เมื่อวันที่ 6 ก.ย. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. กล่าวว่า ดูจากท่าทีของผู้มีอำนาจคงไม่ได้หมายถึงการสั่งห้ามรื้อคดีสลายการชุมนุมกลุ่ม นปช.ขึ้นพิจารณาใหม่ เพราะสิ่งที่ตนกำลังทำ คือการทวงถามความยุติธรรมให้คนที่ถูกฆ่าตาย เนื่องจากคำพิพากษาของศาลฎีกาหรือการวินิจฉัยยกคำร้องโดยป.ป.ช. ไม่ได้ทำให้ช่องทางเอาตัวคนผิดมาดำเนินคดีจบสิ้นลง การนัดหารือกับหลายฝ่ายก็เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองด้านต่างๆ และหาข้อสรุปเรื่องแนวทางดำเนินการ ซึ่งทุกอย่างต้องเป็นไปภายใต้กรอบกฎหมาย ไม่มีความเคลื่อนไหวอื่นใดทางการเมือง

เลขาธิการนปช. กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าจะแถลงรายละเอียดให้สังคมรับทราบ ยืนยันว่าจะสู้ทุกมุม เก็บทุกเม็ด ให้คดีนี้เป็นหนึ่งในกรณีศึกษาเรื่องการเข้าถึงความยุติธรรมในสังคมไทย

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ระหว่างที่รอคำตอบจากป.ป.ช.ว่าเหตุใดรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ใช้แค่แก็สน้ำตา และสุดท้ายคำพิพากษาศาลระบุว่าผู้เสียชีวิตน่าจะเกิดจากสาเหตุอื่น ป.ป.ช.จ้างทนายฟ้องเอง แต่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ ใช้เอ็ม 16 ติดกล้องยิงไกล ศาลชี้แล้วเกือบ 20 รายว่าตาย เพราะเจ้าหน้าที่ป.ป.ช.ถึงยกคำร้องนั้น ตนได้ข้อมูลจากผู้หวังดีว่าปลายเดือนก.ย.นี้ ป.ป.ช.จะชี้มูล ครม.ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ คดีอนุมัติเงินเยียวยาผู้บาดเจ็บล้มตายจากสถานการณ์ขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งให้ทุกสีทุกฝ่าย

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ถ้าเป็นเรื่องจริงเท่ากับเหตุการณ์ปี 2553 แกนนำและมวลชนคนเสื้อแดงถูกดำเนินคดีมากมาย รัฐบาลที่ให้เงินเยียวยาก็มีความผิด รอดอยู่พวกเดียวคือที่ฆ่าคนตาย แล้วมนุษย์ที่ไหนจะยอมรับได้

“ผมเคารพองค์กรศาล และเห็นว่าความศักดิ์สิทธิ์ของกระบวนการยุติธรรมไม่ได้จำกัดแค่คำพิพากษา แต่หมายถึงขั้นตอนทั้งหมดต้องยืนบนหลักนิติธรรมและชอบด้วยกฎหมาย ถ้าบางขั้นตอนขัดต่อสามัญสำนึกของประชาชนอย่างชัดแจ้ง เราจะออกจากความขัดแย้งที่เป็นอยู่ได้อย่างไร สภาพอำนาจแบบนี้เสียงเรียกร้องใดๆ ของประชาชนอาจค่อยๆ เงียบไปถ้าไม่มีการตอบสนอง แต่ถ้าเป็นเสียงเรียกร้องความยุติธรรม ผมเชื่อว่ามีแต่จะดังขึ้นทุกวันและดังไกลขึ้นทุกที” นายณัฐวุฒิ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน