ก้าวไกล เปิดผลกระทบคนระยอง ปมทหารอียิปต์ ถามรบ.จะรับผิดชอบอย่างไร?

วันที่ 14 ก.ค. พรรคก้าวไกล ทวงถามความรับผิดชอบจากรัฐบาล หลังปล่อยให้ทหารอียิปต์เข้ามาในประเทศโดยไม่ต้องกักตัว แล้วปรากฎว่าติดเชื้อโควิด-19 ทำให้ประชาชนเกิดความว่ากลัวว่าโควิด-19 จะกลับมาระบาดในประเทศไทยอีกครั้ง ความว่า

ความหละหลวมของมาตรการและระบบการให้อภิสิทธิ์แก่คนบางจำพวกของรัฐบาล ที่ทำให้คนระยองทั้งหมดต้องมาเดือดร้อนตามไปด้วย และรัฐบาลจะรับผิดชอบอย่างไร?

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

“101” คือตัวเลขจำนวนวันที่ระยองไม่มีการระบาดในท้องถิ่น เป็นเพราะการปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันของบุคลากรสาธารณสุข รวมทั้งประชาชนที่ให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการของรัฐบาลและองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างเคร่งครัดระมัดระวังเพื่อหวังว่าคนระยองจะกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติโดยเร็วที่สุด

จนกระทั่งเมื่อวาน(13 กรกฎาคม 2563) ศบค. ออกมาแถลงข่าวว่ามี #ทหารอียิปต์ ที่มีเชื้อโควิด-19 ระหว่างพำนักอยู่ที่โรงแรมและเดินเที่ยวห้างในระยอง จนเกิดคำถามขึ้นมาว่าเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร รัฐบาลเข้มงวดกวดขันกับประชาชนคนไทยด้วยกันเองจนตึง แต่หละหลวมกับแขกต่างชาติที่ได้รับอภิสิทธิ์หรือไม่?

และชาวระยองได้รับผลกระทบมากเท่าไหร่ อย่างไรบ้างจากความผิดพลาดครั้งนี้?

ประเมินผู้ได้รับผลกระทบคร่าวๆ

-เบื้องต้น เทศบาลนครระยองประกาศปิดโรงเรียนระดับมัธยม ประถม ศูนย์เด็กเล็ก และห้องสมุด รวม 11 แห่ง คาดว่ามีนักเรียนที่ต้องหยุดเรียน “อย่างน้อย” 7 พันคน ที่ก่อนหน้านี้ก็หยุดเรียนไปหลายเดือนและเพิ่งกลับมาเปิดเรียนใหม่ได้เพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น

-ยังไม่นับว่าอาจจะมีการประกาศปิดเพิ่มเติมจากโรงเรียนในสังกัด สพฐ. ที่มีนักเรียนรวมแล้วเป็นหมื่นคนในเขตพื้นที่เสี่ยง

-พ่อแม่ผู้ปกครองของนักเรียนที่จะต้องหยุดงาน ลางาน ฯลฯ มาดูแลลูกหลาน ทำให้สูญเสียรายได้และโอกาสอีกจำนวนมาก

-โรงแรมในส่วนที่ #ทหารอียิปต์ เข้าพักต้องปิดบริการ และพนักงานโรงแรม 12 คน ถูกกักตัว 14 วัน เพื่อสังเกตอาการและตรวจหาเชื้อ

-สายการบินสั่งกักตัวพนักงานภาคพื้นดิน 7 คนที่ให้บริการใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ

-ประชาชนไม่กล้าเดินห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในระยอง 2 แห่ง ไม่นับว่าประชาชนและพนักงานร้านค้าต่างๆ ในห้าง 2 แห่งนี้มีความเสี่ยงในการติดเชื้อ(และต้องกักตัวเพื่อสังเกตอาการ 14 วัน) จากการที่รัฐบาลหละหลวมปล่อยให้อภิสิทธิ์ชนไปเดินเที่ยวห้างขณะที่ตนเองมีเชื้อ

-ธุรกิจโรงแรมและท่องเที่ยวในระยองค่อยๆ ฟื้นตัวหลังจากตายสนิทมาหลายเดือน ผู้ประกอบการธุรกิจทุกคนต่างรอคอยช่วงสิ้นเดือนกรกฎาคมที่ยอดจองที่พักจะขึ้นสูงแตะ 100% เนื่องจากรัฐบาลประกาศเป็นวันหยุดยาว และคาดว่า ครม. จะมีมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวให้กลับมาคึกคักอีกครั้งหลังจากการคลายล็อกเฟสต่างๆ จนสถานการณ์แทบจะกลับมาเป็นปกติแล้ว

แต่ความฝันทั้งหมดนี้คงจะจบลงไปอย่างน่าเสียดาย เพราะผู้ประกอบการโรงแรมในระยองต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าตั้งแต่เมื่อวาน เริ่มมีการยกเลิกการจองโรงแรมเข้ามาแล้ว และไม่ทราบว่าตัวเลขยอดจองโรงแรมและการจองทริปต่างๆ จะเหือดหายหดตัวไปเหลือเท่าใดในช่วงสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ และจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งเมื่อไหร่

-ยังไม่นับตัวเลขความเสียหายจากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องทั้งหมด

-ก่อนหน้านี้ในช่วงการระบาดครั้งแรก ทำให้ต้องล็อกดาวน์ทั้งประเทศ ส่งผลให้เกิดความตึงเครียดอันมาจากปัญหาการใช้ชีวิตที่ไม่ปกติและการทำมาหากินที่ลำบากมาก แต่ “ถ้า” เราโชคร้ายกว่านั้น พบว่ามีการแพร่เชื้อเพิ่มเติมในพื้นที่ระยองจากเหตุการณ์ครั้งนี้ คงจะหนีไม่พ้นการล็อกดาวน์ทั้งจังหวัด ทำให้ทุกอย่างหยุดชะงักอีกรอบ ความตึงเครียดอาจจะกลับมาและมีโอกาสมากกว่าเดิมเนื่องจากหลายคนไม่เหลืออะไรแล้วจากการล็อกดาวน์ครั้งแรก

-คำถามสำคัญกลับมาอีกครั้ง: ในเมื่อก่อนหน้านี้รัฐบาลที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บอกเสมอว่าจำเป็นต้องใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เนื่องจากจะทำให้มีการบริหารงานแบบรวมศูนย์ ง่ายต่อการสั่งการ รวมอำนาจไว้ในมือนายกรัฐมนตรีแต่เพียงผู้เดียว และเมื่อมีอำนาจก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อการใช้อำนาจนั้นตามมาด้วย

กรณีนี้ก็เช่นกัน คุณจะรับผิดชอบอะไรจากมาตรการที่หละหลวม ให้อภิสิทธิ์แก่บางคนจนเกิดเรื่อง และคนที่ต้องมารับกรรมคือประชาชนคนหาเช้ากินค่ำ ผู้ประกอบการที่ยอมอดทนและให้ความร่วมมืออย่างดีเยี่ยม พนักงานโรงแรมที่ให้บริการแขกที่เข้าพักอย่างเต็มที่สุดความสามารถ แต่สุดท้ายกลับถูกกักตัวอดทำงาน 14 วัน รวม 12 คน

เด็กนักเรียนนับพันนับหมื่นคนที่ใจจดใจจ่ออยากกลับไปเรียนเต็มทีแล้ว คุณครูที่เตรียมการเรียนการสอนแบบ New Normal มาเป็นเดือนๆ พ่อค้าแม่ขายที่เตรียมสต็อกของไว้เต็มที่โดยหวังว่าสถานการณ์จะกลับมาปกติโดยเร็ว

คุณจะรับผิดชอบความผิดพลาดในการใช้อำนาจครั้งนี้อย่างไร???

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน