เมื่อวันที่ 13 ก.ค.นาย เทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกรณี นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตโฆษกพรรคพลังประชารัฐ และ น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ คนปัจจุบัน

กล่าวพาดพิงถึงการแสดงความคิดเห็นในเชิงวิชาการของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในเวทีเสวนา “365 วันรัฐสวัสดิการ” เมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา ว่า ตนในฐานะอดีตโฆษกส่วนตัวของนายอภิสิทธิ์ เมื่อเห็นการให้สัมภาษณ์ในลักษณะเสียดสี บิดเบือนข้อเท็จจริงทำให้นายอภิสิทธิ์ ได้รับความเสียหาย

จึงจำเป็นต้องออกมาชี้แจงแทนนายอภิสิทธิ์ ที่ไม่ได้เป็นส.ส.แล้วว่า การที่นายอภิสิทธิ์ ออกมาแสดงความเห็นทางการเมืองเพราะได้รับเชิญเป็นวิทยากร จึงจำเป็นต้องแสดงความเห็นตามหัวข้อการเสวนา ล้วนแล้วแต่เป็นข้อเท็จจริงและเป็นข้อมูลทางวิชาการทั้งสิ้น

ไม่ได้มีเจตนาที่จะดิสเครดิตพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมให้ได้รับความเสียหาย นายอภิสิทธิ์ ยังเสนอแนะเรื่องการปรับ ครม.ให้กับพล.อ.ประยุทธ์ว่าควรให้โอกาสคนมีความสามารถช่วยบริหารประเทศด้วย

แต่กลับมีลิ่วล้อพรรคพลังประชารัฐบางคนที่หลุดจากตำแหน่งโฆษกพรรค และกำลังจะตกงานจากการปรับ ครม. ออกมาฟาดงวงฟาดงา พูดจาเทอะเทอะ เรียกราคาให้ตัวเอง เพื่อให้ผู้มีอำนาจเห็นความดี หวังจะได้รับความชอบเพื่อปูนบำเหน็จให้ได้รับตำแหน่งทางการเมืองอีกครั้ง เพราะที่ผ่านมาซื้อหวยผิด

กระโดดออกจากกลุ่มสามมิตรมารับใช้กลุ่ม 4 กุมาร อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู สุดท้ายเมื่อกลุ่ม 4 กุมารถูกลอยแพ ต้องลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ตัวเองก็พลอยตกกระป๋องไปด้วย แต่ไม่กล้าลาออกตามเจ้านายไป จึงหวังกระโดดจากกลุ่ม 4 กุมาร เพื่อกลับไปกลุ่มสามมิตรอีกครั้ง

“เป็นปกติของนักการเมืองบางจำพวกที่ใช้ทฤษฎีเห็บหมา เมื่อหมาตัวเดิมตายเห็บก็กระโดดไปเกาะหมาตัวใหม่ จึงจำเป็นต้องออกมาพูดจาพาดพิงถึงนายอภิสิทธิ์ เรื่องเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองของกลุ่มคนเสื้อแดงในปี 2553

อยากถามว่าในตอนนั้นนายธนกร ยืนอยู่ข้างฝ่ายใด อยู่ในกลุ่มที่เป็นนั่งร้านให้ระบอบทักษิณใช่หรือไม่ เมื่อระบอบทักษิณล่มสลายก็เปลี่ยนมาเป็นนั่งร้านให้กับระบอบ คสช. หรือระบอบประยุทธ์ในปัจจุบัน และหลังจากนี้จะย้ายไปเป็นนั่งร้านให้กับกลุ่มใดอีก”นายเทพไท กล่าว

นายเทพไท กล่าวต่อว่าอยากจะชี้แจงข้อเท็จจริงเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองเมื่อปี 2553 ที่นายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯนั้น รายชื่อฝ่ายความมั่นคงที่รับผิดชอบการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงทั้งหมด ในจำนวนนั้น ก็มีชื่อของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นรมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาไทย เป็นผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และพล.อ.ประยุทธ์ เป็นรอง ผบ.ทบ.ด้วย

ถ้านายธนกรจะตำหนินายอภิสิทธิ์ในเรื่องนี้ ก็ควรไปศึกษาประวัติศาสตร์ให้ถ่องแท้ว่ากลุ่มพี่น้อง 3 ป. ที่นายธนกรกำลังเชียร์และอาศัยใบบุญอยู่นั้น มีความรับผิดชอบต่อการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในการเผาบ้านเผาเมืองด้วยหรือไม่

นายเทพไท กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีน.ส.พัชรินทร์ ออกมาชี้แจงผลงานของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ เป็นเรื่องที่รับฟังได้ การพาดพิงถึงนายอภิสิทธิ์บ้างในบางประเด็นถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่ถือสาเพราะเป็นโฆษกมือใหม่หัดขับ

และได้ยอมรับว่าการให้สัมภาษณ์ของนายอภิสิทธิ์นั้น เป็นไปอย่างตรงไปตรงมา ถือว่าเป็นความงดงามในระบอบประชาธิปไตยที่มีความเห็นแตกต่างกัน และสามารถวิพากษ์วิจารณ์กันได้ ก็ถือว่าเป็นโฆษกป้ายแดงใจกว้างกว่าโฆษกพรรคคนเก่า

เพราะสิ่งที่นายอภิสิทธิ์พูดเรื่องคะแนนเสียงที่ได้มาของพรรคพลังประชารัฐในการเสนอรายชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีในนามพรรคนั้น คะแนนของคนกรุงเทพฯ ก็มาจากการใช้สโลแกนหาเสียง “อยากได้ความสงบจบที่ลุงตู่” แต่สำหรับคะแนนที่มาจากต่างจังหวัดส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่มาจาก “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจน” ที่แจกจ่ายให้ประชาชนเสมือนกับการซื้อเสียงล่วงหน้าแทบทั้งสิ้น

“ในฐานะที่ผมเป็นโฆษกรุ่นพี่ก็อยากจะให้ข้อคิดกับโฆษกรุ่นหลังให้ทราบว่า การทำหน้าที่โฆษกที่ดี ต้องรู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ รู้จักที่สูงที่ต่ำ ถ้าชกข้ามรุ่นหรือแบกน้ำหนัก ระวังจะถูกน็อกเสียมวยได้ง่าย ดังนั้นต้องพูดจาแบบตรงไปตรงมาในลักษณะสร้างสรรค์

และควรใช้ข้อมูลชี้แจงประเด็นต่างๆ อย่างตรงไปตรงมา หลีกเลี่ยงการเสียดสี ใส่ร้ายบิดเบือนข้อเท็จจริง ซึ่งอาจจะทำให้สังคมสับสนและเกิดความขัดแย้งทางสังคมขึ้นมาอีก” นายเทพไท กล่าว


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน