เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 25 ส.ค. ที่รัฐสภา นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่เดินทางมาตามที่ศาลฎีแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่านคำพิพากษา ว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับว่าพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยังไม่ประกาศใช้ กระบวนการสามารถดำเนินคดีได้ตามกฎหมายที่มีอยู่ปัจจุบัน
ส่วนสิทธิตามรัฐธรรมนูญจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อศาลฎีกามีคำพิพากษาแล้ว หากจำเลยยังไม่มาฟังคำพิพากษา ตามที่ศาลเลื่อนออกไป 30 วัน คือวันที่ 27 ก.ย.นั้น ศาลก็อ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยได้เลย เป็นหลักปกติที่ใช้กันอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกับกฎหมายใหม่ เพราะที่ผ่านมาการพิจารณาคดีกระทำต่อหน้าจำเลยมาโดยตลอด หากในวันที่ 27 ก.ย.นี้ ผลออกมาเป็นโทษกับจำเลย จำเลยก็ยังมีสิทธิอุทธรณ์ ตามรัฐธรรมนูญ 60 แต่จำเลย ต้องมายื่นอุทธรณ์ด้วยตัวเอง
ส่วนที่กังวลกันว่า หากมีการยื่นอุทธรณ์แล้วจะใช้กระบวนการวิธีพิจารณาอะไร ในเมื่อกฎหมายคดีอาญานักการเมืองใหม่ ยังไม่มีผลบังคับใช้นั้น นายมีชัย กล่าวว่า ปัจจุบันถ้ายังใช้วิธีพิจารณาอะไร ก็ให้ใช้อันนั้นต่อไป หรือถ้ายังไม่มี ประธานศาลฎีกาสามารถออกข้อกำหนดวิธีพิจารณาคดีออกมาได้ ซึ่งต้องใช้องค์คณะพิจารณาคดีใหม่ เพราะเป็นเรื่องที่รัฐธรรมนูญบอกไว้ ถ้าครบ 30 วันหลังจากศาลอ่านคำพิพากษาแล้ว หากจำเลยไม่ยื่นอุทธรณ์คดีต้องสิ้นสุด ส่วนจะนับอายุความอย่างไร วันนี้ยังตอบชัดเจนไม่ได้ ต้องขึ้นอยู่กับการตีความของศาลว่า การนับอายุความเป็นคุณหรือโทษหรือไม่ ถ้าเป็นโทษ ก็ใช้ย้อนหลังไม่ได้ขึ้นอยู่กับข้อกล่าวหา ถ้าโทษสูงอายุความก็จะสูงด้วย แต่หากศาลมองว่า สามารถใช้วิธีพิจารณาตามกฎหมายใหม่กับกรณีนี้ได้ ก็จะไม่มีการนับอายุความ
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จำเลยจะหนีไปตั้งหลัก เพื่อรอคำพิพากษา ถ้าเป็นคุณไม่ผิดค่อยกลับมา นายมีชัย กล่าวว่า ถ้าอย่างนั้นก็ถูกลงโทษ เพราะหนีคดีอยู่ดี ซึ่งศาลได้ริบเงินประกันไปแล้ว จะเป็นประเด็นต่างหากที่เพิ่มขึ้นมาอีก
เมื่อถามว่า หากไม่ใช่สิทธิอุทธรณ์ จำเลยมีช่องทางในการต่อสู้คดีอยู่ที่ต่างประเทศหรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า ตอบไม่ถูกเหมือนกัน แต่หากจะสู้คดีต้องมายื่นอุทธรณ์ที่ศาลด้วยตัวเอง จะส่งทนายมาเป็นตัวเเทนไม่ได้ เพราะเหลืออยู่ขั้นตอนเดียวแล้ว โดยจำเลยจะมายื่นวันไหนก็ได้ ในระยะเวลา 30 วัน
