“ไพบูลย์” โดนเบรก พูดนอกญัตติ-อวย “บิ๊กตู่” อย่าออก คนเลือก 8.4 ล้าน ซัดม็อบไม่กี่หมื่น
เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 26 ต.ค.2563 ที่รัฐสภา นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม เป็นบุคคลที่เป็นเลิศในเรื่องที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบัน เป็นผู้ที่มีความเข้มแข็งในการปกป้องสถาบัน แกนนำผู้ชุมนุมจึงเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ลาออก เพื่อให้การปกป้องประเทศชาติอ่อนแอลงจนนำไปสู่การรุกคืบต่อการปฏิรูป
เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
ตนจึงขอเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในตำแหน่งทำหน้าที่ปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ต่อไป ขอให้ให้บริหารประเทศด้วยความมั่นคง และเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ อย่าไปลาออกตามฝ่ายที่เรียกร้องซึ่งมีคนเพียงไม่กี่หมื่นคน ท่านต้องคำนึงถึงเสียงประชาชน 8.4 ล้านคน ที่เลือกท่านมาเป็นนายกฯ
นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า ในการชุมนุมครั้งนี้นักการเมืองได้ใช้เยาวชนเป็นเครื่องมือในการแย่งชิงอำนาจ ตนขอประณามนักการเมืองที่แอบข้างหลังเยาวชนของชาติ ส่วนข้อเรีบกร้องให้ยุบสภา หากนายกฯกระทำแบบนั้นจะมีผลเสียหายโดยรวม ตนจึงเสนอให้ใช้การออกเสียงประชามติ ให้ประชาชนทั้งประเทศมาออกเสียงเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ต่อการจัดการชุมนุมในปัจจุบัน
การออกเสียงประชามติทำได้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 166 และอาจตราเป็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ก็ได้ ซึ่งหากการออกเสียงประชามติเกิดขึ้น เท่ากับเสียงคนทั้งประเทศได้มีส่วนร่วมในการออกเสียงว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับการชุมนุม และจะได้ข้อยุติซึ่งเป็นหลักการประชาธิปไตยทางตรง ไม่ใช่คนหลักหมื่นมาอ้างเสียงของประชาชนท้ั้งประเทศ
ตนมั่นใจว่าประชาชนเสียงข้างมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ จะไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมที่จาบจ้วงสถาบันที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน แต่ไม่ว่าจะมีการออกเสียงประชามติหรือไม่ แกนนำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันในขณะนี้ย่อมไม่ได้รับการยอมรับจากประชาชนทั้งประเทศอยู่แล้ว ในที่สุดจะพ่ายแพ้ไปอย่างแน่นอนในเร็ววันนี้ ตนขอให้ประชาชนอีกกว่า 60 ล้านคน ออกมาพิทักษ์ รักษาชาติ ศาสนา และสถาบัน ให้จงได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างการอภิปรายของ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ มีการอภิปรายพาดพิงกลุ่มผู้ชุมนุมเกี่ยวกับประเด็นการจาบจ้วงสถาบันหลายครั้ง และยังได้พูดถึงการชุมนุมว่ามีเป้าหมายต้องการเปลี่ยนแปลงและลดสถานะของสถาบัน ซึ่งอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศให้เป็นการปกครองระบอบสาธารณรัฐ
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ทำให้ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมกล่าวตักเตือนนายไพบูลย์ ว่าให้ใช้ถ้อยคำเฉพาะในญัตติเท่านั้น อะไรที่เกินกว่าถ้อยคำในญัตติจะไม่อนุญาต โดยเฉพาะกรณีที่เกี่ยวกับสถาบัน จะขอเข้มงวดในข้อบังคับ โดยไม่ให้ขยายผลเพราะจะไม่ใช่การคลี่คลายปัญหา แต่จะยิ่งทำให้เกิดปัญหามากขึ้น ซึ่งถ้อยคำดังกล่าวไม่อยู่ในญัตติ โดยเรื่องอื่นขอให้อยู่ข้างนอก แต่ในสภานี้ขอให้สร้างสรรค์