ความสุขของกบต้ม :คอลัมน์ ใบตองแห้ง

เผลอแป๊บเดียว วันลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ 15 ต่อ 10 ล้านเสียงก็ผ่านมาครบปี โดยยังไม่มีเลือกตั้ง โดยยังอยู่ใต้ ม.44 ซ้ำกฎหมายลูกยิ่งทำให้เห็นภาพ การเลือกตั้งถอยหลังจากที่คุ้นเคยกัน 20-30 ปี

พรรคการเมืองเลือกเข้าไปก็ไม่มีอำนาจ ไม่สามารถกำหนดนโยบาย อยู่ใต้ส.ว.แต่งตั้ง ยุทธศาสตร์ชาติ รัฐราชการ องค์กรอิสระ แต่ยังวางกฎกีดกันซะจนไม่มีใครอยากเป็นนักการเมือง แค่เป็นสมาชิกพรรคก็เสียสตางค์ เป็นกรรมการบริหารก็แหย่ขาข้างหนึ่งเข้าคุก

ระบบเลือกตั้งเขียนให้ใช้บัตรใบเดียว คุยว่าคะแนนไม่ตกน้ำ เอาคะแนนผู้สมัครทั้งประเทศมารวม คิดคำนวณ ส.ส.แต่ละพรรค เพื่อทำให้พรรคการเมืองเข้มแข็ง แถมบังคับทำไพรมารี่โหวต ให้สมาชิกร่วมเลือกผู้สมัคร แต่พอเขียนกฎหมายเลือกตั้ง กลับบอก ให้เลือกตัวบุคคล ให้แยกเบอร์สับสนไปแต่ละเขต

ทั้งย้อนแย้งระบบตัวเอง และทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก แต่ใครทักท้วงก็หาว่าดูถูกประชาชน

ไม่เท่านั้น ยังพิลึกถึงขั้นบังคับคนต้องไปเลือกตั้ง ถือเป็นหน้าที่เหมือนเสียภาษี ใครไม่ไปเสียสิทธิ ถูกริบความเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย ไม่สามารถหย่อนบัตรเลือกผู้แทน ทุกระดับเป็นเวลา 2 ปี

แต่นั่นละครับ สังคมไทยที่ครอบงำโดยคนชั้นกลางในเมือง ก็ไม่ยักสนใจ เห็นคนค้านมีแต่พรรคเพื่อไทย ก็ว่าค้านเพื่อ ตัวเอง ใครไม่เห็นด้วยเป็นพวกนักการเมืองชั่ว คนดีต้องไม่สนใจการเมือง ไม่เชื่อเรื่องการเข้าสู่อำนาจโดยชอบธรรม วันๆ โพสต์เรื่องสุขภาพ ส่งดอกไม้ คำคม พุทธวจนะ ฯลฯ แล้วปลื้มอกปลื้มใจกับการปฏิรูปตำรวจ แซ่ซ้องกฎหมาย 7 ชั่วโคตร นี่ไง อำนาจที่ตรวจสอบไม่ได้ปิดกั้นและเสรีภาพ กลับทำให้บ้านเมือง ใสสะอาด

หนึ่งปีผ่านไป 10 ล้านเสียงเหมือนถูกทำให้ไม่มีตัวตน ค้านไป ก็ไลฟ์บอย เผลอๆ โดนข้อหาบ่อนทำลายความมั่นคง ขณะที่คนอีก 15 ล้านเสียงอยู่ไหนไม่ทราบ

คนไทยส่วนใหญ่อยู่ที่ไหน คนไทยส่วนใหญ่น่าจะมีความสุขกับสังคมก้มหน้า เปิดวาร์ปดารา ดราม่าออนไลน์ เชียร์ทีมชาติไทย ลุ้นคู่จิ้นฟินเว่อร์ ถ่ายเซลฟี่อาหารหรือเที่ยวเมืองน่าน ฯลฯ

ก็ไม่ได้บอกว่าไม่สนใจปัญหาสังคมเสียเลย สนใจสิ “ชาวเน็ต” พึงพอใจกับการได้พิพากษาคลิปดราม่าต่างๆ ตั้งแต่เรื่องระดับบ้านๆ ไปจนบิ๊กไบก์ อาจารย์มหาวิทยาลัย จ่าทหาร บางทีก็มีคลิปอัยการ ผู้พิพากษา ที่ทำให้ดูเหมือนว่าสังคมไทยยังมีความเป็นธรรม ความยุติธรรม โดยลูกขุนออนไลน์ ขณะที่เรื่องใหญ่ๆ ในบ้านเมืองหาหลักการหาเหตุผลไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร

ดูเหมือนสังคมไทยพึงพอใจกับสภาพบ้านเมืองอย่างนี้ บ้านเมืองที่มีผู้นำพร่ำบ่นเรื่องคุณธรรม วิพากษ์จิตใจคนไทยบกพร่อง ขาดภูมิคุ้มกันทางศีลธรรม แม้ตัวเองไม่เปิดฟังแต่ก็ชอบ คนไทย ชอบผู้นำที่บอกว่าเป็นคนดี พูดเพราะ สุภาพเรียบร้อย เหมือนชอบ ขับรถสีขาวติดสติ๊กเกอร์ “รถคันนี้สีดำ” เหมือนทำธุรกิจโกยกำไร แต่โฆษณาว่าเพื่อสังคมแล้วได้ลดภาษี

อำนาจจะใช้อย่างไรก็ตามสบาย ตราบใดที่ไม่กระทบคน วงกว้าง แบบห้ามนั่งหลังรถกระบะ แบบออกพ.ร.ก.แรงงานต่างด้าว แล้วต้องแก้ด้วย ม.44 แต่ถ้าเป็นเรื่องกติกาทางการเมือง ก็ช่างหัวนักการเมือง ถ้าเป็นเรื่องกระทบสิทธิคนส่วนหนึ่ง ในสังคม คนส่วนอื่นไม่เห็นเดือดร้อนอะไร ให้ถึงตัวเองก่อน ค่อยว่ากัน

ประเทศวันนี้ ไม่ใช่แค่ “ต้มกบ” ทางเศรษฐกิจ แต่อยู่ในหม้อเดียวกันทั้งทางการเมือง สังคม โดยคนจำนวนมากไม่รู้สึก ไม่เห็นว่าเกี่ยวกับตัวเอง อยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ ก็ไม่เห็นเดือดร้อนอะไร มีปัญหาก็โวยในโลกโซเชี่ยล เดี๋ยวรัฐบาลก็แก้ไข คนชั้นกลาง ข้าราชการ มนุษย์เงินเดือน ยังมีเงินจับจ่าย ภาคธุรกิจ กลุ่มทุน ก็พึงพอใจ จับจองที่นั่งหาเส้นสายในโครงสร้างอำนาจที่แน่นอน

ทั้งที่ความจริงนี่คือสถานการณ์ชั่วคราว ซึ่งยังมองไม่เห็นอนาคต ว่าจะอยู่กันอย่างไรใน 5 ปี 10 ปีข้างหน้า ไม่เห็นทิศทางที่จะปรองดองกับ 10 ล้านเสียงโดยไม่ต้องใช้อำนาจบังคับ ไม่เห็น โอกาสที่จะได้รัฐบาลซึ่งบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องใช้ ม.44

อย่าว่าโง้นว่างี้เลย ถ้ามีเลือกตั้ง มีนายกฯ คนนอกหรือคนในก็ตาม ถ้าไม่ใช่ลุงตู่ คนอื่นก็ไม่น่าจะปกครองประเทศได้ แต่ลุงตู่ ที่ไม่มี ม.44 นึกภาพไม่ออกเหมือนกันว่าจะบริหารอย่างไร

รีบๆ มีความสุขเข้าไว้นะครับ ในช่วงที่หม้อต้มยังไม่ รู้สึกร้อน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน