม่ใช่ เป็นการแสดงความ คิดเห็น ขอให้ช่วยกันหารือ คสช. กระทรวงมหาดไทย ทุกหน่วยงานจัดสรรพื้นที่ให้ประชาชนได้มาร่วมกันมากขึ้น ผมต้องการความคิดเห็นทั้งข้าราชการ พลเรือน ตำรวจ ทหาร ประชาชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อปท. ที่ผ่านมาผมเห็นมีแต่ประชาชน แล้วคนอื่นไม่ใช่ประชาชนหรือ ทุกคนที่เป็นคนไทย คือ ประชาชน เสนอมา ผมจะได้เห็นว่าส่วนใหญ่เป็นอย่างไร วันนี้ได้มาแค่ 5 แสนคน ตัดแล้วที่เหลืออีก 66 ล้านคนเศษอยู่ที่ไหน ผมต้องการฟังตรงนี้ด้วย”

ป้อมพอใจเวทีถกปรองดอง

ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ในฐานะ รองประธานคณะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง เป็นประธานการประชุม นัดสุดท้ายเพื่อสรุปร่างสัญญาประชาคม หลังจากจัดเวทีสาธารณะเพื่อชี้แจงร่างสัญญาประชาคม 4 กองทัพภาค เมื่อวันที่ 17-20 ก.ค. ที่ผ่านมา

พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์หลังการประชุม ว่า วันนี้รับฟังข้อคิดเห็นหลังจากเปิดเวทีสาธารณะ 4 กองทัพภาค และรับฟังความ คิดเห็นเพิ่มเติมจากคณะกรรมการและทุกภาคส่วน เพื่อให้เกิดความชัดเจน แม้ความคิดเห็นร่วมทั้ง 10 ข้อจะเป็นนามธรรม แต่เราจะต้องมีหลักการทำให้เกิดความร่วมมือกันเพื่อให้ร่างสัญญาประชาคมเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งจากการเปิดเวทีสาธารณะทั้ง 4 กองทัพภาค ตนมีความพึงพอใจในระดับหนึ่งที่มีข้อคิดเห็นต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ก่อนนำข้อคิดเห็นทั้งหมดมาสรุป ซึ่งคิดว่าจะเสร็จ 1-2 วันนี้ เพื่อนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการป.ย.ป. เชื่อว่าร่างสัญญาประชาคม ฉบับนี้จะเป็นที่ยอมรับของทุกคน อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของโรดแม็ป เพื่อให้รัฐบาลเดินต่อไปข้างหน้าได้ จึงคิดว่าน่าจะประสบความสำเร็จ

ปัดคดี”ปู-จตุพร”ไม่เกี่ยวรัฐบาล

เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยปฏิเสธไม่ยอมรับร่างสัญญาประชาคม จะส่งผลอะไรหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ส่งผลอะไร เพราะเราไปรับฟังและชี้แจงทุกรายละเอียดให้ประชาชนทั้ง 4 กองทัพภาคแล้ว และเมื่อผ่านที่ประชุมป.ย.ป. จะลงไปแถลงรายละเอียดทั้งหมดผ่านโทรทัศน์ จากนั้นจะนำสัญญาประชาคมลงไปให้ประชาชนทุกหมู่บ้านรับทราบและเข้าใจ โดยมอบให้กระทรวงมหาด ไทย และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด (กอ.รมน.จังหวัด) ดำเนินการ เมื่อพรรคเพื่อไทยไม่เปลี่ยนท่าที เป็นการพูดแบบเก่าและยังเป็นพรรคที่มีหลายพวกหลายคน ฉะนั้นเราต้องฟังความเห็นของคนส่วนใหญ่ที่มีความคิดเห็นคล้ายคลึงกัน

ผู้สื่อข่าวถามถึงการตัดสินคดีจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และคดีหมิ่นประมาทของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. จะส่งผล กระทบการสร้างความปรองดองหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า เรื่องคดีเป็นเรื่องของศาล และกระบวนการยุติธรรม ซึ่งฝ่ายบริหารไม่ได้ เกี่ยวข้อง เชื่อว่าจะไม่กระทบกระบวนการสร้างความปรองดอง

พล.อ.ประวิตรกล่าวด้วยว่า ส่วนการปรับย้าย นายทหารระดับชั้นนายพล คาดว่าจะประชุมคณะกรรมการได้ช่วงสิ้นเดือนก.ค.นี้ คิดว่า การแต่งตั้งโยกย้ายปีนี้ไม่มีปัญหา

กกต.ร้องศาลรธน.แล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้นำคำร้องของกกต. ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้พิจารณาวินิจฉัยร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยกกต. ว่าบทบัญญัติขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ตามมาตรา 5 มาตรา 210 มาตรา 273 ของรัฐธรรมนูญปี 2560 และข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาและการทำคำวินิจฉัย พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 ข้อ 17 วรรคหนึ่ง (15) ใน 2 ประเด็นคือ ประเด็นหน้าที่และอำนาจของกกต.แต่ละคน ตามมาตรา 26 ของพ.ร.บ.ว่าด้วย กกต. ซึ่งมีการตัดอำนาจ กกต.คนเดียวในการสั่งระงับยับยั้งเลือกตั้งได้ หากพบว่ามีการกระทำการที่เข้าข่ายทุจริต โดยเห็นว่าไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 224 วรรคท้าย ที่กำหนดชัดเจนว่า กกต.คนเดียวมีอำนาจสั่งระงับยับยั้งการเลือกตั้งของหน่วยหรือเขตเลือกตั้งได้

ประเด็นที่สอง ยื่นในประเด็นมาตรา 27 ของพ.ร.บ.ว่าด้วย กกต. ที่ตัดอำนาจกกต. ในการจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นได้เอง ทั้งที่รัฐธรรมนูญมาตรา 224 (1) บัญญัติให้กกต. มีอำนาจทั้งจัด หรือมอบอำนาจให้หน่วยงานหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดการ เลือกตั้งท้องถิ่นก็ได้ เนื่องจากไม่ตรงตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ปี 2560 และอาจเกิดเป็นประเด็นปัญหาในทางปฏิบัติของกกต.และสำนักงานกกต. รวมทั้งอาจเป็นปัญหาในการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือ ผู้บริหารท้องถิ่นในอนาคต

วิษณุชี้กกต.ร้อง-ไม่มีผลโรดแม็ป

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวกรณีกกต. ส่งเรื่องถึงศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้วินิจฉัยร่างพ.ร.บ.ว่า ด้วยกกต.เป็นไปตามข้อกฎหมายหรือไม่ ว่า หากยื่นตีความว่าเนื้อหาขัดรัฐธรรมนูญสามารถ ทำได้ แม้กฎหมายประกาศใช้แล้วก็ยื่นตีความได้ แต่ถ้ายื่นว่ากระบวนการร่างกฎหมายผิด ไม่สามารถทำได้ หากกกต.ไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ตีความ ก็ต้องชะลอการทูลเกล้าฯไว้ก่อนอยู่แล้ว แต่ไม่กระทบกับโรดแม็ปที่วางไว้ เพราะ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญมี 10 ฉบับ โอกาส ที่จะเกิดแบบเดียวนั้นมีอยู่แล้ว จึงมีการเผื่อเวลาไว้แล้ว

เมื่อถามถึงกรณีหากร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีผลบังคับใช้ คดีที่ถูกจำหน่ายไว้ชั่วคราวเนื่องจากจำเลยหลบหนีจะเดินหน้าต่อไปได้อย่างไร นายวิษณุกล่าวว่า สิ่งใดที่ดำเนินการไปก่อนแล้วถือว่าสมบูรณ์ ส่วนใดที่ค้างอยู่ ไม่ได้ดำเนินการ ก็ปรับให้เข้ากับกฎหมายใหม่ เมื่อถามว่าคดีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ สามารถดำเนินการต่อไปได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ใช่

มีชัยโยนพรรคป้องถูกแกล้งเอง

ที่รัฐสภา นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงพรรคเพื่อไทยทำหนังสือถึงนายกฯระบุเนื้อหาของร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการพิจารณาคดีอาญา ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่มีโทษย้อนหลัง นั้นขัดต่อเจตนาของกฎหมายว่า ตนไม่เห็นว่าขัด ในเนื้อหาของพ.ร.บ.ไม่มีการย้อนหลังเรื่องการลงโทษ สิ่งที่ระบุว่าย้อนหลังได้คือเรื่องที่เป็นประโยชน์คือการให้สิทธิกับคนที่กำลังถูกดำเนินคดี สามารถอุทธรณ์ได้ ซึ่งถือเป็นการย้อนหลังที่เป็นประโยชน์เพราะให้สิทธิกับเขา คดีใดที่ดำเนินอยู่แล้วก็เดินหน้าต่อไปได้ ส่วนที่จะเดินหน้าต่อไปใหม่ก็ให้ตามกฎหมายใหม่

นายมีชัย กล่าวถึงเนื้อหาของร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง เรื่องการทำไพรมารี่โหวตว่า จะไม่มีโทษยุบพรรคอย่างแน่นอน จะมีการลงโทษแค่ปรับ จำคุกประมาณ 3 เดือน และจะตัดสิทธิทางการเมืองเป็นหลักเพื่อเขาจะได้ไม่ไปโกงกันเอง และทำให้กระบวนการของพรรคเสียหาย โดยใครก็ตามที่พบเห็นการทำความผิดของสมาชิกพรรค สามารถแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินการได้ ทั้งนี้พรรคจะต้องออกกลไกด้วยตัวเองเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการกลั่นแกล้งในการทำไพรมารี่โหวต โดย กรธ.จะไม่เข้าไปยุ่งในเรื่องนี้

ทำเนียบแต่งสวนปรับฮวงจุ้ยอีก

เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยน.ส.เรณู ตังคจิวางกูร รองเลขาธิการฝ่ายการเมือง รองเจ้ากรมยุทธโยธาทหารบก ได้เข้าตรวจความเรียบร้อยของอาคารเรือนรับรองหลังใหม่ หลังจากคณะกรรมการตรวจรับ ได้ทำเรื่องส่งมอบถึงสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี(สลน.) เมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยมีนายกัมพล ตันสัจจา ผอ.สวนนงนุช สรุปเรื่องการจัดตกแต่งสวนโดยรอบให้พล.อ.วิลาศ รับทราบ ซึ่งใช้เวลา 1 ชั่วโมง

พล.อ.วิลาสกล่าวภายหลังตรวจความเรียบร้อยการตกแต่งภายในและภายนอกอาคารว่า ภาพรวมน่าพอใจ และการก่อสร้างเป็นไปอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงขั้นตอนการเก็บรายละเอียดและทำความสะอาดเพียงเล็กน้อย สำหรับชื่ออาคารและห้องรับรองได้เสนอให้นายกฯ คัดเลือก เรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะเปิดอาคารรับรองได้ภายในเดือนส.ค.นี้

ด้านนายกัมพลเปิดเผยว่า สวนนงนุชได้นำต้นไม้ชนิดต่างๆ มาจัดตกแต่งสวนบริเวณด้านข้างและโดยรอบเรือนรับรองหลังใหม่ ซึ่งโจทย์ที่ได้รับคือให้เหมาะสมกับอาคารและตึกต่างๆ บริเวณทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นตึกสไตล์กึ่งยุโรปหรืออิตาลี ตนจึงจัดสวนในแบบไทย-อิตาลี เน้นความเรียบง่ายในการดูแลรักษา เป็นรูปแบบสวนพอเพียง จัดให้เป็นระเบียบ สังเกตว่าต้นไม้ที่นำมาลง เช่น ต้นพวงทอง ประยงค์ ชาฮกเกี้ยน แก้ว และต้นสน สไตล์เวนิส วางเรียงแถวให้ง่ายต่อการดูแลรักษาและนำต้นไม้อื่นตกแต่งเพิ่มเติมในอนาคต การตกแต่งสวนนี้อยากให้ เรียกว่า “สวนไทย หรือไทยการ์เด้น” เพื่อแขกต่างชาติมาเห็นจะได้รู้ว่าประเทศไทยมีสไตล์จัดสวนของตัวเองเช่นกัน

“ด้านหลังของอาคาร ซึ่งเชื่อมต่อกับตึกไทยคู่ฟ้า ได้จัดสวนเรียงต้นไม้สลับสูงต่ำลักษณะคล้ายกับภูเขา เพื่อเป็นการแก้ฮวงจุ้ยที่บ้านด้านหลังต้องมีภูเขา เนื่องจากทำเนียบรัฐบาล ถูกล้อมรอบด้วยน้ำ แต่ไม่มีภูเขา สำหรับงบประมาณจัดสวนนั้นใช้ไม่มาก เพราะเน้นแบบ พอเพียง” นายกัมพลกล่าว

ปปช.แจงยึดทรัพย์”ปลัดสุพจน์”

เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ที่สำนักงานป.ป.ช. นายปรีชา เลิศกมลมาศ กรรมการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วังทองหลาง มอบทรัพย์สินของกลางในคดีการปล้นบ้านพักนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ตามที่ป.ป.ช.มีมติอายัดทรัพย์สินดังกล่าวและอัยการสูงสุดมีการยื่นคำร้องให้ศาล สั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินไปก่อนหน้านี้ ว่าทรัพย์สินดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของทรัพย์สินที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ทรัพย์สินของนายสุพจน์มูลค่าทั้งสิ้น 64 ล้านบาท ตกเป็นของแผ่นดิน โดยทรัพย์สินที่ป.ป.ช.ไปรับมอบในครั้งนี้เป็นเงินสด และทองคำ

นายปรีชากล่าวต่อว่า ส่วนทรัพย์สินอื่นเป็นอสังหาริมทรัพย์ เงินฝาก และรถยนต์ เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นว่าหมดอำนาจในการดูแลของกลางดังกล่าวแล้ว เพราะคดีอยู่ระหว่างการ พิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ป.ป.ช.จึงต้องรับมอบทรัพย์สินดังกล่าวมารักษาไว้เอง ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด

ยังไม่กำหนดวัน”ตู่”พบ”ทรัมป์”

เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายกลิน ที. เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เข้าพบพล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ใช้เวลา 30 นาที

นายกลิน ที. เดวีส์ เปิดเผยว่า ได้พูดคุยเกี่ยวกับโครงการและเรื่องสำคัญต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในโอกาสที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ จะเดินทางเยือนสหรัฐ เพื่อพบกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐว่า มีวิธีการใดที่จะทำให้การพบปะพูดคุยกันระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศเกิดมีผลผลิตออกมาได้ สำหรับกำหนดเวลาที่นายกฯ จะไปเยือนสหรัฐนั้น ยังไม่มีกำหนดแน่นอน เนื่องจากทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ยุ่งอยู่ แต่ยังคงทำงานร่วมกันเพื่อกำหนดวันที่แน่นอนและเหมาะสม นอกจากนั้นการหารือยังพูดกันอีกหลายเรื่อง ซึ่งบรรยากาศการพูดคุย ครั้งนี้ถือว่าดีมากและเป็นประโยชน์ โดยสหรัฐจะหาทางพบปะพูดคุยกันอีกในโอกาสต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่าในการพูดคุยได้หารือเกี่ยวกับปัญหาการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงยาซึ่งรัฐบาลไทยได้ดำเนินการจับกุมบ้างหรือไม่ เอกอัครราชทูตสหรัฐ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยกำลังไล่ล่าอาชญากรที่เกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงเข้าไปเกี่ยวข้องและถูกดำเนินคดี ถือเป็นพัฒนาการทางบวกและหวังว่าจุดนี้จะช่วยสร้างแรงผลักดัน ขจัดสิ่งเหล่านี้ออกไปจากประเทศไทยได้

 

 

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน