ขวัญชัย อดีตแกนนำเสื้อแดง ลั่นไม่ยุ่งการเมืองแล้ว เตือนนศ.อย่าจาบจ้วง

อุดรธานี – วันที่ 12 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ชมรมคนรักอุดร บ้านหนองลีหู ต.สามพร้าว อ.เมือง นายขวัญชัย สาราคำ หรือ ขวัญชัย ไพรพนา อดีตแกนนำคนเสื้อแดงอุดรธานี เปิดใจครั้งแรกกับสื่อมวลชนหลังออกจากเรือนจำเมื่อ 2 ปีที่แล้ว

นายขวัญชัย กล่าวว่า ตั้งแต่ตนออกคุกออกมา ก็ยุติบทบาททางการเมืองมาเลย สุขภาพร่างกายก็ไม่ดีจนถึงทุกวันนี้ ตาก็ไม่ดี โดนยิงครั้งล่าสุดกระทบเส้นประสาทตา ตอนนี้อยู่บ้านติดตามข่าวทางทีวีและเลี้ยงหลานอยู่บ้านเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี คนเสื้อแดงจะมีการเดินทางไปชุมนุมในวันที่ 14 ต.ค.นี้ ในฐานะอดีตแกนนำคนเสื้อแดงอีสาน จะได้ทางไปร่วมการชุมนุมด้วยหรือไม่ นายขวัญชัย กล่าวต่อว่า ถึงตรงนี้ประชาธิปไตยยังอยู่ในสายเลือดตนเหมือนเดิม อุดมการณ์ตนยังชัดเจน การต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยยังอยู่ในหัวใจอยู่ แต่ทีนี้การขับเคลื่อนครั้งนี้ไม่มีผู้นำ เพราะฝ่ายที่มีอำนาจจ้องจัดการกับคนเหล่านี้โดยเฉพาะแกนนำ

ส่วนตัวมองเรื่องการเคลื่อนไหวของเยาวชนอย่างไรบ้าง นายขวัยชัย กล่าวต่อว่า ตนมองดูว่ามันไม่ศักดิ์สิทธิ์เหมือนคนเสื้อแดง คือความทุ่มเทและเสียสละนั้นคนเสื้อแดงมีเต็มร้อย สังเกตได้จากการเคลื่อนไหวในแต่ละครั้งสมัยที่ตนนำมวลชนเคลื่อนไหว ตอนนั้นต้องการรถ 20 คัน เราก็ได้ ต้องการคนจำนวนเท่าไหร่ก็หาได้ เพราะการเคลื่อนไหวในแต่ละครั้งมันคือพลังที่ยิ่งใหญ่

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า เป็นไปได้ไหมว่ากลุ่มเยาวชนกลุ่มนี้ยังเป็นมือใหม่ นายขวัญชัย กล่าวว่า คิดว่าน่าจะเป็นแบบนั้น ตอนแรกที่เด็ก ๆ ออกมาอาจจะไม่ชอบคนเสื้อแดงเท่าไหร่ แต่พอเคลื่อนไหวไปจะเริ่มรู้แล้วว่าคนเสื้อแดงนั้นเสียสละขนาดไหน คนเสื้อแดงสู้ด้วยอุดมการณ์และความเสียสละ ไม่มีท่อน้ำเลี้ยง นี่คือสิ่งที่หาและจะไม่เกิดอีกแล้ว รับรองว่าเหตุการณ์แบบนั้นจะไม่มีเกิดขึ้นอีก

ผู้สื่อข่าวถาม มองการชุมนุมของการชุมนุมครั้งนี้อย่างไรบ้าง ตนยังไม่เชื่อมั่นว่าจะจบลงในทางที่ดีนักเพราะฝ่ายผู้มีอำนาจเขามีทั้งเงิน อำนาจ อาวุธ เพราะฉะนั้นใครที่จะแสดงความคิดเห็นอะไรในทางตรงกันข้ามของฝ่ายผู้มีอำนาจมักจะถูกติดตามถูกรังแก ในฐานะที่เป็นแกนนำมาก่อนและบาดเจ็บมาเยอะติดคุกมาก็เยอะ เห็นสภาพความเป็นจริงก็รู้สึกสงสารเป็นห่วงลูกหลานเยาวชนที่กำลังออกมาต่อสู้มาเคลื่อนไหว

“ขอฝากไปยังกลุ่มมวลชนที่กำลังเคลื่อนไหวขณะนี้ ขอให้ใช้สติให้มาก สิ่งสำคัญที่สุดคือ อยากจาบจ้วง วันนี้เราต้องยอมรับว่าเราเป็นประชาชนคนไทย เราอยู่ในประเทศไทยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพราะฉะนั้นเราอย่าไปจาบจ้วงล่วงเกินสถาบันพระมหากษัตริย์”








Advertisement

“ย้อนกลับไปหลังออกจากเรือนจำหลายคนคงจำได้ ก่อนที่จะยุติบทบาทตนเองเคยจัดตั้งเวทีชมรมคนรักอุดร ชื่อเวทีว่าเวทีแดงรักเจ้า ตอนนั้นผมออกตัวชัดเจนที่สุด นี่คือสิ่งที่เราต้องเทิดทูนสถาบันไว้ อย่าให้ใครมาโจมตีเราได้ ผมหวังว่านักศึกษาทุกคนจะละเว้นในสิ่งเหล่านี้ ขอยืนยันว่าตอนนี้ตนหยุดการเคลื่อนไหวทางการเมืองแล้ว และครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ให้สัมภาษณ์เปิดใจกับสื่อมวลชน”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน