เปิดใจ! นักเรียนไทยในไต้หวัน ประกาศยืนข้างบ้านเกิด นัดชุมนุมใหญ่คู่ขนาน กลางกรุงไทเป 16 ส.ค.นี้ ลั่น อยากให้มาตุภูมิ เป็นประชาธิปไตยจริงๆ

กระแสการชุมนุมของนักศึกษา นักเรียน และประชาชนในประเทศไทย เพื่อส่งเสียงดังๆถึงรัฐบาล ให้ได้ยิน 3 ข้อเรียกร้อง ได้แก่ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การยุบสภา และหยุดคุกคามประชาชน ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดแล้วทั่วประเทศไทย ซึ่งไม่เพียงแต่เกิดขึ้นในเมืองไทยเท่านั้น ดูเหมือนว่าการชุมนุมดังกล่าว จะลามไปถึง “ชุมชนชาวไทย” ในประเทศต่างๆทั่วโลกอีกด้วย

วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม นี้ นอกจากจะมีการประกาศชุมนุมใหญ่ที่ประเทศไทย บริเวณอนุสารีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินแล้ว ในระดับต่างประเทศ ก็มีการนัดชุมนุมคู่ขนานเช่นเดียวกัน ซึ่งพวกเขาคือกลุ่มนักเรียนชาวไทย ที่เรียนและพักอาศัยอยู่ในกรุงไทเป ไต้หวัน โดยเขานัดชุมนุมกันที่ taipei main station ซึ่งเป็นศูนย์กลางสำคัญของเมือง

taipei main station

taipei main station

อัครวัฒน์ ศิริพัธนโชค หรือง้วง นักศึกษาปริญญาโทเศรษฐศาสตร์ประยุกต์และการพัฒนาสังคม แห่งมหาวิทยาลัยแห่งชาติเจิ้งจื้อ (National Chengchi University) หนึ่งในแกนนำการชุมนุม ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ “ข่าวสดออนไลน์” กับแรงบันดาลใจ ความคาดหวัง และวัตถุประสงค์ในการจัดการชุมนุมใหญ่ในครั้งนี้

อัครวัฒน์ ศิริพัธนโชค หรือง้วง

“พวกเราเห็นว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีการชุมนุมของนักศึกษา และประชาชนทั่วประเทศ เป็นปรากฏการณ์ทางการเมืองที่สำคัญ เพราะผู้ชุมนุมส่วนใหญ่เป็นเยาวชน และคนรุ่นใหม่ ถึงแม้ว่าเราจะอยู่ต่างประเทศ แต่เราก็มีความคิดถึงบ้านเกิดเมืองนอนอยู่ตลอดเวลา และอยากให้ประเทศเรามีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์เหมือนไต้หวันที่ที่พวกเราอยู่ พวกเราต้องการส่งกำลังใจให้ผู้ชุมนุมที่รักเสรีภาพ รักประชาธิปไตยในประเทศไทย ว่าพวกเราอยู่เคียงข้างพวกเขา และทุกคนไม่ได้ต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว” อัครวัฒน์ กล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการประกาศนัดชุมนุม

อัครวัฒน์ เล่าถึงแรงบันดาลใจในการจัดการชุมนุมครั้งนี้ว่า ไต้หวัน เป็นประเทศที่มีการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอย่างยาวนาน มีพรรคการเมืองและภาคประชาชนที่เข้มแข็ง กล่าวได้ว่า ไต้หวัน เป็นประเทศที่มีประชาธิปไตยก้าวหน้าที่สุดในเอเชีย และมีเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง

อีกทั้งไต้หวันเป็นประเทศที่พิสูจน์กับชาวโลกได้ว่า สามารถจำกัดการระบาดCOVID-19 ได้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง โดยไม่ได้ริดรอนเสรีภาพ และฉวยโอกาสในการใช้อำนาจเผด็จการในหลายๆประเทศ เราจึงอยากเห็นโครงสร้างสังคมที่ดีในไต้หวันเกิดขึ้นในประเทศไทย

“อย่างน้อย เราต้องการให้การเคลื่อนไหวของคนไทยที่รักประชาธิปไตยในต่างประเทศ เป็นโมเดลแก่คนไทยในประเทศอื่น เพื่อที่จะให้นานาชาติเข้าใจสถานการณ์ที่การละเมิดสิทธิมนุษยชนและความไม่เป็นประชาธิปไตยในไทยแก่คนต่างชาติ” นี่คือสิ่งที่ “ง้วง” หนุ่ม ป.โท ผู้อยู่ไกลบ้านคาดหวัง

อัครวัฒน์ กล่าวต่อว่า กว่าไต้หวันจะมีประชาธิปไตย ประชาชนต่อสู้กับระบอบเผด็จการพรรคก๊กมินตั๋งอย่างยาวนาน โดยคนไต้หวันต้องอยู่ภายใต้กฎอัยการศึกอยู่หลายทศวรรษ ซึ่งมีการประกาศใช้ยาวนานที่สุดอันดับสองในโลก รองจากซีเรียที่ปัจจุบันยังคงอยู่ภายใต้เผด็จการ

การต่อสู้ของขบวนการประชาธิปไตยในไต้หวัน ผนวกกับคลื่นประชาธิปไตยในช่วงปลายทศวรรษ 1980 เป็นต้นมา ทำให้เผด็จการพรรคก๊กไม่อาจต้านทานกระแสความต้องการของประชาชนไต้หวันที่ต้องการเสรีภาพและประชาธิปไตยได้ จึงยกเลิกกฎอัยการศึก และปฏิรูปแก้ไขรัฐธรรมนูญ จนกระทั่งมีประชาธิปไตย

โดยไต้หวันมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีโดยตรงจากประชาชนครั้งแรกในปี 1996 และในปี 2000 พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยพรรคการเมืองนี้มีประวัติศาสตร์ในการต่อสู้เผด็จการพรรคก๊กมินตั๋ง

อัครวัฒน์ ได้ยกตัวอย่างของ พรรคก๊กมินตั๋ง ซึ่งเคยเป็นจอมเผด็จการโดยพรรคในไต้หวัน ก็ยังยอมเข้าสู่สนามทางการเมืองที่เสรี และไม่แทรกแซงทางการเมืองอย่างเด็ดขาด หลังไต้หวันมีความเป็นประชาธิปไตย ซึ่งพวกเขาเห็นว่า มันถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลงให้ประเทศเราอยู่ในลู่ทางที่ถูกต้องอย่างประเทศประชาธิปไตยที่มีอารยะในโลกเสรี

และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกของ “ง้วง” หรืออัครวัฒน์ ในการเคลื่อนไหวทางการเมือง เมื่อตอนที่เขาอยู่เมืองไทย เขาคือวัยรุ่นคนหนึ่ง ที่เคลื่อนไหวทางการเมืองมาอย่างต่อเนื่อง เขาเคยร่วมเคลื่อนไหวกับ “คนอยากเลือกตั้ง” เรียกร้องให้ คสชช.คืนอำนาจให้กับประชาชน จนกระทั่งตัวเขาโดนดำเนินคดีฐานยุยงปลุกปั่น (ม.116) ถึง 2 คดี เมื่อปี 2561 มาแล้วอีกด้วย


 

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน