อย่าไปยอม! “ธนาธร”ลั่นถอยเป็นทาส ชี้บิ๊กตู่ไม่จริงใจคืนอำนาจ ความโกรธของประชาชนจึงดังขึ้นอีกครั้ง

วันที่ 19 ก.ย. ผู้สื่อข่าวบรรยากาศการชุมนุมกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ภายใต้กิจกรรม “19 กันยา ทวงอำนาจ คืนราษฎร” เวลา 20.00 น. บริเวณสนามหลวง ฝั่งศาลหลักเมือง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เปิดเผยว่า การชุมนุมวันนี้เป็นการชุมนุมที่มีความหวังเพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่อยากให้สังคมและประเทศเป็นประชาธิปไตยและดีกว่านี้ คนที่มาที่นี่มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพื่อยืนต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับคนอื่นที่มาต่อสู้ด้วย ตนภูมิใจมากที่ได้มาอยู่เป็นส่วนหนึ่งกับการเคลื่อนไหวของประชาชนในวันนี้

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดกั้นชุดเครื่องเสียง และอุปกรณ์การชุมนุม รวมถึงเอกสารที่จะนำมาร่วมกันชุมนุมในวันนี้ นายธนาธร กล่าวว่า ตนมองเรื่องนี้ด้วยความหนักใจ เพราะถ้ารัฐบาลจริงใจกับการแก้ไขปัญหาทางการเมืองและการแก้รัฐธรรมนูญ อันดับแรกที่ง่ายที่สุดคือ การเลิกข่มขู่คุกคามประชาชน ไม่ว่าจะส่งคนไปข่มขู่ที่ครอบครัวหรือการตั้งข้อกล่าวหาต่างๆ

ถ้าจริงใจต้องเลิกจุดนี้เป็นจุดแรก ถ้าไม่หยุดคุกคามประชาชนจะแสดงให้เห็นความไม่จริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตนคิดว่าประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปได้น้อยมาก เพราะการเข้าสู่การแก้ไขมาตรา 256 เป็นมาตราแรกที่จะนำไปสู่การตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน

ถอยเป็นทาส

นายธนาธร กล่าวต่อว่า ตลอด 88 ปีของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ตั้งแต่พ.ศ.2475 ประชาชนไม่เคยมีอำนาจในการเขียนรัฐธรรมนูญของตัวเอง ร่างของพรรคร่วมฝ่ายค้านจะให้ ส.ส.ร. 200 คน มาจากการเลือกตั้งของประชาชนทั้งหมด

“ผมไม่เชื่อว่าชนชั้นนำและอภิสิทธิ์ชนในประเทศนี้ จะยอมให้ประชาชนแต่งตั้งตัวแทนของตัวเองเข้าไปร่างรัฐธรรมนูญ ถ้าเราถอยหรือหยุดเคลื่อนไหวในวันนี้ หรือหยุดทวงคืนสิทธิเสรีภาพของเรา พวกเราจะต้องถูกลิดรอนสิทธิเสรีภาพอยู่ร่ำไป พวกเราจะถูกกดขี่อยู่ร่ำไป

ผมเห็นว่าเราไม่สามารถหยุดชุมนุมกดดันเพื่อเรียกร้องความจริงใจของรัฐบาลในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ผมไม่เชื่อว่าเขาจะจริงใจ และผมไม่เชื่อว่าพวกเขาจะแก้ปัญหา มีอยู่ทางเดียวคือการแสดงพลังของประชาชน ก่อนที่จะสายเกินไป ส่งเสียงให้ดังอีกครั้ง ถ้าคุณไม่ยอมความโกรธของประชาชนจะดังขึ้นอีกครั้ง” นายธนาธร กล่าว

ถอยเป็นทาส

เมื่อถามถึงการเป็นเป้าโจมตีว่าอยู่เบื้องหลังการชุมนุม มีความกังวลหรือจะตอบโต้อะไรหรือไม่ นายธนาธรกล่าวว่า ไม่ได้กังวล ใครที่คิดว่านักศึกษามีคนอยู่เบื้องหลัง ตนต้องเรียนว่าคนที่คิดแบบนั้นคือ คนที่ดูถูกนักศึกษาและประชาชน ซึ่งตนไม่คิดเช่นนั้น เพราะนักศึกษาที่มารวมตัวมาด้วยเจตจำนงของตัวเองที่ไม่มีใครบังคับหรือชักจูงได้ อย่าลืมว่าฝ่ายอนุรักษ์นิย ใช้ข้อหานี้มาครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งสหรัฐอเมริกาอยู่เบื้องหลังบ้าง ทักษิณอยู่เบื้องหลังบ้าง ธนาธรอยู่เบื้องหลังบ้าง เพื่อทำลายความชอบธรรม

เมื่อประชาชนลังเลที่จะมาสนับสนุนเขาก็เข้าจับกุมและปราบปรามได้ ดังนั้น อย่าหวั่นไหวไปกับข่าวลวงที่พวกเขาต้องการทำลายความชอบธรรมของการชุมนุม เมื่อไหร่ที่หยุดยืนเคียงข้างกันเมื่อไหร่ แกนนำจะถูกจับกุม อย่าปล่อยให้ถึงวันนั้น แล้วอย่าไปเชื่อข่าวลวงที่เขาหลอกให้พวกเราแตกแยกกัน และอย่าไปเชื่อข่าวลวงที่เขาจะทำลายความน่าเชื่อถือของแกนนำ หากเราเชื่อข่าวลวงและทอดทิ้งแกนนำเมื่อไหร่ แกนนำโดนคุกคามและเด็ดหัวทันที

ถอยเป็นทาส

นายธนาธร กล่าวอีกว่า นี่คือการเดินทางที่ไม่เคยมีใครเดินทางมาก่อน ไม่ใช่แค่การเรียกร้องให้ยุบสภาหรือแก้ไขรัฐธรรมนูญ นี่เป็นช่วงเวลาที่ท้าทายของสังคมว่าพวกเราในฐานะสังคมพร้อมหรือยังที่จะพูดถึงปัญหาที่ทุกคนก็รู้ว่าดำรงอยู่อย่างตรงไปตรงมา ด้วยเหตุด้วยผล ไม่ได้พูดด้วยความอาฆาตมาดร้ายหรือทำลายล้าง แต่เราพูดเพื่อหวังหาทางออก

จริงๆ เป็นเรื่องง่าย หากนายกรัฐมนตรีอยากรับฟังนักศึกษาจริงๆ ไม่ต้องตั้งคณะกรรมการต่างๆ ให้เสียเวลา นายกรัฐมนตรีบอกว่าให้ประชาชนก็ใช้กูเกิ้ล แต่ตนอยากบอกว่า ให้นายกฯ กดเข้าไปฟังในยูทูบ ก็รู้ว่าประชาชนต้องการอะไร ถ้าจริงใจเริ่มแก้ปัญหาได้ตั้งแต่วันนี้ ล่าสุดนายกฯ ออกมาพูดว่าขอแก้ปัญหาโควิดและเศรษฐกิจก่อน เสร็จเมื่อไหร่ค่อยมาชุมนุม ตนเตือนประชาชนว่าอย่าปล่อยให้พวกเขาหลอก การแก้ไขปัญหาโควิดและเศรษฐกิจเป็นเรื่องของรัฐบาล และการแก้ไขรัฐธรรมนูญสามารถทำไปพร้อมกันได้ เพราะเป็นหน้าที่ของรัฐสภา

ถอยเป็นทาส

“ตอนรัฐบาลมาขอออกพระราชกำหนด 3 ฉบับ เพื่อกู้เงินไปแก้ปัญหาโควิด สภาก็ผ่านให้ งบประมาณพ.ศ.2564 ที่รัฐบาลจะนำไปพยุงเศรษฐกิจ สภาก็ผ่านให้รัฐบาลต้องการอะไรหรือเครื่องมือเท่าไหร่ สภาก็ผ่านให้ทุกเครื่องมือ ดังนั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องของสภา แต่เป็นเรื่องของรัฐบาลในการต่อสู้กับปัญหาโควิดและเศรษฐกิจ

ส่วนการแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองสามารถเป็นไปได้และเริ่มได้ทันที ขอเพียงแค่ให้พล.อ.ประยุทธ์ ฟังประชาชนอย่างจริงใจ สั่งส.ส.ฝั่งรัฐบาลและส.ว. ให้เดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญให้เต็มที่ ถ้าเพียงแค่นายกฯ เปิดประตู กระบวนการแก้รัฐธรรมนูญก็จะจบ

การยุบสภาและการเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็เป็นไปได้ แต่เขาไม่ต้องการ เหมือนตอนที่นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ บอกว่า เขาอยากอยู่ยาว ก็เห็นอยู่แล้วว่าเขาไม่อยากแบ่งอำนาจคืนประชาชน เขาต้องการให้ประเทศเป็นของกลุ่มอภิสิทธิ์ชนเพียงไม่กี่คน ดังนั้น อย่าไปยอม สู้เป็นไทย ถอยเป็นทาส” นายธนาธร กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน