กองทัพเรือแถลงโต้จีทูจีเรือดำน้ำเก๊ ขอหยุดสร้างความเกลียดชัง ซัดเห็นแก่ตัวที่สุด ขอให้เปลี่ยนมุข โวโพลเนชั่นชี้ประชาชนอยากได้

เมื่อวันที่ 24 ส.ค. กองทัพเรือแถลงชี้ปมจัดซื้อเรือดำน้ำเพิ่ม 2 ลำ วงเงิน 22,500 ล้านบาท โดยพล.ร.ท.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า การใช้เงิน 22,500 ล้านบาทไม่ได้จัดซื้อในปี 2564 ครั้งเดียว แต่เป็นแบ่งจ่ายใน 7 ปี ดังนั้นการกล่าวหาเช่นนี้ถือเป็นการสร้างความเกลียดชังให้สังคม เรื่องนี้เป็นความลับของราชการ รัฐบาลได้จัดหางบประมาณมาช่วยเหลือและแก้ปัญหาประชาชนทุกด้าน

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

“การนำเนื้อหาการจัดซื้อมาโจมตีและให้ข่าวที่ผิด ทั้งใช้เงินฟุ่มเฟือย ถือเป็นเรื่องการเมืองและเห็นแก่ตัวที่สุด จะยอมให้นักการเมืองนำเรื่องไม่จริงมาสร้างความเดือดร้อนทำไม จึงขอให้หยุดทำให้ประชาชนเกลียดชังกองทัพ ขอให้เปลี่ยนมุข เมื่อเช้าก็ดูช่องเนชั่น โพลบอกว่า 71 เปอร์เซ็นต์ ประชาชนอยากให้จัดซื้อเรือดำน้ำ ดังนั้นหยุดสร้างความเกลียดชังและก่อการรวมตัว ตอนนี้นายกฯมีภาระต่างๆมากมายอยู่แล้ว หากการต่อสู้ของรัฐบาลและฝ่ายค้านจะทำให้ประเทศชาติหยุดชะงัก และทำให้กองทัพเรือเป็นจำเลย จึงขอให้เล่นการเมืองอย่างสร้างสรรค์”

“กองทัพเรือเป็นกองทัพของประชาชน พอมีปัญหากองทัพเรือก็ช่วย ช่วงโควิดหน่วยงานไหนที่เข้าไปช่วยแรกๆ และหน่วยงานไหนคืนเงินช่วงโควิดหน่วยงานแรก แต่เมื่อสภาวะคลี่คลาย หน่วยงานก็ต้องเดินหน้า ด้วยการแบ่งจ่ายเป็นรอบๆ ใน 7 ปี”

พล.ร.อ.สิทธิพร มาศเกษม เสนาธิการทหารเรือ กล่าวว่า จากการที่กองทัพเรือเข้าชี้แจงอนุกมธ.วันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา ก่อนมีอนุกมธ.บางคนนำข้อมูลไม่ครบถ้วนมาแถลง โดยหวังผลทางการเมืองและสร้างผลกระทบต่อรัฐบาล ซึ่งการจัดซื้อเรือดำน้ำเป็นไปตามยุทธศาสตร์ แต่ที่ผ่านมาถูกโยงเป็นประเด็นการเมือง โดยประเทศไทยจัดหาเรือดำน้ำในปี 60 และจะมีประจำการในปี 66

ด้านพล.ร.ท.เถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์ เจ้ากรมยุทธการทหารเรือ กล่าวว่า กองทัพเรือพยายามจัดซื้อเรือดำน้ำและดำเนินการในปี 60 ปี 63 แม้มีคนกล่าวว่าจะไม่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ในเร็วๆ นี้ แต่ในทะเลจีนใต้ที่ใกล้ไทยนั้น มีหลายชาติประกาศความเป็นเจ้าของ มีการก่อสร้างสถานี และสนามบินเกิดขึ้น สิ่งเหล่านี้เป็นเหตุที่อาจทำให้เกิดการปะทะกันได้ หากเกิดการปะทะกัน นี่คือเส้นเลือดใหญ่ของไทยในการค้าและจะมีปัญหาตามมา โดยจะมีปัญหาในเวลาใกล้หรือไกลต้องรอประเมิน แต่การจัดซื้อเรือดำน้ำวันนี้อีก 6 ปีถึงได้รับ

“คำถามว่ากองทัพเรือจะได้เรือดำน้ำในปี 70 ซึ่งการเจรจาต่อชาติหากไม่มีกำลังที่เข้มแข็งจะมีผล ยกตัวอย่างต้นปีที่ผ่านมา มีเรือจากประเทศเพื่อนบ้านมาลาดตระเวนในทะเลของไทย แสดงให้เห็นว่าประเทศนั้นเกรงใจเราหรือไม่ แล้วอีก 7 ปีข้างหน้าเราจะเป็นอย่างไร ยืนยันว่าผลประโยชน์ของชาติ 24 ล้านล้านบาท ในการจัดซื้อเรือดำน้ำเมื่อเทียบกับผลประโยชน์ของชาติเท่ากับแค่ 0.093 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น”

ส่วนพล.ร.ท.ธีรกุล กาญจนะ ปลัดบัญชีทหารเรือ กล่าวว่า การจัดหาเรือดำน้ำอีก 2 ลำเป็นการจัดหาแบบต่อเนื่อง ไม่ใช่การผูกพันงบใหม่ โดยเป็นรายการเสริมสร้างกำลังกองทัพ โดยทยอยตั้งงบประจำปีตามกรอบ ไม่ได้ขอรับงบเพิ่มเติม ซึ่งงบนี้อยู่ในงบประมาณปี 63 แล้ว

โดยรายการนี้กำหนดว่าปี 63 จ่าย 3,375 ล้านบาท ปี 64 จ่าย 3,925 ล้านบาท ปี 65 จ่าย 2,640 ล้านบาท ปี 66 จ่าย 2,500 ล้านบาท ปี 67 จ่าย 3,060 ล้านบาท ปี 68 จ่าย 3,500 ล้านบาท ปี 69 จ่าย 3,500 ล้านบาท

“แต่ในช่วงโควิดระบาด จึงประสานไปยังจีนและขอคืนงบประมาณก้อนแรกปี 63 ที่ตั้งไว้แล้ว 3,375 ล้านบาท โดยเป็นการชะลอโครงการ รวมถึงโครงการอื่น เพื่อใช้แก้ปัญหาโควิด ซึ่งกองทัพเรือได้ปรับปรุงเนื้อหาใหม่ โดยมีกำหนดลงนามรัฐต่อรัฐในเดือนก.ย. โดยการจัดงบของกองทัพเรือ ทำโดยความรอบคอบและประหยัด ตระหนักถึงงบของชาติและตั้งงบในกรอบ โดยยืนยันงบ 22,500 ล้านบาท เป็นการจ่ายใน 7 ปี โดยใช้จ่ายตามงบประจำปี ด้วยการตัดงบจัดซื้อยุทโธปกรณ์อื่นลง”

ขณะที่น.อ.ธาดาวุธ ทัดพิทักษ์กุล รองผอ.สำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์ทหารเรือ กล่าวว่า ตามที่มีผู้ให้ข่าวการจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 1 ส่อเป็นโมฆะนั้น ยืนยันกองทัพเรือไม่พูดเท็จต่อประชาชน และเราไม่ได้อยากซื้อแล้วจะซื้อ เรามียุทธศาสตร์และวิเคราะห์ โดยเรือดำน้ำมีความจำเป็นต่อประเทศ เพื่อสร้างความมั่งคั่งและผาสุข โดยเฉพาะสมบัติทางทะเล เราไม่ได้คิดแค่ปีสองปีถึงจัดซื้อเรือดำน้ำ เพื่อเสริมอำนาจการต่อรอง และมีกำลังไปคุยกับคนอื่นได้ ก่อนเสนอครม.และเห็นชอบซื้อเรือดำน้ำ 3 ลำเมื่อปี 58 ก่อนองค์กรต่างๆ จะประสานงานและพิจารณา โดยเห็นว่าเรือจากจีนคุ้มค่าสุด

“ส่วนที่บอกว่าจีทูจีปลอม ถือเป็นการกล่าวเท็จและข้อมูลที่ผิด ยืนยันเป็นจีทูจีจริง จึงขออย่าสร้างความแตกแยก โดยรัฐบาลมองว่าการซื้อเรือดำน้ำแบบจีทูจีเป็นความเห็นชอบและตรวจสอบจากหลายหน่วยงาน ก่อนรัฐบาลสั่งการให้กองทัพเรือดำเนินการและเมื่อวันที่ 1 พ.ค.60 ผบ.ทร.ในขณะนั้น จึงอนุมัติให้พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ เสนาธิการทหารเรือในตอนนั้น ไปลงนาม ซึ่งมีการมอบอำนาจชัดเจน ส่วนจีนมีการสั่งการซัสตินและมอบอำนาจให้บริษัท ซีเอสโอซี ที่รับมอบอำนาจมาลงนามร่วมกันกับทางการไทยอย่างชัดเจน เพราะฉะนั้นคนที่มาลงนามได้รับมอบอำนาจมา จึงไม่ใช่จีทูจีปลอม กองทัพเรือไม่เคยพูดเท็จกับประชาชน”

“ปกติจะรับประกัน 1 ปี แต่เราเจรจาและได้รับการประกันถึง 2 ปี พร้อมได้รับการฝึกอบรมและทำการรบได้จริง ซึ่งเรือดำน้ำนั้น ประเทศไทยไม่มีเรือดำน้ำมา 69 ปีแล้ว ดังนั้นจึงเป็นความจำเป็น”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน