“บิ๊กแก้ว” ยันไม่คิด “ทำปฏิวัติ” ลั่นบทบาทหารไม่เกี่ยวการเมือง มั่นใจระบอบประชาธิปไตย เป็นการปกครองที่แย่น้อยที่สุด แจงทำหน้าที่ ส.ว. ตามรัฐธรรมนูญ
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 5 ต.ค.2563 ที่กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) ถ.แจ้งวัฒนะ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) แถลงภายหลังการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 1/2563
โดยมีผู้บัญชาการเหล่าทัพเข้าร่วมประชุมพร้อมเพรียง ว่า ในที่ประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพได้แสดงความยินดี จากที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่ง ซึ่งถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
โดยวาระหารือเป็นกรอบการทำงานของกองบัญชาการกองทัพไทยร่วมกับเหล่าทัพ แนวทางเป็นไปตามภาระหน้าที่ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 52 ที่เป็นหน้าที่ของรัฐในการพิทักษ์ รักษา ปกป้อง สถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดนจึงจัดให้มีกำลังทหาร การทูต การข่าว
สืบเนื่องมาเป็น พ.ร.บ.จัดส่วนราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551 ที่กำหนดบทบาทของกระทรวงกลาโหมว่ามีหน้าที่อะไรบ้าง สอดรับกับหน้าที่ของรัฐตามรัฐธรรมนูญ เป็นหน้าที่โดยตรงที่ทหารต้องปฏิบัติ นอกจากนี้เป็นนโยบายรัฐบาลที่กำหนดไว้ในการแถลงที่รัฐสภาก่อนการบริหารราชการแผ่นดิน ลงมาจนถึงนโยบายของรมว.กลาโหม ตามห้วงเวลา
เพื่อนำมากำหนดแนวทางดำเนินงานให้สมบูรณ์ในหน้าที่ พร้อมกันนั้น กองบัญชาการกองทัพไทย และเหล่าทัพได้วิเคราะห์บทบาทหน้าที่โดยพิจารณาจากสภาพการณ์ เพื่อพิจารณาและสั่งการการปฏิบัติที่สำค้ญ คือการดูแลประชาชน และกำลังพลของตนเองให้ได้รับการพัฒนาและความเป็นอยู่ที่ดี
พล.อ.เฉลิมพล กล่าวอีกว่า กองบัญชาการกองทัพไทย ได้แต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นที่ปรึกษาคณะผู้บัญชาการเหล่าทัพ ตามแนวทางเดิมเหมือนช่วงก่อนหน้านี้ เพราะท่านเป็นผู้ที่รับผิดชอบด้านความมั่นคงซึ่งปฏิบัติงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดทั้งสองด้าน ทั้งทหาร และตำรวจ
เมื่อถามถึงการปกป้องสถาบันที่มีประชาชนและคนรุ่นใหม่บางส่วนออกมาล่วงละเมิด พล.อ.เฉลิมพล กล่าวว่า ในเรื่องของสถาบันและภาระหน้าที่ของทหารได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญทุกฉบับตั้งแต่ปี 2475 เป็นต้นมาจนถึงปี 2560 มาตรา 52
ระบุว่ารัฐต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย อาณาเขต และอธิปไตย เกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคงของรัฐ และความสงบเรียบร้อยของประชาชน โดยรัฐต้องจัดให้มีทหาร การทูต และการข่าวกรองที่มีประสิทธิภาพ บัญญัติไว้ตามรัฐธรรมนูญนี้หมายถึงการมอบหน้าที่ให้รัฐ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามต้องมีทหาร จัดไว้ตามรัฐธรรมนูญกำหนด หรือตามที่กฎหมายกำหนด
ให้พิทักษ์รักษาไว้ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ตลอดจนสนับสนุนภารกิจสถาบัน ถือปฏิบัติมาโดยต่อเนื่อง และในส่วนมาตรา 8 ของรัฐธรรนูญ บัญญัติว่าพระมหากษัตริย์ทรงดำรงตำแหน่งองค์จอมทัพไทย ที่ข้าราชการทหารมีขวัญกำลังใจและปลาบปลื้มในการปฏิบัติหน้าที่ต่อรัฐธรรมนูญ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องความนิยม และเป็นประมุขของรัฐที่ทุกรัฐมีเป็นสากล กำลังทหารมีหน้าที่ปกป้องรัฐ ประเทศ และประมุขของรัฐที่เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของทหาร เราจึงใช้คำว่าจอมทัพไทย
เมื่อถามว่าจะใช้เครื่องมืออะไรของรัฐในการทำความเข้าใจและพูดคุยกับประชาชนที่ไม่เข้าใจเกี่ยวกับสถาบัน พล.อ.เฉลิมพล กล่าวว่า ในส่วนข้อมูลข่าวสารประชาชนจะได้รับข้อมูลหลายส่วนในการดำเนินการของเหล่าทัพจะดำเนินการตามกรอบกฎหมายที่กำหนดตามรัฐธรรมนูญ
ในเรื่องสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ก็ได้กำหนดว่าสามารถมีสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออก สามารถดำเนินการได้เท่าใด ขอให้ไปดูบทบัญญัติที่มีเขียนต่อท้ายว่า ไม่กระทบความมั่นคงของรัฐและความสงบเรียบร้อยของประเทศ ส่วนนอกเหนือจากนี้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดำเนินการ
เมื่อถามถึงเหล่าทัพจะสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลอย่างไร พล.อ.เฉลิมพล กล่าวว่า กองทัพเป็นเครื่องมือหนึ่งของรัฐบาล และกรอบการดำเนินการในส่วนของทหารจะช่วยแก้ไขปัญหาสำคัญของชาติ เช่น การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 รวมถึงปัญหาต่างๆ ที่เหล่าทัพปฏิบัติมาต่อเนื่อง และการขับเคลื่อนยุทธศาตร์ชาติ 20 ปี การปฏิรูปประเทศ ที่ทุกส่วนราชการดำเนินการ ทหารก็จะสนับสนุนในส่วนที่เคยปฏิบัติ
เมื่อถามถึงบทบาทกองทัพกับการเมืองจะวางตัวอย่างไร พล.อ.เฉลิมพล กล่าวว่า เรื่องการเมืองเป็นเรื่องการบริหารประเทศตามอำนาจหน้าที่ที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ ทหารเป็นกลไกของรัฐบาล ปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาลทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการช่วยเหลือประชาชน ส่วนด้านการเมืองเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการในส่วนของผู้เกี่ยวข้องกับการเมือง
บทบาททหารไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่สิ่งที่อาจจะเกี่ยวพันหรือทาบทับกันคือเรื่องความมั่นคงของรัฐ ที่เป็นหน้าที่โดยตรงของทหาร ซึ่งไม่ต้องมีผู้ใดสั่ง แต่ภาคการปฏิบัติเราอยู่ภายใต้กรอบแนวทางนโยบายรัฐบาบทุกเรื่อง รวมถึงเรื่องความมั่นคง
เมื่อถามว่าผู้บัญชาการเหล่าทัพจะต้องเป็นส.ว.โดยตำแหน่ง จะวางตัวอย่างไร โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พล.อ.เฉลิมพล กล่าวว่า ตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญปี 2560 กำหนดให้มีส.ว. เพื่อให้ผู้มีความรู้ความสามารถมีประสบการณ์ของบ้านเมืองมาเป็นหลักดูแล ทั้งด้านกฎหมาย
และการดำเนินการต่างๆ เป็นเพียงห้วงเวลาหนึ่ง ทางผู้บัญชาการเหล่าทัพและผบ.ตร.ก็เป็นส.ว.ตามรัฐธรรมนูญ เราไม่สามารถพูดได้ว่ามีความเห็นอย่างไร เพราะเป็นไปตามรัฐธรรมนูญที่มีข้อกฎหมายกำหนดไว้ เราปฏิบัติตามภาระหน้าที่ เมื่อเข้ามาเป็นส.ว.ก็จะได้รับการชี้แจง การดำเนินการปฏิบัติในแต่ละบุคคลไป
เมื่อถามย้ำว่า ผบ.เหล่าทัพได้พูดคุย หรือไม่ว่าจะไม่รับค่าตอบแทน ส.ว. เหมือนอดีตผบ.เหล่าทัพ ที่ปฏิบัติมา พล.อ.เฉลิมพล กล่าวว่า เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล เพราะตำแหน่งส.ว.กำหนดมาในแต่ละบุคคล เป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละคนในการพิจารณา แต่ในส่วนของตนไม่รับเงินเดือนในส่วนนี้
เมื่อถามว่าจะจัดเวลาปฏิบัติหน้าที่ส.ว.อย่างไร พล.อ.เฉลิมพล กล่าวว่า ถือเป็นความเร่งด่วน เพราะเป็นเรื่องที่เราต้องไปปฏิบัติด้วยตนเอง ไม่สามารถให้คนอื่นทำแทนได้ และจะให้ความสำคัญในส่วนนี้ โดยภารกิจทั่วไปมอบหมายได้
เมื่อถามว่าทหารจะทำหน้าที่นอกรัฐธรรมนูญ หรือจะทำปฏิวัติหรือไม่ พล.อ.เฉลิมพล กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่ได้อยู่ในแนวทางดำเนินการ ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ เรามีการปกครองระบอบประชาธิปไตย ทหารคือประชาชน ในหน่วยทหารอะไรที่ไม่ใช่การปกครองที่ต้องสั่งการเป็นภารกิจเพื่อการอยู่ร่วมกัน เราก็ใช้ประชาธิปไตยในการดูแลความเป็นอยู่ของกำลังพล
“ในส่วนของทหารเรามีประชาธิปไตยอย่างแท้จริง และเชื่อมั่นอย่างที่ประชาชนเชื่อมั่นว่าการปกครองระบอบประชาธิปไตยจะเป็นการปกครองที่แย่น้อยที่สุดในภาพของสังคมโลก เพียงแต่จะทำอย่างไรให้ได้รับโอกาสและสิทธิต่างๆ ลดความยากลำบาก
มีมาตรฐานและคุณภาพชีวิตเพื่อเพิ่มโอกาสเป็นพลเมืองเป็นพลังแผ่นดินกระจายไปทั่วทุกพื้นที่ เน้นพื้นที่ทุรกันดาร ห่างไกล ยากลำบากที่บางหน่วยงานเข้าไปไม่ถึง จะกระจายสิ่งเหล่านี้ให้ถึงประชาชน การปฏิวัติไม่ได้อยู่ในความคิดของทหารในปัจจุบัน” พล.อ.เฉลิมพล กล่าว
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ผู้บัญชาการเหล่าทัพได้หารือกันแล้วว่าจะไม่รับเงินเดือนตำแหน่งส.ว. โดยให้แต่ละคนทำหนังสือถึงสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ในขณะที่ พล.อ.เฉลิมพล กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ส่วนของตนเองจะให้เจ้าหน้าที่ส่งเรื่องไปที่สำนักงานวุฒิสภา ไม่รับเงินเดือนส.ว.ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนแถลงข่าวพล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ได้เดินเข้ามาในห้องแถลงข่าวก่อน ผบ.เหล่าทัพคนอื่นๆ ผู้สื่อข่าวจึงถามว่าหลังการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก วันที่ 6 ต.ค.นี้ จะแถลงทุกเรื่องหรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า ถามได้ทุกเรื่อง แต่อยู่ที่ว่าจะตอบหรือเปล่า