“ปิยบุตร” ยัน ต้องให้อำนาจ ส.ส.ร. แก้ รธน. ได้ทั้งฉบับ ทำพร้อม ปิดสวิทซ์ สว. เพื่อผ่อนคลายชุมนุมก่อนมีแววยกระดับ ย้ำ รธน. แก้ได้หรือไม่อยู่ที่แรงกดดันนอกสภา

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 27 ส.ค. ที่รัฐสภา นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า กล่าวถึงเหตุผลของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 60 ว่า ตนมองว่า 1. ต้องมีส.ส.ร.มาร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ โดยไม่ต้องจำกัดว่า ห้ามแก้หมวดใด หมวดหนึ่ง ให้ทำใหม่ทั้งฉบับ ภายใต้กรอบการเป็นรัฐเดี่ยวภายใต้หลักการและราชอาณาจักร ตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

2.ระหว่างทางที่รอการพิจารณาในสภาฯว่าจะได้ส.ส.ร.เมื่อไหร่ เราสามารถเสนอเข้าไปคู่ขนานได้ คือ การเสนอญัตติเพื่อยกเลิกรัฐธรรมนูญมาตรา 269-272 ซึ่งเป็นการปิดสวิตช์ส.ว. รวมทั้งการยกเลิกมาตรา 279 ที่รับรองประกาศ การกระทำของคณะรัฐประหารก่อนหน้านี้

เหตุที่ต้องเสนอคู่ขนาน เพราะว่ากว่าจะมี ส.ส.ร.กว่าจะแก้ไข จนมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เกิดขึ้น อาจใช้เวลาถึง 1-2 ปี หากเกิดอุบัติเหตุการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ ยุบสภาฯ โดยการยุบสภาฯจะไม่เกิดความหมายอะไร ถ้ายังมี 250 ส.ว. ที่ยังมีอำนาจไปเลือกนายกฯ จึงได้เสนอให้มีการ ปิดสวิตช์ ส.ว.ไปก่อน หากยังประสงค์จะมี ส.ว.อีก ค่อยให้เข้ากลับมาตามช่องทางปกติ

ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 107 ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จะได้กลับมาเป็นนายกฯอย่างสง่างาม ไม่มีคำครหา ทั้งนี้ สว.หลายคนก็มีปฏิกิริยาที่จะยอมยกเลิกอำนาจตัวเองตามมาตรา 272 บางคนก็ไปไกลยอมถึงขั้นให้ยกเลิก 250 ส.ว.ไปเลย

ทั้งหมด ทำให้สถานการณ์ชุมนุมผ่อนคลาย คลี่คลายลง ลองนึกสภาพว่า ถ้าสิ่งที่พวกเขาเรียกร้อง ไม่ได้รับการตอบสนองแม้แต่เรื่องเดียว พวกเขาอาจยกระดับการชุมนุม เราคาดเดาไม่ออกว่า ท้ายที่สุดจะออกมาเป็นแบบใด เรื่องใดที่พอจะผ่อนคลายสถานการณ์ลงได้ ควรจะรีบทำ

เมื่อถามว่า ทางพรรคเพื่อไทยมองว่าหนทางของก้าวไกลเป็นไปได้ยาก ที่ ส.ว.จะปิดสวิตช์ตัวเอง และแรงจากการชุมนุมอาจไม่สามารถกดดัน ส.ว.ได้ นายปิยบุตรกล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ2560 จำเป็นต้องได้รับเสียงโหวต 1 ใน 3 จาก ส.ว. ไม่ว่าจะแก้รัฐธรรมนูญเรื่องใดที่ไปกระทบประโยชน์ คสช. หรือ ส.ว. ย่อมแก้ยากทุกเรื่อง เชื่อว่าพี่น้องประชาชน หรือแม้กระทั่ง ส.ส. ต่างตระหนักในเรื่องนี้

เห็นว่าการแก้รัฐธรรมนูญยากมากหรืออาจเป็นไปได้ แต่การจะแก้ได้หรือไม่ได้ อยู่ที่การกดดันนอกสภาฯ ซึ่งการกดดันนอกสภาฯที่ทำมาตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญ ถูกนำกลับมาพูดถึงอีกครั้ง ทำให้รัฐบาลยอมขยับ เชื่อว่าถ้านอกสภาฯ ยังกดดันเรื่องให้ยกเลิกส.ว. เป็นไปได้ที่ ส.ว.จะยอมเปลี่ยนใจ

ถ้าบอกว่า กำลังนอกสภาฯยังไม่เพียงพอ ตนก็เชื่อว่า หากปล่อยไปเรื่อยๆ จะอ่อนแรงลง คราวนี้แม้แต่สสร.ก็จะไม่ได้ด้วย หรือแม้แต่การแก้ไขในสภาฯ ก็ไม่มีอะไรเป็นหลักประกัน เขาอาจยอมในวาระ 1 แต่อาจไปเบี้ยวในวาระ 3 ก็ได้

เมื่อถามว่า เพื่อไทยมองว่า ช่วงเวลานี้ อาจจะยังไม่เหมาะสม นายปิยบุตร กล่าวว่า เคารพการประเมินของแต่ละบุคคล ในส่วนตัวยังเห็นว่า การเมืองคือความเป็นไปได้ ต้องเสนอรูปแบบความเป็นไปได้ใหม่ๆ ให้ทดลอง ถ้าเราคิดจากกรอบเดิม เราก็จะบอกว่า แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ไม่ได้เลย

ถ้าเรารู้ว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้จะแก้ได้ ต้องมีการกดดัน เมื่อมีการกดดัน สมาชิกสภาฯต้องใช้โอกาสนี้ ในการผลักดันใหม่ๆ ถ้าวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ถ้าไม่ผ่าน ก็ไม่เป็นอะไร สว.ก็จะเสื่อมความชอบธรรมไปอีก ไม่ได้กระทบกระเทือนอะไรต่อร่างสว.เลย สงสัยทำไมไม่เสนอไปพร้อมกัน เสียหายทางการเมืองตรงไหน

เมื่อถามว่า ความเห็นที่ต่างกันกับพรรคเพื่อไทย จนอาจเป็นความขัดแย้งระหว่างพรรคฝ่ายค้านด้วยกันเอง นายปิยบุตร กล่าวว่า ตอนนี้เป็นคนนอกแล้ว ไม่ทราบว่า เขาประชุมอะไรกันหรือมีความขัดแย้งอะไรกัน ในฐานะคนนอกที่มองเข้าไป เชื่อว่า พรรคการเมืองแต่ละพรรคมีอิสระต่อกัน มีความคิดแตกต่างหลากหลาย หากคิดเหมือนกันหมด คงเป็นพรรคเดียวกันไปแล้ว

ในเมื่อเป็นคนละพรรค ย่อมคิดแตกต่างกัน จึงได้มียุทธศาสตร์ ยุทธวิธีการขับเคลื่อน แตกต่างกัน ที่ผ่านมาคิดว่า สมาชิกพรรค กรรมการบริหารพรรค ไม่ได้มีความขัดแย้งอะไร ยังทำงานในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้านได้ แต่สำหรับคนที่สนับสนุน บางคนอาจสนับสนุนเพื่อไทย บางคนสนับสนุนก้าวไกล ก็มีการถกเถียงกันบ้างทางโลกโซเชียล ซึ่งเป็นไปตามแนวทางประชาธิปไตย


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน