เบิร์ธเดย์ป้อมคึก ครม.-ผบ.เหล่าทัพแห่อวยพร บิ๊กตู่โวยข่าวโผทหาร ลั่นไม่มีแก๊งบูรพาพยัคฆ์ เพื่อไทยร่อนจ.ม.เปิดผนึก จี้ทบทวนระบายข้าวอีก ชี้เปิดช่องทุจริตอื้อ เรียกร้องเอาผิดคนโกงเหมือนอย่างที่พูด ประธาน กกต.ขอบคุณเซ็ตซีโร่ ไม่ต้องรับผิดชอบเลือกตั้งครั้งหน้า ระบุแยกเบอร์รายเขตทางปฏิบัติวุ่นแน่ แถมเปิดช่องทุจริตเลือกตั้ง เตรียมเชิญ “มีชัย” ชมสาธิตวิธีป้องกันบัตรเลือกตั้งผี

“บิ๊กตู่”ลั่นครม.มีสติปัญญา

เมื่อวันที่ 11 ส.ค. ที่สถานีรถไฟฟ้าเตาปูน เขตบางซื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในพิธีเปิดให้บริการโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงเตาปูน-บางซื่อ ภายใต้ชื่องาน “ร่วมใจ เชื่อมสุข เพื่อประชาชน” ตอนหนึ่งว่า การปฏิรูปจำเป็นต้องทำตั้งแต่วันนี้ บางคนบอกไม่ต้องใช้กฎหมาย เดิมมีกฎหมายแต่บังคับใช้ไม่ได้ ดังนั้น ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย คดีความขึ้นกับศาลและกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่เรื่องของตน เพราะไม่ใช่เปาบุ้นจิน ผิดถูกก็ต้องว่ากันตามกฎหมาย ขอย้ำว่ายุทธศาสตร์ชาติไม่ได้เขียนบังคับ แต่เขียน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ไม่เป็นธรรมเท่านั้น ซึ่งไม่รู้ว่าจะกลัวอะไรกันนักหนา และอนาคตจะทำต่อหรือไม่ก็เป็นเรื่องของรัฐบาลใหม่ที่ประชาชนเลือกเข้ามา และยืนยันว่าไม่ใช่วิธี ที่ผิด

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า โครงการช่วย เหลือผู้มีรายได้น้อยต่างๆ ไม่ใช่จะอนุมัติทุกโครงการที่เสนอขึ้น แต่ ครม.และตนมีสติปัญญาและมีความคิด และต้องการสร้างความเข้าใจให้ประชาชน ต้องสร้างหลักคิดใหม่ เพื่อพ้นกับดักประเทศรายได้ปานกลาง กับดักประชาธิปไตย และความขัดแย้ง โดยอาศัยความร่วมมือจากต่างประเทศ และจำเป็นต้องพูดสยบความขัดแย้งให้ได้

โวยไม่มีแก๊งบูรพาพยัคฆ์

จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงการเข้าอวยพรวันคล้ายวันเกิดของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ว่า ตนอวยพรพล.อ.ประวิตรทุกวัน รู้จักมาตั้งแต่ปี 2519 การอวยพรให้กับคนอันเป็นที่รัก คนใกล้ชิด ไม่จำเป็นต้องเป็นวันคล้ายวันเกิด หรือวันครบรอบวันแต่งงาน เราอวยพรได้ทุกวันเพราะเรารักเขา ก็หวังให้ต่างคนต่างมีความสุข มีสุขภาพแข็งแรง นั่นคือความผูกพันทางจิตใจ ไม่ใช่เพื่อสิ่งนั้นสิ่งนี้

“ผมไม่เคยมีอะไรที่เป็นผลประโยชน์ ไม่ใช่แก๊งที่ไปเขียนกันว่าเป็นแก๊งบูรพาพยัคฆ์หรือแก๊งวงศ์เทวัญ สื่อไปตั้งกันมาเองว่าหน่วยงานในกรุงเทพฯ เป็นกลุ่มวงศ์เทวัญ ส่วนต่างจังหวัดก็เป็นแก๊งบูรพาพยัคฆ์ตามทิศของหน่วยที่ตั้ง ตั้งกันไปเองทั้งนั้น แล้ววันต่อไปคนเหล่านี้ขึ้นมารับตำแหน่งข้างบน กลายเป็นว่าบูรพาพยัคฆ์มีมากขึ้น ปีนี้เป็นรอบของกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ อะไรของมันว่ะ ยืนยันว่าพวกผมไม่ได้ทำงานกันแบบนั้น” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ยันโยกย้ายตามครรลองทหาร

เมื่อถามว่าวันนี้บัญชีรายชื่อแต่งตั้งนายทหารประจำปีถึงมือแล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอย่างมีอารมณ์ฉุนเฉียวว่า ทำไมพวกคุณมีชื่ออยู่ในโผด้วยหรือเปล่า เมื่อไม่ได้อยู่เดี๋ยวรายชื่อก็ออกกันมาเอง เขาเพิ่งประชุมกันเมื่อวันที่ 10 ส.ค. แล้ววันนี้จะถึงมือตนได้อย่างไร เมื่อเขาประชุมเสร็จก็ต้องไปพิมพ์ รวมทั้งเซ็นลงนามก่อนส่งขึ้นมาที่ตน เพื่อลงนามอนุมัติก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ต่อไปตามขั้นตอน

“แล้ววันนี้ใครดำรงตำแหน่งอะไรบ้าง มีญาติพวกคุณเป็นด้วยหรือเปล่า ถ้าไม่มีญาติก็ไม่ต้องไปยุ่งกับเขา หาคนดีๆ ให้เข้ามาเป็น เขาเป็นได้อยู่แล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามครรลองของหน่วยงานทหาร ไม่ต้องไปเขียนให้บางคนขึ้นมาอยู่ตรงนั้นตรงนี้ ทั้งวันนี้ยังเป็นรอง อยู่ในระดับล่าง แต่กลับไปเขียนว่าเป็นตัวแข่งขัน มันจะเป็นไปได้อย่างไร ทุกอย่างเสียหมด คนที่อยู่ระดับล่างก็ไม่เข้าใจ อย่าลืมว่าก่อนขึ้นเป็นแม่ทัพต้องเป็นรองแม่ทัพมาก่อน และก่อนขึ้นเป็นผู้ช่วย เป็น 5 เสือ ต้องเป็นแม่ทัพก่อน หรือเป็นระดับพลโท จากนั้นขึ้นมาเป็น ผบ. ซึ่งทั้ง 5 คนมีโอกาสขึ้นเป็น ผบ.ทั้งสิ้น ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะข้ามมาเป็น มันเป็นไปได้ที่ไหน วันนี้ผมตอบหมดแล้ว ทะเลาะมาเยอะแล้ว แต่เป็นการทะเลาะเพราะความรัก” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

บ่นสิทธิ-อนุรักษ์ทำพัฒนาติดขัด

ค่ำวันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในรายการศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ตอนหนึ่งว่า การที่มีบางกลุ่ม บางฝ่ายอ้างหลักสากลบ้าง สิทธิมนุษยชนบ้าง หรือการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมบ้าง ตนอาจกล่าวได้ว่าถูกต้อง แต่พอเอามาผสมโรงกันมันทำให้ทำอะไรไม่ได้เลย พัฒนาก็ไม่ได้ แต่ความเสียหายมันเกิดขึ้น ทุกครั้ง ทุกวัน ฉะนั้นเราจะทำอย่างไรให้ทุกอย่างเดินหน้าไปพร้อมกัน ให้มันเกิดผลกระทบระหว่างกันให้น้อยที่สุด ไม่เช่นนั้นปัญหาจะตกอยู่ที่ประชาชน เกษตรกรผู้มีรายได้น้อย

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การแก้ปัญหาประเทศต้องเริ่มที่คุณภาพของคน ซึ่งเราตั้งเป้าหมายการพัฒนาคนตามร่างกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี พัฒนาคนให้มีศักยภาพ มีความพร้อมทั้งกาย ใจ และสติปัญญา มีความรับผิดชอบ มีจิตสำนึกที่ดีงาม เพื่อนำไปสู่งานและรายได้ที่สร้างความมั่นคงให้ชีวิต ครอบครัวอบอุ่น ชุมชนเข้มแข็ง รวมถึงสังคมมีความปรองดอง สามัคคี สามารถผนึกกำลังเพื่อพัฒนาประเทศได้ต่อไป แต่การบรรลุเป้าหมายไม่ใช่เรื่องง่าย คิดแล้วพูดอย่างเดียวไม่ทำมันก็ไปไม่ได้ พอเริ่มทำไปแล้วปัญหาก็เข้ามาทับถม ต้องแก้กันไป ทำกันไป อย่าใจร้อน

ในหลวงพระราชทานแจกันให้ป้อม

เมื่อวันที่ 11 ส.ค. พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 07.20 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้แทนพระองค์ เชิญแจกันดอกไม้พระราชทาน แก่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในวันคล้ายวันเกิดครบ 72 ปี ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด

ขณะที่พล.อ.ประวิตร พร้อมครอบครัว เดินทางไปทำบุญที่วัดพระศรีมหาธาตุวรวรมหาวิหาร บางเขน เนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบ 72 ปี ก่อนจะเดินทางกลับเข้ามายังบ้านพักรับรองมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) จากนั้นไปทำบุญถวายสังฆทาน ที่วัดชนะสงคราม ก่อนกลับเข้ามาในมูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัดอีกครั้งเพื่อ ต้อนรับผบ.เหล่าทัพ ที่มาอวยพร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับครม.ที่เข้าร่วมอวยพร อาทิ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พล.อ. อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ

ตู่รุดอวยพรวันเกิด 72 ปี

ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เข้าอวยพรพล.อ.ประวิตร ก่อนเดินทางกลับทำเนียบรัฐบาล โดยพล.อ.ประยุทธ์ เปิดเผยว่า ตนอวยพรพล.อ.ประวิตร มาตั้งแต่ปี 2519 ยืนยันว่าพล.อ.ประวิตรแข็งแรงดี แม้จะเพิ่งเข้ารับการรักษาตัวมาไม่นาน ท่านอยู่กับตนทั้งชาติแหละ ทั้งนี้ไม่มีการหารือกันในเรื่องโผทหาร

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า นายกฯ มาอวยพรให้กำลังใจ ซึ่งวันนี้มีน้องๆ มาอวยพรและตนอายุ 72 ปีแล้ว อยากให้ขาของตนเดินได้ปกติ และอยากให้บ้านเมืองมีความเจริญก้าวหน้า มีความสงบเลิกขัดแย้งกัน ซึ่งรัฐบาล และคสช.ทำงานมา 3 ปีแล้ว ความขัดแย้งน่าจะลดน้อยไป ส่วนการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี 2560 หลังจากประชุมคณะกรรมการปรับย้ายไปเมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา ทุกอย่างจบไปแล้วและไม่มีปัญหา เรียบร้อยดี และนำโผทหารส่งให้นายกฯ เรียบร้อยแล้ว

เพื่อไทยจี้ทบทวนระบายข้าว

วันเดียวกันนี้ พรรรคเพื่อไทย ออกจดหมายเปิดผนึกถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) เพื่อขอให้ตรวจสอบและทบทวนวิธีการระบายข้าวในสต๊อกของรัฐบาล ซึ่งเก็บรักษาไว้ในโกดังของเอกชนในจังหวัดต่างๆ มีข้อเท็จจริงปรากฏว่าคณะทำงานระบายข้าวส่อพฤติกรรมไม่โปร่งใสและทุจริตเป็นขบวนการ ตั้งแต่ระดับนโยบายจนถึงผู้ปฏิบัติ สร้างความเสียหายแก่รัฐ โดยเจ้าของโกดังและคลังสินค้าที่รับเก็บรักษาข้าวได้เรียกร้องให้มีการทบทวนการประมูลข้าว แต่รัฐบาลและคสช.เพิกเฉย และให้ทหารเข้าไปควบคุมการเข้าถึงข้อมูลของสื่อมวลชนในการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว

พรรคเพื่อไทยเห็นว่า การกำหนดนโยบายและการดำเนินการระบายข้าวของ นบข. และคณะทำงาน เปิดช่องให้มีทุจริตและแสวงหาผลประโยชน์ทั้งโดยเจ้าหน้าที่รัฐและเอกชน ผู้ประมูลข้าว ดังนี้ 1.การจัดให้ข้าวสารในสต๊อกเป็นข้าวเกรดซี โดยไม่มีการตรวจสอบคุณภาพข้าวอย่างถูกต้องและทั่วถึง ทำให้ข้าวสารดังกล่าวไม่สามารถประมูลขายเพื่อการบริโภคของคน แต่ให้ใช้ไปเพื่อผลิตเป็นอาหารสัตว์หรือพลังงาน ทั้งที่โกดังต่างๆ จ้างบริษัทรักษาและดูแลสภาพข้าวสารอย่างดี และนำสภาพข้าวสารมาเปิดเผยต่อสาธารณะเพื่อยืนยันว่าข้าวสารดังกล่าวยังเป็นข้าวที่มีคุณภาพและใช้เพื่อการบริโภคของคนได้

ย้ำเกิดช่องทางทุจริตอื้อ

2.การจัดระดับข้าวสารเป็นเกรดซี ทำให้ข้าวสารคุณภาพดี กลายเป็นข้าวเสื่อมคุณภาพ เพื่อให้เกิดการประมูลขายในราคาต่ำกว่าความเป็นจริง 3.มีผู้เสนอซื้อข้าวสารในโกดังหลายแห่งในราคาที่สูง แต่คณะทำงานไม่ขาย แต่ไปขายให้บริษัทที่ประมูลในราคาต่ำกว่าการเสนอซื้อครั้งแรกมาก เช่น เสนอซื้อข้าวหอมมะลิ 100 % ชั้น 2 จำนวนกว่า 14,000 ตัน กิโลกรัมละ 11.25 บาท แต่ไม่ขาย โดยขายให้อีกบริษัทหนึ่งในราคากก.ละ 6.10 บาท ทำให้ผู้เข้าประมูลหลายรายและเจ้าของโกดังทำหนังสือคัดค้าน และขอให้ทบทวนการขาย และยังส่งผลให้รัฐได้รับความเสียหายจากการขายข้าวคุณภาพดีเป็นข้าวเสื่อมคุณภาพ มูลค่ากว่าหลายร้อยล้านบาท

4.ผู้ประมูลข้าวบางรายไม่มีศักยภาพทางการเงินเพียงพอที่จะประมูลข้าวจำนวนมากได้ และไม่พบว่าข้าวที่ประมูลได้ยังอยู่ในความครอบครอง พฤติการณ์ดังกล่าวเชื่อว่าจะมีบุคคลบางกลุ่มตั้งนอมินี เพื่อประมูลข้าวสาร เพื่อผลประโยชน์ที่จะนำข้าวดังกล่าวเข้าสู่ตลาดข้าวเพื่อบริโภคของคนต่อไป และ5.เมื่อข้าวสารที่ระบายไปเป็นข้าวมีคุณภาพที่คนกินได้ แต่นำไปประมูลข้าวในราคาข้าวเสื่อมคุณภาพ อาจเป็นไปได้ว่าจะนำข้าวดังกล่าวกลับมาขายให้เป็นข้าวบริโภคของคน เกิดช่องทางทุจริตในส่วนต่างราคาข้าวจำนวนมาก

เรียกร้องเอาผิดคนโกงอย่างที่พูด

จากการที่พรรคส่งตัวแทนพบปะพูดคุยกับเจ้าของโกดังหลายแห่ง พบว่ามีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง หากไม่มีการระงับยับยั้งหรือยกเลิกการประมูลที่ดำเนินการไปแล้ว จะทำให้รัฐได้รับความเสียหายจากการระบายข้าวจำนวนมาก

ดังนั้น เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ขอให้นายกฯ มีคำสั่งให้ตรวจสอบการระบายข้าวในสต๊อกของรัฐบาล ในปี 2560 หากพบว่ามีการระบายข้าวจากข้าวคุณภาพดีที่คนบริโภคได้ ไปขายเป็นข้าวเสื่อมคุณภาพ ให้ยกเลิกการประมูลขายดังกล่าว และตรวจสอบคุณภาพข้าวดังกล่าวใหม่ด้วยวิธีที่มีมาตรฐานและได้รับการยอมรับ ตรวจสอบหาผู้กระทำผิดหากพบว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐคนใดทุจริตและแสวงหาประโยชน์จากโครงการ ให้ดำเนินการทางกฎหมายอย่างจริงจัง เหมือนกับที่นายกฯและหัวหน้า คสช.ประกาศไว้

ณัฐวุฒิเย้ยผู้มีอำนาจร้อนรนคดีปู

ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า มีข้อสังเกตที่น่าสนใจในสถานการณ์ก่อนวันที่ 25 ส.ค. เพราะขณะที่ตัวจำเลยคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งยืนยันหนักแน่นว่าไม่ได้ทำอะไรผิด ดูสงบนิ่งเยือกเย็น แต่ฝ่ายผู้มีอำนาจกลับดูร้อนรนเหมือนคนรู้ตัวว่ากำลังทำผิดหรือไม่ ทั้งแจ้งดำเนินคดีกับผู้แสดงความคิดเห็น ปิดสถานีโทรทัศน์พีซทีวี หรือตรวจสอบองค์กรปกครองท้องถิ่น อ้างว่ามีความเคลื่อนไหวใช้งบประมาณขนคนมาให้กำลังใจจำเลย ซึ่งถ้าพิจารณาด้วยเหตุผล เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีเรื่องแบบนี้ มีคนสงสัยว่าน่าจะเป็นเรื่องที่ สตง.ชงให้รัฐบาลตบเพื่อกดดันผู้นำท้องถิ่นมากกว่า

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า แม้กระทั่งการลงพื้นที่มอบทุนช่วยเหลือโรงเรียนที่ประสบภัยน้ำท่วมในภาคอีสานของแกนนำ นปช. ระหว่างวันที่ 12-13 ส.ค. ก็ถูกจับตามองจากฝ่ายความมั่นคง มีการเชิญตัวแทนของเราเข้าพบ ซึ่งได้ชี้แจงที่มาและรายละเอียดกิจกรรมอย่างชัดเจน และแสดงหลักฐานการดำเนินการแบบเดียวกันในพื้นที่ภาคใต้ ทั้งนี้ จะมีเจ้าหน้าที่เข้าสังเกตการณ์ในทุกจุดที่มีการมอบทุนช่วยเหลือ ซึ่งตนตอบไปแล้วว่าไม่ขัดข้อง แต่แปลกใจอยู่บ้างว่ากลุ่มอื่นๆ เช่น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ลงไปในพื้นที่นั้น มีแนวปฏิบัติแบบเดียวกันหรือไม่

ลั่นพร้อมเป็นโชว์รูมอยุติธรรม

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ส่วนการเรียกร้องให้พิจารณากรณีสลายการชุมนุมปี 2553 ใหม่นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมและเรียบเรียงข้อมูลทั้งเก่าและใหม่ให้สมบูรณ์ ซึ่งจะเดินทางไป ป.ป.ช.ในสัปดาห์หน้า แม้การทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.ที่ผ่านมาคงคาดหวังอะไรได้ไม่มากนัก และการขับเคลื่อนของ นปช.ก็ลำบากยากเข็ญ ไม่รู้จะหาความเป็นธรรมจากไหน แต่พร้อมทำหน้าที่เป็นโชว์รูมแสดงความอยุติธรรมสารพัดรูปแบบให้สังคมได้เห็น เพราะตนเชื่อว่าความอยุติธรรมไม่จำเป็นต้องเกิดกับตัวเอง แต่ถ้าเห็นเกิดขึ้นต่อหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะทำให้คนในสังคมเกิดความรู้สึกร่วมกันได้

ศุภชัยติงไม่ซ้ำเบอร์ปฏิบัติยาก

นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) มีแนวคิดให้ผู้สมัครส.ส.จับเบอร์รายเขต ว่า เกรงจะเกิดความยุ่งยาก เพราะต้องดำเนินการทั้ง 350 เขต ทำให้การพิมพ์บัตรเลือกตั้งไม่เป็นความลับ เพราะต้องแยกพิมพ์ในโรงพิมพ์แต่ละจังหวัด กลายเป็นบัตรโหล อาจเกิดการปลอมแปลงบัตรขึ้นได้ เพราะโรงพิมพ์ในต่างจังหวัดมีศักยภาพไม่เท่าโรงพิมพ์ส่วนกลาง เช่น โรงพิมพ์ส่วนกลางมีการใส่ลายน้ำ รหัสโค้ดลับขนาดเล็กที่ไม่ใครสังเกตได้ เพื่อป้องกันการปลอมแปลงบัตร

นายศุภชัยกล่าวว่า เบื้องต้นยังเป็นเพียงแนวคิดของ กรธ. ยังไม่ได้ข้อยุติ แต่หากมีข้อยุติแล้ว กกต.อาจจะทำหนังสือ เพื่อเสนอความเห็นไปยังกรธ. เพราะหากเห็นว่าสิ่งใดส่อไม่สุจริต เราต้องเสนอความเห็นเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการเลือกตั้ง

ขอบคุณเซ็ตซีโร่ช่วยไม่ต้องเสี่ยง

“ขอบคุณ สนช.ที่เซ็ตซีโร่พวกผม ขอบคุณจากใจจริง ไม่ได้ประชดประชัน เพราะพวกผมจะได้ไม่ต้องมาจัดการเลือกตั้งที่วุ่นวายในอนาคต เพราะกติกาใหม่จะทำให้ฝ่ายปฏิบัติตกอยู่ในภาวะเสี่ยง ทำงานยาก การจับเบอร์รายเขต การพิมพ์บัตรใบเดียวจะมีความวุ่นวายเกิดขึ้นมาก อีกทั้งการที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.ระบุว่าหากมีปัญหา กกต.ต้องรับผิดชอบ ซึ่งการให้พวกเราพ้นจากตำแหน่งก็ไม่ต้องมารับผิดชอบ ไม่ต้องมาเสี่ยง” นายศุภชัยกล่าว

นายศุภชัยกล่าวถึงพรรคการเมืองเสนอให้ปลดล็อกเพื่อทำกิจกรรมได้ ว่า เป็นเรื่องที่ดีเพราะพรรคจะได้ไปเตรียมการ เช่น ระบบไพรมารี่โหวตจะต้องหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง จะได้ดำเนินการให้ทันตามกรอบเวลา แต่เป็นดุลยพินิจของ คสช. กกต.ไม่ขอก้าวล่วง แต่หากคสช.มองว่าการปลดล็อกพรรคจะทำให้เกิดความวุ่นวายนั้น ขณะนี้มีกฎหมายห้ามชุมนุมเกิน 5 คน ควบคุมอยู่ และตนมองว่าพรรคคงไม่ก่อความวุ่นวาย แต่การปลดล็อกครั้งนี้เพื่อให้พรรคได้ทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์ เตรียมตัวรับการเลือกตั้งและกติกาใหม่ๆ

เชิญ”มีชัย”ชมวิธีป้องบัตรปลอม

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ให้สัมภาษณ์ว่า ในช่วงวันที่ 9-12 ส.ค. ด้านบริหารกิจการการเลือกตั้งได้มีการสัมมนาผู้บริหารนอกสถานที่ เพื่อพิจารณายกร่างคู่มือที่เกี่ยวข้องกับเลือกตั้ง โดยเป็นคู่มือเกี่ยวกับการเลือกตั้งส.ส. 10 เล่ม และคู่มือเกี่ยวกับส.ว. 5 เล่ม ที่ประชุมมีการอภิปรายถึงการเปลี่ยนแปลงในวิธีการจัดการเลือกตั้งที่กรธ.ได้นำเสนอมา และเห็นว่ามีหลายเรื่องที่อาจไม่เป็นผลดี และเป็นปัญหาอุปสรรคต่อการจัดการของกกต.ในอนาคต เช่น กรณีให้พรรคการเมืองมีหมายเลขที่แตกต่างกันไปในแต่ละเขตเลือกตั้ง ทำให้ต้องกระจายการพิมพ์บัตรและมีผลต่อความย่อหย่อนมาตรการรักษาความปลอดภัยของบัตร และเป็นปัญหาการจัดการอย่างมาก ในกรณีที่มีการเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัดและนอกราชอาณาจักร

นายสมชัยกล่าวว่า ในวันที่ 17 ส.ค. เวลา 10.00 น. ทางสำนักงานกกต. จะสาธิตการเลือกตั้งจำลองในกรณีที่บัตรเลือกตั้งมีความแตกต่างกัน 350 แบบ และแสดงตัวอย่างความแตกต่างของบัตรที่มีระบบความปลอดภัยขั้นสูง เช่น การใช้ Micro letter, การซ่อนลายน้ำที่ต้องอ่านด้วยรังสี UV, การซ่อน Audio code ในบัตรเลือกตั้ง ซึ่งเป็นมาตรการการป้องกันการปลอมแปลงบัตรที่ กกต.เคยใช้มาในอดีต โดยจะเชิญนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.หรือตัวแทน มาร่วมชมการสาธิต เพื่อให้เกิดความเข้าใจในการปฏิบัติงานและหาทางออกร่วมกันอย่างเหมาะสมและเป็นไปอย่างกัลยาณมิตร หาก กรธ.และสนช. ยังเห็นสมควรจะพิมพ์บัตร 350 แบบ กกต.ก็พร้อมน้อมรับแนวคิดดังกล่าวไปดำเนินการ

อจ.ค้าน”ม.44″แทรกแซงมหา”ลัย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครือข่ายคณาจารย์และบุคลากรอุดมศึกษาไทย ได้ออกแถลง การณ์ คัดค้านใช้มาตรา 44 แทรกแซงการบริหารมหาวิทยาลัย โดยระบุว่า ตามที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้อำนาจตามมาตรา 256 ร่วมกับมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ออกคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 37/2560 เรื่องการแก้ไขปัญหาการบริหารงานของสถาบันอุดมศึกษา ลงวันที่ 9 ส.ค.2560 อ้างว่าการบริหารงานของอุดมศึกษาของรัฐที่ผ่านมา มักปรากฏปัญหาการได้มาซึ่งผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหาร และส่งผลขัดขวางต่อการปฏิรูปการศึกษา จึงเห็นควรให้แต่งตั้งบุคคลใดที่มิได้เป็นข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา หรือเป็นพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา มาดํารงตําแหน่งอธิการบดี รองอธิการบดี ผู้ช่วยอธิการบดี คณบดีหรือหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะได้ ทั้งยังให้อำนาจแก่นายกฯ หรือครม. ให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งดังกล่าวได้โดยเสนอต่อคสช. หากเห็นสมควร

แถลงการณ์ ระบุว่า คำสั่งของ คสช. ดังกล่าว ถือเป็นการใช้อำนาจภายใต้การนำของรัฐบาลทหาร เข้าแทรกแซงการบริหารจัดการกิจการของมหาวิทยาลัย ซึ่งมีกฎระเบียบบริหารและจัดการมหาวิทยาลัยอยู่แล้ว คำสั่งดังกล่าวจึงไม่เป็นธรรม และเป็นคำสั่งที่ออกมาโดยมิได้ผ่านการปรึกษาหารือกับประชาคมนักวิชาการและบุคลากรภายในสถาบันอุดมศึกษา การเปิดช่องให้แต่งตั้งบุคคลที่มิได้สังกัดสถาบันอุดมศึกษา มาดำรงตำแหน่งที่มีความสำคัญต่อการบริหารมหาวิทยาลัยได้ ยังสร้างข้อกังขา เกรงจะถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือการเมือง ตั้งแต่ระดับสถาบันจนถึงคณะและภาควิชา

คำสั่ง คสช.ดังกล่าว เป็นความพยายามอย่างต่อเนื่องของรัฐบาลที่จะแทรกแซงความเป็นอิสระของสถาบันอุดมศึกษา นับตั้งแต่เอาผู้บริหารของมหาวิทยาลัยของรัฐเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัฐ ผ่านการแต่งตั้งสมาชิกสนช. ดังนั้น เครือข่ายคณาจารย์ฯ จึงขอเรียกร้องให้ยกเลิกคำสั่งหัวหน้าคสช.ดังกล่าว และให้รัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร ยุติการกระทำการใดๆ ที่แทรกแซงมหาวิทยาลัยอีกต่อไป

260 นักวิชาการลงนามหนุน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีคณาจารย์และนักวิชาการ จากมหาวิทยาลัยทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมลงชื่อ 260 คน อาทิ ศ.(พิเศษ)ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ Southeast Asian Study มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.), ศ.ดร.อรรถจักร สัตยานุรักษ์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.), ศ.ดร.เกษียร เตชะพีระ คณะรัฐศาสตร์ มธ., ศ.ดร.โสรัจจ์ หงศ์ลดารมณ์ จุฬาฯ, ศ.ดร.ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ มธ., ศ.ดร.ธเนศวร์ เจริญเมือง คณะรัฐศาสตร์ มช.

ดร.กรพินธุ์ พัวพันสวัสดิ์ สังกัดวิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสาร คาม, กิตติ วิสารกาญจน มหาวิทยาลัยศิลปากร, รศ.ดร.กฤตยา อาชวนิชกุล มหาวิทยาลัยมหิดล, ดร.เกษมพัฒน์ พูลสวัสดิ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์, งามศุกร์ รัตนเสถียร สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล, รศ.ดร.ฉลอง สุนทราวาณิชย์ ข้าราชการบำนาญ, ดร.ชลิตา บัณฑุวงศ์ ภาคสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์

ชำนาญ จันทร์เรือง มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน, รศ.ดร.ไชยันต์ รัชชกูล คณะรัฐศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา, ซัมซู สาอุ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี, สาวตรี สุขศรี คณะนิติศาสตร์ มธ., ดร.เอกพันธุ์ ปิณฑวณิช สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นต้น

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน