“จาตุรนต์”อัดตร.ใช้ดุลพินิจตามใจชอบ ถอนประกัน”ทนายอานนท์-ภาณุพงศ์” ขัดต่อหลักนิติธรรม
วันที่ 3 ก.ย. จากกรณีศาลมีคำสั่งถอนประกัน นายอานนท์ นำภา เนื่องจากเห็นว่าผิดเงื่อนไขประกันตัวจากการขึ้นปราศรัยที่ จ.เชียงใหม่ และ ที่ มธ.ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ที่ผ่านมา เป็นการกระทำในลักษณะเดียวกับที่ถูกกล่าวหาในคดี เวที “เยาวชนปลดแอก” แต่ศาลไม่ตัดสิทธิในการยื่นประกันใหม่ โดยนายอานนท์ ไม่ขอยื่นประกันอีก เช่นเดียวกับ นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง ส่งผลให้ทั้ง 2 คนถูกส่งตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ
กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
โดยเรื่องนี้ จาตุรนต์ ฉายแสง ได้โพสต์ เฟซบุ๊ก Chaturon Chaisang ระบุว่า การใช้หลักเหตุผลว่า “การชุมนุมและการปราศรัยเป็นการกระทำลักษณะเดียวกันกับข้อหาเดิม” ถอนประกันผู้ต้องหาที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่น่าจะถูกต้องตามหลักนิติธรรม ถ้าใช้หลักนี้ เมื่อตำรวจตั้งข้อหาเกี่ยวกับการชุมนุมกับใครแล้ว ผู้ต้องหาก็ไม่สามารถชุมนุมได้อีกเลย ทั้งๆที่การชุมนุมเป็นเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญและการถูกตั้งข้อหาก็ยังไม่รู้ว่าผิดจริงหรือไม่ ส่วนการไปชุมนุมอีกที่ว่าเป็นการกระทำลักษณะเดียวกันก็อาจไม่ผิดกฎหมายใดๆเลยก็ได้ “ห้ามกระทำการในลักษณะเดียวกันกับที่ถูกกล่าวหาอีก” ไม่ควรใช้เป็นเงื่อนไขในการประกันตัวตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ยกตัวอย่างเรื่องมาตรา 116 ที่ตั้งข้อหากันเป็นว่าเล่น ตำรวจมักตั้งข้อหาตามมาตรา 116 เกินกว่าเหตุอยู่เป็นประจำ วิพากษ์วิจารณ์ธรรมดาก็กลายเป็นยุยงปลุกปั่นให้ประชานทำผิดกฎหมายหรือกระด้างกระเดื่องต่อรัฐ โทษสูงสุดถึงจำคุก 7 ปี ศาลก็มักรับฝากขังง่ายๆเหมือนกัน เมื่อประกันตัวออกมาแล้ว ถ้าผู้ต้องหาหรือจำเลยไปแสดงความเห็นหรือปราศรัยที่ไหนเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ถ้าตำรวจอยากจะให้ถอนประกันก็ไปร้องว่า “มีการกระทำลักษณะเดียวกันกับข้อหาเดิม” ศาลก็อาจถอนประกันทั้งๆที่ที่เขาพูดในตอนแรกไม่มีอะไรผิดกฎหมายและที่ไปพูดใหม่ก็ไม่มีอะไรผิดกฎหมาย หรืออาจเรียกได้ว่า “มีลักษณะไม่ผิดกฎหมายเหมือนกัน” แต่กลับถูกเอาไปขังคุกไม่มีกำหนด
กลายเป็นว่าตำรวจสามารถใช้ดุลพินิจตามใจชอบในการห้ามคนพูดหรือปราศรัย แม้กระทั่งใช้วิธีเอาคนไปขังไปเรื่อยตามคำสั่งของศาล ความจริง การถอนประกันก็ไม่ใช่ทำไม่ได้ เช่นถ้าประกันตัวออกมาแล้ว มายุ่งเหยิงพยานหรือจะหลบหนีหรือจะไปทำอันตรายหรือทำความเสียหายแก่ผู้อื่น กรณีทนายอานนท์กับไมค์ดูจะไม่เข้าตามหลักเกณฑ์เหล่านี้ ที่สำคัญเรื่องนี้กำลังขัดต่อหลักนิติธรรมซึ่งรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญที่ให้ถือว่าตราบใดที่บุคคลยังไม่ถูกศาลตัดสินถึงที่สุดว่ากระทำผิดกฎหมาย ต้องถือว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์และจะปฏิบัติต่อเขาอย่างผู้ที่ถูกตัดสินแล้วว่ากระทำผิดไม่ได้
