สภาฯเดือด! ส.ส.พลังประชารัฐ ซัดนักการเมืองฝังชิพคนรุ่นใหม่ ต้องเปลี่ยนการปกครองก่อน เพื่ออนาคตที่ดี เป้าหมายไม่ใช่แค่การเป็นนายกฯ แต่เป็นอะไรที่มากกว่านั้น

เมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 27 ต.ค.63 ในการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่ออภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 165 เพื่อหาทางออกประเทศ ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ขึ้นอภิปราย ซึ่งบรรยากาศในท้องประชุมเป็นไปอย่างดุเดือด เมื่อนายชัยวุฒิอภิปรายใช้ถ้อยคำค่อนข้างรุนแรง หมิ่นเหม่และเสียดสีผู้ชุมนุมหลายครั้ง ทำให้มีการประท้วงจากส.ส.พรรคก้าวไกลอยู่เป็นระยะๆ ขณะที่นายชวน ต้องคอยเตือนเป็นระยะๆ ให้ระมัดระวังคำพูดในการอภิปราย

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

นายชัยวุฒิ อภิปรายว่า การพิจารณาวันนี้ต้องดูด้วยว่าผู้ชุมนุมคิดอย่างไรกับบ้านเมือง วันนี้คนไทยทั้งประเทศรู้กันหมดแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่ออกมาใส่เสื้อเหลืองทั้งประเทศ สภาฯ ต้องเอาความจริงมาพูดกัน อย่าดัดจริต การปราศรัยที่สนามหลวงที่ผ่านมานั้น เวลา 1 ชั่วโมงโจมตีรัฐบาล 10 นาทีที่เหลือโจมตีสิ่งที่เหนือกว่ารัฐบาล วันนี้เรียกตัวเองว่าคณะราษฎร ซึ่งคณะราษฎร 2563 จะเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบไหน เหล่านี้คือสิ่งที่เขาพูด แต่เราทำเป็นไม่ได้ยิน

ส่วนการใช้โซเชียลมีเดีย มีการแชร์ข้อมูล ส่งภาพบิดเบือนตัดต่อ เพื่อสร้างความเกลียดชัง รัฐบาลก็ทราบและพยายามปิด แต่โซเชียลมีเดีย เราสามารถไปปิดได้ เขาจาบจ้วงอยู่ทุกวันนี้ แต่เราทำอะไรกันบ้าง ถึงเวลาต้องเอาอำนาจการสื่อสารกลับมาเป็นของคนไทย ปล่อยคนต่างชาติเอาโซเชียลมีเดียมาทำร้ายคนไทยต่อไปไม่ได้

“มีนักการเมืองสร้างกระแสเรื่องสถาบัน โดยใช้โซเซียลมีเดีย มีเงินทุนเคลื่อนไหวมาจากต่างชาติและผู้ไม่หวังดีต่อบ้านเมืองมาสนับสนุน ผู้จุดประเด็นเรื่องเหล่านี้มีการสร้างคะแนนนิยม สร้างมวลชนกับคนรุ่นใหม่ว่าเรียนจบไม่มีงานทำ มีงานทำก็เลี้ยงตัวเองไม่พอ มองไม่เห็นอนาคต วันนี้มีผู้หยิบยกอนาคตว่ากำลังจะมีอนาคตดี เป็นอนาคตใหม่ แต่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองก่อน เป้าหมายไม่ใช่แค่การเป็นนายกฯ แต่เป็นอะไรที่มากกว่านั้น นักการเมืองคนนี้ คนไทยทั้งประเทศรู้ว่าเป็นใครที่ไปฝังชิพหลอกลวงคนรุ่นใหม่แบบนี้ สิ่งเหล่านี้กดทับเขาอยู่”นายชัยวุฒิกล่าว

นายชัยวุฒิ กล่าวอีกว่า ถ้ารัฐบาลตัด 3 สิ่งคือ นักการเมือง โซเซียลมีเดีย และเงินไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีวันชนะ ถ้าตัด 3 สิ่งนี้ไม่ได้ก็มีทางออก 5 ข้อ 1.นายกฯลาออก ยอมแพ้ 2.ยุบสภา เลือกตั้งใหม่ แต่ปัญหาไม่จบ ทำได้แค่ซื้อเวลา เมื่อมีรัฐบาลใหม่ก็มาสู้กันต่อ 3.ยึดอำนาจ ถ้าจะยึดอำนาจตัวเองก็ทำได้ แต่อาจอยู่ได้ไม่นานเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต 4.การทำประชามติถามประชาชนว่า อยากเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ และ 5.ไม่ทำอะไรเลย ทนอยู่กันไปแบบนี้ หลายครั้งที่สถานการณ์จบแบบไม่ทำอะไรเลย เป็นทางออกดีสุด ใช้ความอดทนทำความเข้าใจกันไป เพื่อดึงแนวร่วมออกมา

ด้านนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ชี้แจงว่า โซเชียลมีเดียรวดเร็วทันสมัย ในฐานะภาครัฐเราจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เพราะเนื้อหาและสิ่งที่แสดงออกมาในวันนี้รุนแรงมาก มีทั้งยุยง ปลุกปั่น ทำลายสถาบันหลักของประเทศ ส่วนคนที่ใช้โซเชียลมีเดียภายใต้กฎหมายก็ไม่เป็นอะไร เราไม่ได้ไปล่วงเกินสิทธิอะไรของเขาเลย แต่ 2 พันกว่ารายที่ถูกดำเนินคดีนั้น เพราะดูแล้วว่าจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมายจริงๆ สิ่งที่เผยแพร่แล้วทำร้ายจิตใจแบบนี้ท่านยอมได้หรือ ถ้าตนไม่ทำ แล้วท่านยอมได้หรือ

“ทั้งหมดที่ถูกดำเนินคดีนั้น เราไม่ได้ใช้ความรู้สึกของรัฐบาล แต่อาศัยกระบวนการยุติธรรม รวบรวมข้อมูลหลักฐาน ซึ่ง 80 เปอร์เซ็นต์ประชาชนเป็นคนส่งมาให้ ยืนยันว่าถ้าพบว่ามีความผิดและเข้าข้อกฎหมายก็ต้องดำเนินคดี ส่วนที่มีการระบุว่ามีการปิดกั้นสื่อนั้นก็ไม่เป็นความจริง สื่อยังคงทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ เราเพียงแค่เตือนว่า สิ่งที่มีการนำเสนอนั้นหากท่านไม่ได้ตั้งใจก็ขอให้ลบออก แต่ถ้ายังไม่มีการดำเนินการใดๆ ก็จำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมาย”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน